บทที่ 120 เขาติดหนี้บุญคุณอันล้นฟ้าต่อนาง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 120 เขาติดหนี้บุญคุณอันล้นฟ้าต่อนาง
ดูแล้วกู้โม่เฟิงน่าจะลืมไปแล้ว สมญานาม “เทพสงคราม” ที่ทำให้คนได้ยินต้องกลัวของเขานั้นได้มาอย่างไร

ในเมื่อกู้โม่เฟิงกลับได้คืบจะเอาศอก ก็อย่างโทษเขาไร้เยื่อใย!

หนานหว่านเยียนเมื่อครู่ยังแอบเจ็บใจ ตอนนี้ก็ตกใจจนคางห้อยแล้ว

คิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานจะลงมือกับคนของกู้โม่เฟิงต่อหน้าทุกคน!

กู้โม่เฟิงโมโหขึ้นทันที “กู้ โม่ หาน! เจ้า เจ้าช่างกล้า!”

กู้โม่หานหัวเราะเย็นชา จากนั้นก็ชักกระบี่ออกมา คราบเลือดบนกระบี่หยดลงบนพื้น ไม่ได้เปื้อนบนตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

จากนั้น เขาก็ทิ่มเข้าร่างกายขององครักษ์อย่างแรง “กระบี่เมื่อครู่ เป็นของหลาวเสิ่น กระบี่นี้ แทนพี่น้องคนอื่นๆ ยังมีอีกกระบี่…….”

สีหน้าของเขาเย็นชาโหดเหี้ยม เหมือนดั่งปีศาจที่คลานขึ้นมาจากนรก ไม่มีความรู้สึกใดๆ

“หนานหว่านเยียนเป็นคนที่ข้าเชิญมาช่วยคน พวกเจ้าเหยียดหยามนาง ก็คือเหยียดหยามข้า!”

พูดไป กู้โม่หานก็ฟันเอ็นมือเอ็นเท้าขององครักษ์จนขาด

ทันใดนั้น ภายในกระโจมก็ดังไปด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดขององครักษ์ เสมือนผีตายโหงร้องโหยหวน องครักษ์สลบตายไปไม่ขยับ

หนานหว่านเยียนสองตาตะลึง

นางแม้กระทั่งถามตัวเองอย่างบ้าคลั่ง “ข้าคือใคร? ข้าอยู่ไหน? คนนี้คือกู้โม่หานจริงหรือ” …….

กู้โม่หานช่วยนางระบายความโกรธนี้ ทำให้นางคาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย

หลาวเสิ่นมองอยู่ในสายตา ทันใดนั้นก็มีความคาดหวังอันดุเดือดขึ้นมา ท่านอ๋องเทพสงครามอันเด็ดขาดของพวกเขา กลับมาแล้ว!

ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว อ๋องเฉิงเหิมเกริมกดทันทุกแห่งหน อ๋องอี้ก็สำรวมความสามารถ หลับหูหลับตาไม่สนใจ ทำให้พวกเขาพี่น้องทั้งหลายสามารถเลี่ยงได้ก็เลี่ยง

แต่ใครจะไปคิดว่ากู้โม่เฟิงไม่เพียงไม่สำรวม แต่กลับยิ่งลงโทษพวกเขาหนักขึ้นไปอีก วันนี้บนสนามฝึกซ้อม ยังใช้วิธีสกปรกทำร้ายพวกเขาปางตาย

โชคดี ในที่สุดท่านอ๋องก็ตื่นแล้ว พวกเขา ก็สามารถเงยหน้าหายใจแล้ว

กู้โม่เฟิงกลับไม่ได้คิดเช่นนี้ สายตาอันแดงเดือดของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เขารู้ตัวว่าฝีมือการต่อสู้สู้กู้โม่หานไม่ได้ เพราะฉะนั้นถึงอยากใช้วิธีแบบนี้ไปกดดันเขา แต่วันนี้กู้โม่หานกลับต่อต้านแล้ว!

