ตอนที่1245 ขุมพลังแห่งอาณาจักรพระเจ้า!

 

เมื่อชายชราผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น เย่หยวนสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเข้าปะทะแผ่นหน้าแสบร้อน

ความรู้สึกเช่นนั้นเสมือนกับเบื้องหน้าของเขาคือฟางเทียนที่ยืนอยู่

แรกพบประสบเจอชายชราผู้นี้ เย่หยวนคิดออกอยู่อย่างเดียวคือคำว่า แข็งแกร่ง!

และยังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!

กระนั้นเองยิ่งเขาเข้าใกล้ถ้ำแห่งนี้มากเท่าใด หัวใจของเขาพลันสั่นระรัวเต้นแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น

ณ ปัจจุบัน เย่หยวนรู้สึกราวกับหัวใจของเขาแทบกระโจนออกจากคอเขาแล้ว

และที่เย่หยวนใจสั่นขนาดนี้มิใช่เพราะชายชราตรงหน้าแน่นอน

ทว่าเป็นบางสิ่ง…ที่อยู่ภายในถ้ำ

 

“เย่หยวน หยุดอวดดีได้แล้ว!”

ในเวลานั้นเองอ้าวลี่และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของทั้งสี่เผ่าก็เร่งรุดตามมาเช่นกัน

 

เย่หยวนในยามนี้มิได้ใส่ใจพวกเขาเลยสักนิด ไม่ว่าอย่างเขาต้องทราบให้ได้ว่ามีสิ่งใดอยู่ในถ้ำกันแน่

 

“ท่านอาวุโส เย่หยวนคนนี้มิได้เจตนารบกวนท่าน ข้าแค่ต้องการเข้าไปดูในถ้ำเพื่อคลายความร้อนรนนี้เท่านั้น โปรดอนุญาตให้เข้าไปได้หรือไม่?”

เย่หยวนเร่งสงบสติอารมณ์ทันทีและเอ่ยเสียงเรียบสนทนากับชายชราผู้นั้นด้วยความใจเย็น

 

“สถานที่แห่งนี้เป็นบริเวณเก็บตัวของเราชายชรา หากมิใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ เจ้าไม่คิดหรือว่านี่จะเป็นการเสียมารยาทกันเกินไป?”

ชายชราผู้นั้นกล่าวตอบเสียงเย็น

 

 

เย่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า

“ผู้น้อยทราบดีว่าการกระทำนี้ของข้าค่อนข้างเสียมารยาทเกินไป ทว่าผู้น้อยกลับมีเหตุผลที่ต้องเข้าไปจริงๆ!”

ทั้งชาติก่อนหน้าและชาตินี้ สิริรวมเป็นเวลากว่าห้าร้อยปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนรู้สึกใจสั่นกระวนกระวายรุนแรงถึงเพียงนี้

เขามั่นใจอย่างยิ่งว่า ถ้ำแห่งนี้จะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตัวเขาแน่นอน!

 

“ช่างน่าขันสิ้นดี! ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่เก็บตัวของท่านบรรพบุรุษเป็นเวลาเนินนานแล้ว แล้วเจ้าคิดลบหลู่กันเช่นนี้รึ?”

อ้าวลี่กล่าวตะคอกสวนด้วยความโกรธ

 

เย่หยวนเหลียวมองอีกฝ่ายเล็กน้อยและกล่าวอย่างไม่แยแสขึ้นว่า

“มิใช่ธุระของเจ้า อย่ามาแส่!”

 

 

“เจ้า!”

อ้าวลี่โมโหจัดจนอกแทบระเบิดออกมา

 

ท่านบรรพบุรุษผู้นั้นสาดสายตาจับจ้องเย่หยวนอย่างพอเป็นพิธีและกล่าวขึ้นเสียงเรียบนิ่งว่า

“สหายตัวน้อย มีความลับของพวกเราเผ่าสี่สัตว์เทวะเก็บซ่อนอยู่ภายในถ้ำ เจ้ามีสายเลือดมังกรฟ้าที่แกร่งกร้าวก็จริง ทว่าสุดท้ายนี้ก็ปฏิเสธมิได้เลยว่าพื้นเพของเจ้าคือมนุษย์!”

 

คู่แววตาของเย่หยวนพลันหรี่แคบลงเล็กน้อย แม้วาจาคำกล่าวหรือกระทั้งน้ำเสียงของท่านบรรพบุรุษจะฟังดูไม่มีอะไรมาก ทว่านั้นกลับเป็นความจริงที่มิอาจฏิเสธได้เลย

ที่แห่งนี้เป็นของเผ่าสี่สัตว์เทวะ แต่เย่หยวนเป็นเผ่ามนุษย์!

