บทที่ 299: พิธีอัญเชิญมหาสมบัติ (1)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 299: พิธีอัญเชิญมหาสมบัติ (1)

ฉินเย่จัดแจงเสื้อผ้าของตนอยู่หน้ากระจกอีกเล็กน้อย อืม… สมบูรณ์แบบ

ลิ้นของเขาห้อยยาวออกมา รูม่านตาสีขาว ม่านตาสีดำสนิท และเส้นผมสีเขียวหยกของเขาถูกหวีไปด้านหลังอย่างเป็นระเบียบ… ไม่ว่าเขาจะมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างไร เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นยมทูตขาวดำที่หน้าตาดีที่สุดในยมโลกตอนนี้…

เขาต้องการให้ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ออกมาดูดีอย่างไร้ที่ติ

อาร์ทิสไม่เข้าใจว่าทำไม และเขาก็ไม่คิดจะอธิบายให้นางฟัง ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจถึงความสำคัญที่แท้จริงของเหตุการณ์ในวันนี้ นั่นก็คือเพื่อสร้างโลกทัศน์ให้กับเหล่าวิญญาณในยมโลก

เพราะอย่างไรแล้ว วิญญาณส่วนใหญ่อาจจะยังคิดว่ายมโลกนั้นไม่ต่างอะไรกับแดนมนุษย์ มีเพียงการอัญเชิญกองกำลังจากโบราณกาล อัญเชิญสมุดแห่งความเป็นตาย และขยายพื้นที่ของยมโลกเท่านั้นที่เขาจะสามารถสร้างความเข้าใจให้กับวิญญาณทั้งหมดว่าแม้ว่าที่นี่จะคล้ายกับแดนมนุษย์ แต่ยมโลกก็ยังเป็นสถานที่ซึ่งแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

มันยังคงมีเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและมนุษยศาสตร์เช่นเดียวกับแดนมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นพลังหยิน ศาสตร์เวทมนตร์ และทหารวิญญาณ การเน้นย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างเป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้วิญญาณทั้งหมดตระหนักได้ว่าตนนั้นได้ตายไปแล้ว และพวกเขาก็กำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่แตกต่างออกไปและกฎข้อบังคับที่แตกต่างจากแดนมนุษย์ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยปูทางสำหรับการศึกษา การวิจัย และมุมมองที่เปิดกว้างและแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาจะไม่ถูกผูกมัดด้วยข้อจำกัดของไฟฟ้า พลังงานลมและเชื้อเพลิง และพวกเขาจะเริ่มมีการขยายความคิดเกี่ยวกับพลังหยิน และรวมถึง… ความเป็นความตาย

เขาเชื่ออย่างยิ่งว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้จะต้องตราตรึงอยู่ภายในใจของวิญญาณทุกตนไปตลอดกาล

“ไปเถอะ” เมื่อเอ่ยจบ เด็กหนุ่มก็ก้าวออกไปโดยไม่ลังเล พร้อมกับเสียงโห่ร้องที่ดังสนั่นของเหล่าวิญญาณจำนวนมาก

………

หยินเซี่ยงหนานเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย

ผู้ที่โชคไม่ดีนัก

เขาเสียชีวิตจากการพยายามช่วยหญิงวัยชราที่กำลังข้ามถนน เมื่อใดก็ตามที่เขามองย้อนกลับไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักทีสองที คนแก่ก็ควรจะรู้ขีดจำกัดของตัวเองสิ ! นางจะข้ามถนนทำไมในขณะที่สัญญาณข้ามถนนยังเป็นสีแดง ? แล้วทำไมเจ้าถึงพยายามจะช่วยนาง ? สมควรแล้วที่จะถูกรถชนตาย !