เขาชักกระบี่ออกมากะทันหัน ชี้ไปที่ปลายจมูกของกู้โม่หาน “กู้โม่หาน! เข้าช่างใจกล้านัก กลับกล้าทำร้ายองครักษ์ของข้า!”

ทันใดนั้น ภายในกระโจมสถานการณ์ตึงเครียด หนานหว่านเยียนกังวลผู้บาดเจ็บไปด้วย อีกด้านหนึ่งก็บังคับตัวเองจ้องมองสองพี่น้องนี้ปะทะกันอย่างสงบสติ

เวลานี้ กู้โม่หานหันหลังพูดกับนางเย็นชา “ไปช่วยคน!”

หนานหว่านเยียนพุ่งไปที่หลาวเสิ่นอย่างไม่ลังเล เสี้ยวเวลากระชั้นชิด ปลายมีดของกู้โม่เฟิงหันออกจากหน้าของกู้โม่หาน ชี้ไปที่คอของหนานหว่านเยียน

ภาพอันตะลึงนี้ทำให้ทุกคนกลั้นหายใจ กู้โม่หานก็คาดไม่ถึงว่ากู้โม่เฟิงจะทำเช่นนี้

เส้นผมที่ถูกตัดขาดของหนานหว่านเยียนลอยอยู่บนอากาศ นางตกใจในชั่วขณะ ก็ตั้งสติและสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

“อ๋องเฉิง นี่ท่านทำอะไร?”

กู้โม่หานหัวเราะเย็นชา “หนานหว่านเยียน เจ้าอย่าได้ใจเลย หากพี่น้องเหล่านี้ถูกเจ้ารักษาจนตาย เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?”

เขาสู้กู้โม่หานไม่ได้แล้วยังไง จัดการกับผู้หญิงตัวคนเดียว ยังมั่นใจพอ!

หนานหว่านเยียนสีหน้าสงบเรียบเฉย ราศีรอบกายเต็มไปด้วยความหนักแน่น

“ในเมื่อท่านมั่นใจขนาดนั้น มิเช่นนั้นก็พนันกับข้า?”

“หากข้าทำไม่ได้ ท่านก็ไปร้องเรียนข้าต่อหน้าเสด็จพ่อ ลงโทษข้า แต่หากข้าช่วยพวกเขากลับมาได้ ท่านต้องขอโทษต่อเหล่าทหาร แล้วก็——กู้โม่หาน!”

กู้โม่หานมองไปทางหนานหว่านเยียน สีหน้าอันโหดเหี้ยมมีความประหลาดอยู่เล็กน้อย

เขาคิดไม่ถึง นางกลับช่วยเขาพูด

กู้โม่เฟิงเหยียดหยาม

“ได้ หากเจ้าสามารถช่วยพวกเขาสามคนได้ ข้าก็จะคุกเข่าขอโทษพวกเขาต่อหน้าทหารนับร้อยนับพัน แต่หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็ต้องได้รับโทษตามระเบียบ! อย่าโทษข้าไม่เตือนเจ้า ไร้ความสามารถยังฝืนช่วยคน ช่วยจนคนตายแล้ว ก็คือโทษตาย!”

ก็แค่ชายาไร้อำนาจคนเดียวเท่านั้น ไม่มีความสามารถอะไรหรอก

มิหนำซ้ำ ทหารสามคนนี้ก็ใกล้ตายแล้ว หนานหว่านเยียนจะพยายามแค่ไหน ก็ดึงวิญญาณกลับมาไม่ได้

เขาแค่รอดูความสนุกก็พอ คอยดูหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานจะทำตัวเองอยู่ในปัญหายังไง

หนานหว่านเยียนสะบัดมือที่ถือกระบี่ของกู้โม่เฟิงออก

“อ๋องเฉิงรักษาคำพูดด้วย ทุกคนในเหตุการณ์ได้ยินหมดแล้ว ยังหวังว่าท่านพูดคำไหนคำนั้น ตอนนี้ หลีกไป!”