เพียงวาจาคำกล่าวเดียวของท่านบรรพบุรุษก็เปรียบดั่งอาญาสิทธิ์สวรรค์ที่มิอาจฝ่าฝืน

 

แต่ทันใดนั้น เย่หยวนก็เรียกแท่งโลหะปรากฏขึ้นในมือทันที

แรงกดดันของเผ่ามังกรที่แผ่สะพัดออกมาจากแท่งโลหะนี้ ล้วนแล้วทำให้สีหน้าการแสดงออกของทุกคนเปรียบไปทันทร

กระทั้งท่านบรรพบุรุษที่รักษาความสงบเยือกเย็นมาโดยตลอด บัดนี้ยังต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง!

 

“ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์! หากย้อนกลับไปในปีนั้น ท่านประมุขรุ่นก่อนได้นำมันติดตัวไปและไม่เคยกลับมาอีกเลย! แต่ไฉนสิ่งนี้ถือปรากฏขึ้นในมือเจ้าได้?”

ท่านบรรพบุรุษโพล่งกล่าวขึ้นทันทีอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“จงสดับต่อหน้าตรามังกรศักดิ์สิทธิ์! ในเมื่อท่านกล่าวว่า นี่เป็นความลับของเผ่าสี่สัตว์เทวะ เช่นนั้นข้าสงสัยว่า ตัวข้าในฐานะประมุขเผ่ามังกรรุ่นปัจจุบันมีคุณสมบัติตรวจสอบบางสิ่งที่อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ได้..หรือ..ไม่!?”

เย่หยวนลั่นวาจาดังสนั่นดุจประกาศิตสวรรค์จุติ

 

สีหน้าการแสดงออกของท่านบรรพบุรุษไสวรวนเรไม่หยุดหย่อน เขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่า เย่หยวนจะมีสมบัติเช่นนี้อยู่ในมือ

เห็นตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ประทับอยู่เบื้องหน้า เท่ากับประมุขมมังกรเสด็จมาเอง แม้ปัจจุบันเขาจะมีตำแหน่งเป็นถึงท่านบรรพบุรุษ แต่ก็มิอาจขัดคำสอนของเหล่าบรรพชนมังกรแห่งยุคบรรพกาลได้!

 

ทว่าเหล่าสมาชิกเผ่าโดยรอบ, ผู้อาวุโสสูงสุดของทั้งสี่เผ่า รวมไปถึงอ้าวลี่เองล้วนแต่จับจ้องภาพฉากเหล่านี้อย่างโง่งม

พวกเขารู้สึกได้ว่า ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์นี้ต้องมิใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไปแน่นอน แต่พวกเขาทั้งหมดต่างเกิดและเติบโตขึ้นในดินแดนสัตว์เทวะแห่งนี้ และไม่รู้ว่าตรามังกรศักดิ์สิทธิ์อันนี้มีความสำคัญอย่างไร

 

“ท่านบรรพบุรุษ สิ่งนี้คืออะไรกัน?”

อ้าวลี่อดใจเอ่ยปากถามมิได้

สิ่งนี้ถึงขั้นทำให้ท่านบรรพบุรุษรักษาความสงบไว้ไม่อยู่ เห็นได้ชัดว่ามันมิใช่เครื่องรางธรรมดาทั่วไป

 

“นี่คือ ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์! เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์สวรรค์ประจำเผ่ามังกร! ส่วนท่านประมุขท่านนั้นที่หายสาปสูญไปพร้อมกับตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ก็คือ ผู้คิดค้นวรยุทต่อสู้ของเผ่ามังกรที่พวกเจ้าใช้ในปัจจุบัน! และคำสอนของเหล่าบรรพชนที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมีดังนี้ : ผู้ใดครอบครองตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ ผู้นั้นคือประมุขเผ่ามังกร!”

ท่านบรรพบุรุษกล่าวอธิบายเสียงดังฟังชัด

 

แน่นอน คำอธิบายนี้ของท่านบรรพบุรุษทำเอาสีหน้าการแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก

 

อ้าวลี่อ้างปากค้างหุบไม่อยู่ ก่อนหันมองเย่หยวนด้วยสายตาสุดตะลึง

“เขา…เขาจะขึ้นกลายเป็นประมุขเผ่ามังกรได้อย่างไร? ขะ-เขา…เขาเป็นเพียงมนุษย์เท่านั้น!”