น่าเศร้าที่ต่อให้บ่นอะไรไปมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้เขาได้มายืนอยู่ในสถานที่ลึกลับในชีวิตหลังความตายของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มันควรจะเป็นโลกใต้พิภพที่รุ่งโรจน์ แต่สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้กลับเล็กอย่างน่าสมเพช สิ่งก่อสร้างเดียวที่ตั้งอยู่คือประตูนรก แต่เขาก็ไม่ใช่พวกที่ชอบก่อปัญหา ถึงแม้ว่าชีวิตหลังความตายของเขาจะเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย แต่มันก็เงียบสงบ อย่างน้อย… ก็จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้น

ใบหน้าของอีกฝ่ายดูเยาว์วัย และมันก็เห็นได้ชัดเจนว่าชายผู้นี้อายุมากกว่าเขาไม่เกินปีหรือสองปีเท่านั้น แต่… เขากลับสังหารคนกว่าร้อยคนได้ด้วยการตวัดมือเพียงครั้งเดียว ! มันน่ากลัวจนหยินเซี่ยงหนานต้องหลบตัวอยู่หลังต้นไม้ ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว

และเขาก็กลายเป็นหนึ่งในวิญญาณกลุ่มแรกของยมโลกแห่งใหม่

หลังจากเหตุการณ์นั้น ชีวิตของเขาก็กลับไปอยู่ในสภาวะปกติที่น่าเบื่อหน่ายดังเดิม โชคดีที่หลังจากผ่านไปไม่นาน วิญญาณกลุ่มที่สองก็มาถึงที่ยมโลก แต่ที่นี่ไม่มีทั้งคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ และทั่วพื้นที่ก็มีขนาดไม่ถึงห้าตารางกิโลเมตรเท่านั้น แม้แต่พวกที่ไม่ค่อยเข้าสังคมก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เพราะอย่างไรแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่พวกเขาสามารถทำได้

พวกเขาไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่ม และไม่จำเป็นต้องนอนพัก ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยพลังงาน อันที่จริง มันมีบางช่วงที่เรารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเพราะความเบื่อหน่ายนี้ มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาจะกลายร่างเป็นซอมบี้ วันเวลาที่ผ่านไปไร้ชีวิตชีวาอย่างสิ้นเชิง !

และมันก็เป็นตอนนั้นเองที่โครงการเกี่ยวกับสวนจี้ชั่งระยะ 1 ได้รับการประกาศ

กระแสความตื่นเต้นปรากฏให้เห็นในยมโลกเป็นครั้งแรก

นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รู้ว่ายมโลกแห่งเก่าได้ล่มสลายไปแล้ว

นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือผู้ที่ได้รับหน้าที่ในการสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่

และมันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายพยายามทำงานและวางแผนอย่างหนักเพื่อสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

กลุ่มเมฆสีดำที่ปกคลุมอนาคตของพวกเขาอยู่ดูเหมือนจะเบาบางลงในชั่วพริบตา เปิดทางให้แสงแห่งความหวังสาดส่องลงมาได้ ในวินาทีนั้น มันไม่สำคัญว่าจะเป็นอะไร ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการก็คือมีอะไรสักอย่างให้ทำ ! หยินเซี่ยงหนานรีบสมัครเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทก่อสร้างหยินทันที แต่น่าเสียดายที่ใบสมัครของเขาถูกปฏิเสธ

และหลังจากนั้น… ภาพที่ตามมาก็ไม่ค่อยน่าดูเลยสักนิด

เครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างจำนวนหนึ่งกระจัดกระจายไปทั่วดินแดน และมีวิญญาณไม่ถึงร้อยตนเท่านั้นที่ได้มีส่วนร่วมในงานก่อสร้าง และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือพวกเขาทำงานกับแบบหมุนเวียน ภาพที่น่าหมดหวังนี้ทำให้ความกระตือรือร้นของทุกคนหายไปอย่างรวดเร็ว วิญญาณเริ่มรวมตัวกันใต้ต้นไม้และไม่มีอะไรทำอีกครั้ง รวมถุงพูดคุยกันเกี่ยวกับทุกอย่างตั้งแต่เกิดไปจนถึงสาเหตุการตายเป็นการฆ่าเวลา หยินเซี่ยงหนานรู้สึกตื้อชาและมึนงงกับสถานการณ์ที่พลิกผันอย่างรวดเร็วนี้มาก