นางเดินข้ามกู้โม่เฟิงไป ย่อตัวลงอยู่ข้างกายพวกหลาวเสิ่นทั้งสามคน ตรวจสอบอย่างละเอียด

ถึงได้พบว่า อาการบาดเจ็บของทั้งสามคนหนักกว่าที่นางคิดไว้เยอะ

หลาวเสิ่นเห็นหนานหว่านเยียนสีหน้าเคร่งเครียด ก็อดที่จะหมดหวังไม่ได้ พูดด้วยสีหน้าซีดขาว

“ขอบคุณพระชายา ข้าน้อยเสิ่นจวิน สองคนนี้คือเฉินจวินและเซียวลี่ ข้าน้อยรู้ว่าตัวเองไร้ทางรักษา พระชายาอย่า…….”

เขาเปิดปากพูดก็ยากเย็นอย่างมาก พูดประโยคยาวขนาดนี้ออกมา เกือบจะไม่ไหว

“เจ้าอย่าพูด รักษาเรี่ยวแรงไว้สำคัญ ข้าต้องช่วยพวกเจ้าสุดความสามารถแน่นอน” หนานหว่านเยียนไม่มีเวลาฟังอย่างละเอียด จึงพูดกลับอย่างเด็ดขาด

นางเห็นเฉินจวินบาดเจ็บจากกระบี่ ไหล่และขาบาดแผลเล็กๆใหญ่รวมสิบสองจุด ลึกไม่เท่ากัน บางจุดเริ่มเน่าแล้ว

เซียวลี่ค่อนข้างดีหน่อย แต่ก็เหลือเพียงลมหายใจเฮือกเดียวแล้ว

มีเพียงเสิ่นจวินที่พูดเมื่อครู่นี้…….

เอ็นมือเอ็นเท้าของเขาล้วนถูกตัดขาด หน้าอกยังอยู่กระบี่แทง บาดแผลประมาณห้าเซนติเมตร

“นี่มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”

กู้โม่เฟิงไม่ใช่คนจริงๆ!

หนานหว่านเยียนสูดอากาศเย็นเข้าไป หลาวเสิ่นถึงจะช่วยชีวิตไว้ได้ ก็เป็นคนพิการแล้ว บวกกับเมื่อครู่ความโกรธของเขาสะเทือนหัวใจ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าแม้แต่เวลาหายใจยังมีค่ามาก

หนานหว่านเยียนลุกขึ้นมองไปที่กู้โม่หาน สีหน้าเคร่งขรึม

“ท่านอ๋อง รบกวนท่านพาคนไม่เกี่ยวข้องออกไป ในนี้ข้าต้องการผู้ช่วยส่วนหนึ่ง ไม่มาก สามคนที่ไม่บาดเจ็บ เรี่ยวแรงพอเพียงเท่านั้น”

คนพวกนี้ตัวใหญ่ร่างสูง นางคนเดียวจัดการไม่ไหว

หนานหว่านเยียนพูดจบ ก็ดึงกระบี่จากมือกู้โม่หานมา ฟันไปที่กระโปรงยาวของตัวเอง กระโปรงยาวส่วนเกินแค่ขวางทาง ตัดขาดแล้วก็สะดวกขึ้นเยอะ

นางดึงมือขึ้นวางกระบี่ เก็บผ้าบนพื้นขึ้นมามัดผมของตัวเอง

หนานหว่านเยียนคืนกระบี่ให้กู้โม่หาน ม้วนแขนเสื้อขึ้นพูดอย่างเคร่งขรึม “ผู้ช่วยทางที่ดีว่องไวหน่อย ข้าจะเริ่มแล้ว”

กู้โม่หานมองนางด้วยสีหน้าสับสน ท่าทางอันเตรียมพร้อมของหนานหว่านเยียนทำให้เขาตกใจ

ถ้าหาก ครั้งนี้หนานหว่านเยียนช่วยพวกหลาวเสิ่นได้…….

เช่นนี้เขาก็ติดหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงต่อนาง!