 

“เหอะ เป็นเพียงมนุษย์เท่านั้น? มิใช่ว่าสายเลือดมังกรในกายของพี่ใหญ่ทั้งบริสุทธิ์และเข้มข้นกว่าเจ้าอีกรึไง? หากข้าไม่กล่าวคงไม่มีใครทราบกัน แท้ที่จริงแล้ว…ประมุขเผ่ามังกรรุ่นปัจจุบันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือ พี่ใหญ่ของข้าคนนี้! กระทั้งเจ้ายังอ่อนแอกว่า แล้วยังมีสิทธิ์พูดอะไรอีก?”

อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นพร้อมจับจ้องอ้าวลี่ด้วยสีหน้าสุดรังเกียจ

 

อ้าวลี่ถึงกับถอดสีหน้ายกใหญ่ ก่อนหันไปมองท่านบรรพบุรุษอย่างอดมิได้เพื่อยืนยันต่อสิ่งที่เขาได้ยิน

ท่านบรรพบุรุษพยักหน้าตอบช้าๆ นี่ถือเป็นการยอมรับว่าคำกล่าวของอิ้งหมัวหู่คือความจริงไปโดยปริยาย

 

สีหน้าแววตาของอ้าวหลีไร้ประกายสิ้นหวังสุดหัวใจ ความจริงข้อนี้เขาไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ

 

“ท่านอาวุโสยังมีข้อกังขาอันใดอีกหรือไม่?”

เย่หยวนสาดสายตาจับจ้องท่านบรรพบุรุษอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน

 

 

ท่านบรรพบุรุษรำพึงรำพันอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยเอ่ยปากขึ้นว่า

“ในเมื่อเจ้าคือผู้ครอบครองตรามังกรศักดิ์สิทธิ์รุ่นปัจจุบัน เช่นนั้น,เราชายชราขอทำความเคารพท่านประมุข! เพียงว่า…เราชายชราขอเสียมารยาทสักครา ถ้ำแห่งนี้…ท่านเข้ามิได้เป็นอันขาด!”

 

คำกล่าวของท่านบรรพบุรุษทำให้เย่หยวนประหลาดใจอย่างยิ่ง

เขาไม่คิดจริงๆว่า ชายชรายผู้นี้ที่เคารพกฎเกณฑ์ประเพณีของเผ่ามังกรอย่างเคร่งครัด สุดท้ายนี้ก็ยังไม่ยอมให้เขาเข้าอยู่ดี

แต่นี่ก็ยิ่งตอกย้ำความจริงเข้าไปใหญ่ว่า ภายในถ้ำแห่งนี้ต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่นอน!

 

เย่หยวนเก็บตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ลงไปดังเดิมและกล่าวเสียงเย็นว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เย่คนนี้คงต้องเสียมารยาทสักเล็กน้อยแล้ว!”

 

เมื่อกล่าวจบร่างของเย่หยวนก็อันตรธานหายวับไปทันที

วิชาข้ามมิติ!

ทว่าคราวนี้กลับมีใครบางคนใช้วิชาข้ามมิติได้เร็วกว่าเขา!!

 

ในเสี้ยวอึดในเดียวกัน ร่างของท่านบรรพบุรุษเองก็อันตรธานหายไปจากจุดที่ยืนอยู่เช่นกัน

นั้นคือวิชาข้ามมิติที่เร็วกว่าของเย่หยวน!

 

บูมมมม!

เสี้ยวประกายโลหะสาดกระเซ็น เย่หยวนและท่านบรรพบุรุษเข้าแลกเปลี่ยนกระบวนนับสิบกลางห้วงมิติอย่างดุเดือด ทว่ากลับเป็นร่างของเย่หยวนที่ค่อยๆช้าลงจนปรากฏประจักสายตาทุกคนอีกครั้ง ก่อนกระเด็นออกไปนับหลายพันฉื่อกว่าจะทรงตัวยืนหยัดได้มั่นคง

 

ท่านบรรพบุรุษผู้นี้ช่างแกร่งกล้าเสียจริง!

 

อย่างไรก็ตามแต่ ท่านบรรพบุรุษก็ยังมิอาจหยุดยั้งความตั้งใจของเย่หยวนได้ สองฝ่ามือตั้งตระหง่านขึ้นชูเข้าใส่ เย่หยวนปลดปล่อยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าเข้าโจมตีเต็มอัตราศึก!

 

 

“จุจุ สำเร็จชีพจรมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว สมแล้วที่เป็นยอดอัจฉริยะฟ้าประทาน! แต่นั้นยังไม่เพียงพอสำหรับโค่นล้มเราชายชรา!”

ท่านบรรพบุรุษคลี่ยิ้มบางและโต้สวนด้วยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้ากลับไป!

 

บูมมม!!