และมันก็เป็นตอนนั้นเองที่คลื่นความโกรธและคำร้องเรียนได้ก่อตัวขึ้นในยมโลกอีกครั้ง

หากไม่คาดหวังก็คงไม่สิ้นหวัง แต่ช่างน่าเศร้า ยมโลกแห่งใหม่ได้มอบความหวังให้กับประชากรวิญญาณทั้งหมด และก็พรากมันไปในชั่วพริบตา

หลังจากผ่านไปไม่นานเขาก็พบว่าจำนวนวิญญาณที่ดูจะไม่พอใจเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอย่างมาก พลังหยินมากมายไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของพวกเขา หยินเซี่ยงหนานยังเด็ก หลังจากที่ได้เห็นการสังหารอย่างโหดเหี้ยมของฉินเย่ถึงสองครั้ง เขาก็ไม่กล้าที่จะบ่นออกมาแม้แต่คำเดียว และหลังจากนั้น เขาก็ได้เห็นการก่อจลาจลของเหล่าวิญญาณในยมโลกอีกครั้ง และมันก็ถูกเด็กหนุ่มคนนั้นปราบปรามลงอย่างรวดเร็วเช่นเคย ความเคารพของเขาที่มีต่อยมโลกพุ่งขึ้นสู่อีกระดับในทันที

แต่ความเคารพนั้นก็ไม่สามารถฆ่าความเบื่อหน่ายในจิตใจของเขาได้

วันแห่งความเกียจคร้านของเขายังคงดำเนินต่อไป และเขาก็ได้แต่เดินไปรอบ ๆ นรกด้วยสายตาที่ปราศจากความทะเยอทะยานใด ๆ มันไม่มีจุดสิ้นสุด นี่ไม่ต่างอะไรกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นคอยปิดล้อมเขา ปิดกั้นประสาทสัมผัสและความรู้สึกทั้งหมดในร่าง ความซ้ำซากจำเจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนภายในหัวของเขาเริ่มนึกเสียดายและโกรธแค้นชะตากรรมของตัวเอง หากเขารู้ว่าชีวิตหลังความตายจะเป็นแบบนี้…

เขาคงสู้เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่

เขาคงไม่ตาย !

เขาไม่อยากตาย !

ชีวิตไม่ยุติธรรม !

ทำไมมันถึงไม่มีรางวัลสำหรับการกระทำที่กล้าหาญของเขา ?

มันไม่มีอะไรให้คาดหวัง ปรารถนาหรือโหยหาทั้งสิ้น ในเวลานั้น แม้การเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยในยมโลกก็สามารถทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านไปด้วยความตื่นเต้น ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและเฉื่อยชา จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่วิญญาณทั้งหมดเงยหน้ามองขึ้นฟ้าด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า และตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากก็ตกลงมา

รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก เขายังคงจำบรรยากาศรอบตัวในวันนั้นได้อย่างชัดเจน วินาทีที่ตู้คอนเทนเนอร์ถูกเปิดออก มันเผยให้เห็นกองหนังสือ ฟุตบอล บาสเกตบอล ชุดหมากรุก อุปกรณ์ปิงปอง และอุปกรณ์กีฬาและสิ่งของสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจจำนวนมาก หยินเซี่ยงหนานอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ

เขาไม่ได้ส่งเสียงออกมา กลับกัน เขาเพียงรู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังบีบหัวใจของเขาอย่างหนัก มันแทบจะเหมือนกับว่าความรู้สึกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาของเขาได้รับการรับฟังและยอมรับ น้ำสีใสยังคงไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง นอกจากนี้ ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่มีปฏิกิริยาแบบนั้นในวันนั้น

วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนมองดูตู้คอนเทนเนอร์มากมายตกลงมาที่พื้นและเปิดออก เผยให้เห็นสิ่งของด้านใน พื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงันหากไม่นับเสียงสอดประสานกันของลมหายใจที่ติดขัด เสียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และเสียงครวญครางแห่งความสุข ซึ่งกลายเป็นเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่น เสียงตะโกนด้วยความดีใจในเวลาไม่นาน! ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นอีกตามธรรมชาติ

บางทีเหล่าคนเป็นอาจไม่เข้าใจว่าการปรากฏตัวของสิ่งเหล่านี้มีค่าเพียงใดสำหรับเหล่าวิญญาณในยมโลก

แต่สำหรับพวกเขาที่เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความตายแล้ว… สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนกับเครื่องช่วยหายใจสำหรับพวกเขา มันเป็นเหมือนกับออกซิเจนที่พวกเขาต้องการมากที่สุด !

ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว !

วันแห่งโชคชะตาเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเป็นเหมือนจุดพลิกผันที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย !

ทั่วทั้งยมโลกเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงของกิจกรรมมากมาย ทุกคนล้วนพูดถึงท่านฉิน และไม่ใช่ในท่าทีที่ต่อว่า แต่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและชื่นชมจากใจจริง อันที่จริง ตั้งแต่การประกาศครั้งล่าสุดในยมโลกเมื่อเดือนก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างก็เฝ้ารอพิธีอัญเชิญมหาสมบัติชิ้นแรกของยมโลกอย่างใจจดใจจ่อ !

เขา… รู้สึกมีชีวิตอีกครั้ง

นี่คือความคิดที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาเมื่อเดือนที่แล้ว ร่างของเขารู้สึกราวกับได้รับการฟื้นฟู ความหวังปรากฏให้เห็นอีกครั้ง และเมื่อเขาได้ยินท่านหยินเอ่ยถึงนโยบายที่จะถูกประกาศออกมาในอนาคตอันใกล้ หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง และเขายังเผลอปรบมือออกไปเสียงดังลั่นอีกด้วย !

เขาไม่ได้ทอดทิ้งเรา !

ชีวิตนั้นเป็นเรื่องยาก แต่รัฐบาลของยมโลกก็พยายามทำทุกอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเรา ! เรา… ยังมีความหวัง ! อนาคตที่รออยู่ข้างหน้านั้นสดใสอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้ !

พลเมืองทั้งหมดเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของยมโลกตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาด้วยตัวเอง วิญญาณจำนวนหนึ่งลงชื่อสนับสนุนการพัฒนาของยมโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หลังจากที่พูดคุยกับวิญญาณตนอื่น ๆ มาจนคุ้นเคยกัน หยินเซี่ยงหนานก็ได้รู้อะไรรอบตัวมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเขาได้รู้ว่าเหล่าจ้าวเคยเป็นช่างซ่อมอาวุโสมาก่อนในตอนที่ยังมีชีวิต อีกฝ่ายได้สมัครเข้าโรงงานวัสดุก่อสร้างและได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนก

พี่สาวที่เสียชีวิตลงเพราะโรคลูคีเมียสมัครเข้าร่วมบริษัทบรรจุภัณฑ์ในนรกและกำลังรอให้สายการผลิตถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเสร็จสมบูรณ์เพื่อที่นางจะได้เริ่มทำงานของตน

ชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าเศร้าสร้อยสมัครเข้าร่วมพันธมิตรเจ้าของโรงงาน เขาเดาว่าอีกฝ่ายคงจะร่ำรวยไม่น้อยในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่… ดีจริง ๆ…

วิญญาณส่วนใหญ่ยังคงพูดคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ แต่บรรยากาศที่ห้อมล้อมพวกเขาก็แตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ประมาณ 50% ของวิญญาณทั้งหมดได้สมัครเข้าบริษัทก่อสร้างหยิน และมีคนงานประจำอยู่ที่พื้นที่ก่อสร้างตลอดเวลา นอกจากนี้ ดูเหมือนพวกเขาจะมีกำลังคนไม่พอเสียด้วยซ้ำ ภาพที่เหล่าโปรโมเตอร์เดินเข้าไปหากลุ่มวิญญาณที่กำลังพูดคุยกันใต้ต้นไม้เพื่อที่จะหาคนงานให้กับองค์กรของตนไม่ใช่ภาพแปลกอีกต่อไป มันมีแม้กระทั่งการทะเลาะกันระหว่างเหล่าโปรโมเตอร์และคนงานก่อสร้างปรากฏให้เห็นเป็นครั้งคราว

นอกจากนี้ หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็มักจะเป็น “เจ้าสมัครเข้าหน่วยงาน ?”

“เจ้าได้รับเลือกให้เข้าร่วมกับทางรัฐบาล ? เจ้าจะได้เป็นข้าราชการแล้ว ! ไม่เลวนี่ !”

“นี่ เจ้าน่ะ อยากจะเข้าร่วมทีมฟุตบอลกับพวกเราไหม ? มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะรู้จักกันหรือไม่ เพราะอย่างไรแล้วเราก็เล่นอยู่ทีมเดียวกัน ! เจ้าพอจะชวนใครได้อีกไหม ?”

“เหล่าจ้าว หมากรุกดีหรือไม่ ? จากนั้น พวกเราก็ค่อยไปที่โรงงานกันในตอนบ่ายเพื่อดูว่ามีพวกเขามีใบสมัครมาเพิ่มหรือยัง”

นรกได้รับการยกระดับใหม่ทั้งหมด และตอนนี้บรรยากาศทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

ด้วยเหตุนี้เขาจึงตื่นเต้นกับพิธีการอัญเชิญที่จะถูกจัดขึ้นในวันนี้เป็นอย่างมาก มากจนนอนแทบไม่หลับ !

เขาอยากรู้ว่ายมโลกจะมอบอะไรให้กับเขาอีก

เขาอยากรู้ว่ามันจะมีอะไรให้เขาตั้งตารอ

ยมโลกในเวลานี้เป็นเหมือนกับกล่องวิเศษหลายชั้นที่ทำให้เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่เปิดออก เขาอดทนรอแทบไม่ไหวที่จะเปิดไปถึงชั้นสุดท้ายของมัน อยากจะรู้ว่าจริงหรือไม่ที่สิ่งที่ถูกเก็บไว้ด้านในนั้น… เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแท้จริง

“เสี่ยวหยิน ?” ทันทีที่เขาเดินเลี้ยวตรงหัวมุมเขาก็พบกับชายสูงวัยสองคนที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่ “เจ้ากำลังจะไปเข้าร่วมพิธีอัญเชิญอย่างนั้นหรือ ?”

“ใช่แล้วท่านลุงหวัง” หยินเซี่ยงหนานแย้มยิ้ม “ท่านลุงหางานที่เหมาะกับตัวเองได้หรือยัง ?”

“ใกล้แล้ว” ลุกหวังยิ้มตอบ “จะว่าไป ตอนนี้เพิ่งเป็นเวลาเท่าไหร่เอง ? มันจะไม่เร็วเกินไปหรือที่จะไปยังที่จัดพิธี ?”

“ข้าแค่รีบไปเพราะอยากได้ที่ดี ๆ เท่านั้น” หยินเซี่ยงหนานหัวเราะออกมาขณะที่วิ่งไปที่ประตูนรก

แต่ยิ่งเขาเข้าไปใกล้มาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น และเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งไปที่ประตูนรกได้ความเร็วสูงสุดทันที

วิญญาณ… มีวิญญาณอยู่เต็มไปหมด !

ตอนนี้ประตูนรกได้ถูกปิดลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมันก็มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ที่หน้าประตูและทำหน้าที่คล้ายกับนาฬิกา พิธีอัญเชิญมหาสมบัติจะถูกจัดขึ้นในเวลา 10 โมงตรง ตอนนี้เพิ่งเป็นเวลาแปดโมงเท่านั้น แต่เขากลับพบว่าพื้นที่โล่งหน้าประตูนรกกลับอัดแน่นไปด้วยวิญญาณจำนวนมาก !

เชี่ยอะไรวะเนี่ย ?!

คนพวกนี้มาเช้าแค่ไหนกัน ?!

เขายังคงวิ่งต่อไปอีกประมาณ 200-300 เมตรจนกระทั่งถูกขวางเอาไว้โดยเหล่าวิญญาณที่อยู่โดยรอบ จากนั้นเขาก็พบว่าตัวเองกำลังติดอยู่ในฝูงวิญญาณจำนวนมาก ทำได้เพียงขยับไปด้านหน้าทีละนิด ๆ

เขาถูกอัดแน่นอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งวิญญาณ !