หลังการปะทะครั้งรุนแรง แม้ด้านปราการป้องกันของเย่หยวนจักทรงพลังเหลือล้น ทว่าการโจมตีของอีกฝ่ายยังสามารถทะลวงด่านสร้างบาดแผลแสนสาหัสได้ เขาร่นถอยออกไปหลายร้อยก้าวพลางกระอักพ่นเลือดสดคำโต

 

“นี่หรือคือความแกร่งกล้าของเซียนอาณาจักรพระเจ้า? สมชื่อยิ่งแล้ว! แต่น่าเสียดาย…เหนือพิภพใต้แผ่นฟ้าแห่งนี้ไร้ซึ่งศาสตร์แห่งสวรรค์อีกต่อไป!”

เย่หยวนเค้นหัวร่อเย็นคำหนึ่ง ก่อนเรียกดาบพิชิตมารฟ้าออกมาในทันใด!

 

“บัวเพลิงปราณดาบพิโรธ!”

 

ในปัจจุบัน ไม่เพียงจิตสังหารแห่งดาบของเย่หยวนจะก้าวหน้าพัฒนาไปอย่างมาก กระทั้งเพลิงบัวฟ้าขจัดจันทร์ขาวเองก็ทรงพลังแกร่งขึ้นเป็นทวีเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ บัวเพลิงปราณดาบพิโรธนี้จึงทรงพลานุภาพยิ่งกว่าครั้งใดๆ!

 

เมื่อเห็นภาพฉากตรงหน้า สีหน้าการแสดงออกของอ้าวลี่พลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่!

ปรากฏว่า ทุกครั้งที่เย่หยวนปะทะกับเขา อีกฝ่ายกลับออมมือให้ตลอด!

บัวเพลิงปราณดาบพิโรธนี้ทรงพลังยิ่งกว่าฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าอย่างเห็นได้ชัด!

 

“ท่านบรรพบุรุษ ระวัง!”

อ้าวลี่แผดคำรามสุดเสียงด้วยความวิตก

เขาย่อมทราบ ท่านบรรพบุรุษเป็นยอดเซียนผู้น่าเกรงขามนิ่ง ทว่ายามนี้ ต่อหน้าการโจมตีสุดวิปลาสของเย่หยวน ท่านบรรพบุรุษจะสามารถทานทนได้ไหวหรือไม่ แม้แต่เขายังไม่กล้ารับประกัน!

 

แต่กระนั้นเอง ท่านบรรพบุรุ์เพียงยิ้มตอบเล็กน้อย ก่อนปลดปล่อยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าเข้าสวนอีกครา!

ฝ่ามือในคราวนี้กลับทรงพลังยิ่งกว่าก่อนหน้าหลายขุมนัก!

 

บูมมมม!

 

หนึ่งกระบวนฝ่ามือปลดปล่อย เย่หยวนถูกซัดกระเด็นไปอีกครั้ง

 

หลังจากพยายามทรงตัวอยู่นาน เย่หยวนก็กลับมายืนหยัดได้ก็จริง ทว่ายามนี้สภาพร่างกายของเขากลับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยแล้ว

 

“ศาสตร์แห่งสวรรค์ของท่านอาวุโสช่างลึกซึ้งยิ่งนัก! ท่านคงอยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าแล้วกระมัง?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นเจือเสียงทุ้มต่ำ

 

ท่านบรรพบุรุษคลี่ยิ้มอย่างแผ่วเบา เขากล่าวว่า

“ไม่นานหลังจากที่เราชายชราทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้า ศาสตร์แห่งสวรรค์ก็หายสาบสูญไป ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่หลายปีมานี้ข้าเองก็เก็บตัวบ่มเพาะแนวคิดความเข้าใจอยู่นานไม่น้อย แล้วอย่างไร? ยังต้องการเข้าไปอีกหรือไม่?”

 

เย่หยวนสูดหายใจเข้าอย่างแช่มช้าและกล่าวว่า

“กระบวนสุดท้าย หากท่านอาวุโสยังสามารถรับมือได้อีก เย่คนนี้จะจากไปทันที!”

 

“จุจุ ท่านประมุขช่างแข็งแกร่งจริงๆ! แต่ในตอนนี้ท่านยังไม่เข้าคู่กับเราชายชรา! เมื่อใดที่ฝึกปรือจนพัฒนามากกว่านี้ ค่อยมาเยี่ยมเยือนกันยังไม่สาย! เราชายชรายังรออยู่เสมอ!”

ท่านบรรพบุรุษกล่าวขึ้นพลางส่ายหัวเบาๆ เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนยังอ่อนด้อยเกินไปในขณะนี้