พลังหยินมากมายไหลเวียนอยู่โดยรอบ และผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ พื้นที่หน้าประตูนรกกว้างแค่ไหน ? มันจะสามารถรองรับเหล่าผู้ชมนับแสนได้อย่างไร ? นี่มันแย่ยิ่งกว่าการดูการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าที่แดนมนุษย์เสียอีก !

พวกเขาเบียดกันแน่นราวกับปลากระป๋อง ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าทุกคนในที่นี้ต่างเป็นวิญญาณ มันคงจะมีคนถูกเหยียบจนได้รับบาดเจ็บหรือตายเป็นแน่ หยินเซี่ยงหนานบ่นออกมากับตัวเองเบา ๆ “บ้าชะมัด… มันจำเป็นต้องถึงขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ ?”

“แล้วทำไมมันถึงไม่จำเป็นล่ะ ?” วิญญาณเด็กหนุ่มใส่แว่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นพิธีการครั้งแรกของเหล่าวิญญาณในยมโลก มันแทบจะเหมือนกับงานกาล่าของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ! เป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะดึงดูดผู้คนมากขนาดนี้ !”

รอยยิ้มบนใบหน้าเยาว์วัยแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจเป็นอย่างมาก

“นี่ประชากรวิญญาณทั้งหมดในยมโลกต่างมาเข้าร่วมพิธีการหมดเลยอย่างนั้นหรือ ?” หยินเซี่ยงหนานหันไปมองกลุ่มวิญญาณที่ยังคงหลั่งไหลมาที่ประตูนรกจากทั่วทุกทิศทาง เขาอดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลายอย่างเป็นกังวล

วิญญาณสวมแว่นถอนหายใจออกมา “หากนี่เป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน มันอาจจะมีวิญญาณเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่เข้าร่วม… แต่หากทำแบบสำรวจในตอนนี้ ข้าสามารถพูดได้เลยว่าท่านฉินจะได้รับการสนับสนุนอย่างน้อย 95% ! เขาจะต้องมีบางอย่างซ่อนเอาไว้ให้เราแน่ ๆ! แล้วเจ้าคิดหรือว่าทุกคนในที่นี้จะยอมพลาด ?”

หยินเซี่ยงหนานถอนหายใจออกมา เดาว่ามันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนเบียดกับวิญญาณที่อยู่โดยรอบต่อไปสินะ

แต่จำนวนวิญญาณมากเกินไปจริง ๆ …เพิ่ง 09.30 น. เท่านั้น แต่วิญญาณที่มารวมตัวกันอยู่หน้าประตูนรกกับมีจำนวนกว่าแสน ! โอดะโนบูนางะและทหารม้าของเขาต่างสวมชุดเกราะอย่างเต็มรูปแบบ รักษาความปลอดภัยของพื้นที่ 09.40 น…. 09.50 น…. ทันใดนั้น เมื่อเข็มนาฬิกาตีบอกเวลา 10 โมงตรง ทั่วทั้งยมโลกก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัด

ผู้คนที่พูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเมื่อครู่นี้เงียบเสียงลงในฉับพลัน หยินเซี่ยงหนานมองดูวิญญาณรอบตัวด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อครู่นี้วิญญาณจำนวนมากยังคงกรีดร้องอย่างสุดเสียงและพูดคุยกัน แต่ตอนนี้กลับไม่มีเสียงให้ได้ยินสักแอะ ทุกอย่างดูเหมือนกับถูกปิดเสียงลงอย่างกะทันหัน และหลังจากนั้น ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่ประตูนรกด้วยประกายไฟที่ลุกโชน

ทันใดนั้น เสียงเป่าแตรก็ดังขึ้นตัดผ่านความเงียบสงัด ตามมาด้วยเสียงกลองและเสียงร้องประสานของเหล่าวิญญาณผู้หญิงที่แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสมัยราชวงศ์ถังลอยออกมาจากประตูนรก

หยินเซี่ยงหนานอ้าปากค้างด้วยความตะตกลึงและมองภาพตรงหน้าด้วยลมหายใจที่ติดขัด

ไม่จำเป็นต้องมีการเกริ่นนำใด ๆ ทั้งสิ้น วิญญาณทั้งหมดรับรู้ได้ทันที… พิธีอัญเชิญมหาสมบัติเริ่มขึ้นแล้ว !