บทที่ 301 ข้าไม่กินเจ้าหรอก!
อวี้เผียนเซียนมองเสิ่นเทียนอย่างคับแค้นใจ เวลานี้ความรู้สึกลบเพิ่มมาเต็ม
หนุ่มคนนี้ชำนาญในเสียงดนตรี เป็นคนรู้ใจได้ และที่สำคัญที่สุดคือมีใบหน้าหล่อเหลาเช่นนี้ด้วย
บุรุษอย่างเสิ่นเทียน คือคู่ครองที่อวี้เผียนเซียนพอใจมากที่สุด เป็นคนที่สมฐานะกับนาง!
แต่เจ้านี่เพิ่งพบหน้ากันก็บอกว่า ‘แซ่เสิ่นมองออกว่าองค์หญิงไม่รู้สึกอะไรกับข้า’
นี่ไม่เรียกว่าตัดบทสนทนาหรือ
แล้วจะให้ข้าตอบกลับว่า ‘ไม่ใช่ เจ้าพูดผิดแล้ว’ หรือ
ข้าไม่ใช่แค่มีความรู้สึกกับเจ้า แต่ยังอยากหลับนอนกับเจ้าอีก?
ข้าเป็นองค์หญิงเงือกผู้ยิ่งใหญ่ มีคนเป็นหมื่นในทะเลเหนือตามชื่นชมข้า ก็ต้องมีเกียรติกันบ้างสิ!
……
ไม่โกรธ ไม่โกรธ
อวี้เผียนเซียนเค้นรอยยิ้มออกมา ก่อนจะเดินมาจากหน้าต่างช้าๆ
หางปลาสีสันมันวาวตรงช่วงล่างของนางเปล่งแสงสว่าง กลายเป็นขาเล็กแข็งตัวเหมือนหยกคู่หนึ่ง
นางเดินมาทางเสิ่นเทียนช้าๆ สายน้ำรอบตัวเหมือนเกิดสีสันสวยงามขึ้น ตัดสลับกับทิวทัศน์ก้นทะเลออกเป็นสีสัน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีความคิดรอบคอบจริงๆ ความจริงแล้ว ข้าเชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์มาในครั้งนี้ ก็เพราะหวังจะเป็นพันธมิตรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์”
ขณะพูดอยู่นั้น อวี้เผียนเซียนนำเหยือกสุราสีเงินสวยงามออกมา “นี่คือสุราชั้นดีของเผ่าเงือก ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ลองชิม”
สุราเป็นยาพิษผ่านลำไส้ สีก็เป็นดาบเหล็กกล้าตัดกระดูก
เสิ่นเทียนยิ้มพลางดื่มสุราชั้นดีลงท้อง ทำปากแจ๊บๆ ยาพิษนี่อร่อยจริงๆ
อวี้เผียนเซียนยิ้มงดงาม “บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจดื่มสุราของเผียนเซียนเช่นนี้ ไม่กลัวเผียนเซียนใส่ยาในสุรารึ”
เสิ่นเทียนพูดอย่างเฉยชา “โอรสสวรรค์ทะเลเหนือเห็นแซ่เสิ่นขึ้นชั้นสูงสุดของหอเสียงสวรรค์กันตั้งเยอะ องค์หญิงเป็นคนฉลาด ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นวางยา”
ตลกน่า ข้าเห็นบทนี้มาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว
แม้ระหว่างนั้นจะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย เช่นมีให้หมายเลขหอยเพิ่มมา แต่โดยรวมก็ยังเหมือนเดิม
ก็คงจะเปลี่ยนจากไม่วางยาฉีเซ่าเสวียนเป็นวางยาข้าก็ไม่ได้กระมัง!
เสิ่นเทียนไม่รู้สึกกดดันเลย!
อวี้เผียนเซียนเผยรอยยิ้มสตรีงดงามหยาดเยิ้ม “หากเผียนเซียนเดาไม่ผิด บุตรศักดิ์สิทธิ์มาทะเลเหนือครั้งนี้ น่าจะมาร่วมการเดินทางในเกาะดารากระมัง!”
เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์ มาทะเลเหนือในช่วงเวลานี้ คงเดาเป้าหมายไม่ยากจริงๆ เสิ่นเทียนจึงพยักหน้า “ถูกต้อง”
อวี้เผียนเซียนมองเสิ่นเทียนด้วยดวงตาโตใสแวววาว “ไม่รู้ว่าเผียนเซียนจะได้รับเกียรติเดินทางไปกับบุตรศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
การเดินทางร่วมกันนี้ไม่ใช่แค่ถือโอกาสไปด้วยกันเท่านั้น แต่เป็นการร่วมมือกันที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า
เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะการผจญภัยในเกาะดาราเบิกฟ้ามีอันตราย
ในการผจญภัยในเกาะดาราเบิกฟ้าทุกครั้ง จะมีโอรสสวรรค์เผ่าทะเลที่เข้าไปตายไม่ห้าส่วนก็สามส่วน
หากในกลุ่มมีตัวถ่วงขาตามไป ทั้งกลุ่มจะมีอันตรายกว่าเดิม จะทำให้แตกพ่ายย่อยยับกันหมด
ในทางตรงข้าม หากในกลุ่มมีสุดยอดโอรสสวรรค์มากพอ ความมั่นใจในการรับมือกับอันตรายก็จะสูงขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น
ขณะเดียวกันเกาะดาราเบิกฟ้าถูกหมอกเบิกฟ้าปกคลุม ตัดขาดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกทั้งหมด ภายใต้ความเย้ายวนของโชคลิขิตมากมาย อะไรก็เกิดขึ้นได้
หากสหายมีใจไม่ซื่อแทงข้างหลังขึ้นมา ก็อาจจะน่ากลัวกว่าอันตรายข้างนอกเสียอีก!
ดังนั้นในการผจญภัยเกาะดาราทุกครั้ง โอรสสวรรค์ที่สนิทสนมกันทุกเผ่าจะรวมกลุ่มกันส่วนตัว จัดหาคนกันล่วงหน้า
และสุดยอดโอรสสวรรค์ที่มีศักยภาพแข็งแกร่ง มีผลงานดีและพูดเก่ง ย่อมเป็นตัวเลือกต้นๆ ของปีศาจทะเลหนุ่มสาวมากมาย อยากจะเข้าไปกอดต้นขาคนพวกนั้นใจจะขาด
พวกเขาจึงมอบของขวัญ สมบัติล้ำค่าและวิชาลับเป็นค่าตอบแทนให้สุดยอดโอรสสวรรค์พวกนั้นอย่างไม่เสียดาย กระทั่งมีปีศาจหญิงเผ่าทะเลที่มีนิสัยค่อนข้างเปิดกว้าง อาจจะใช้ร่างกายตัวเองเป็นแต้มต่อ ขึ้นรถไปขอติดตามด้วย
อวี้เผียนเซียนเป็นนักดนตรียังไม่แต่งงาน ย่อมไม่ใช้ร่างกายตัวเองเป็นแต้มต่อหาสหายเดินทาง
อีกทั้งด้วยใบหน้างดงาม พรสวรรค์และศักยภาพขององค์หญิงเงือก ขอแค่เอ่ยออกไป ในทะเลเหนือก็คงมีโอรสสวรรค์ไม่กี่คนที่ปฏิเสธคำเชิญของนาง
โอรสสวรรค์เผ่าทะเลส่วนใหญ่ถึงขั้นร้องขอด้วยซ้ำ!
แต่นางกลับเลือกเผ่ามนุษย์เสิ่นเทียนคนนี้เป็นสหายร่วมเดินทาง หากโอรสสวรรค์เผ่าทะเลคนอื่นรู้เข้า เกรงว่าคงจะรู้สึกเปรี้ยวยิ่งกว่าเดิม
…….
ไม่ผิดจริงๆ อยากจะให้ข้าพานางไปจริงๆ
แต่คิดจะใช้ใบหน้าขอขึ้นรถก็คงไม่ได้ ต้องจ่ายเงินซื้อบัตรของข้าก่อน!
เสิ่นเทียนยิ้ม “หากแซ่เสิ่นจำไม่ผิด องค์หญิงเผียนเซียนน่าจะฝึกควบหลอมกายและหลอมปราณเช่นกันกระมัง! อีกทั้งยังได้ยินมาว่าองค์หญิงเผียนเซียนทะลวงดวงจิตดรุณเมื่อหลายเดือนก่อน แซ่เสิ่นเป็นเพียงแก่นพลังทองตัวเล็กๆ เกรงว่าคงจะเป็นตัวถ่วงขององค์หญิงเผียนเซียนเปล่าๆ!”
อวี้เผียนเซียนไม่พอใจเล็กน้อย “บุตรศักดิ์สิทธิ์พูดเช่นนี้ หยอกเผียนเซียนเล่นหรือ เอ้อทงเทียนแห่งเผ่าเทพจระเข้จักรพรรดิถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ที่มีชื่อเสียงมานานทั้งทะเลเหนือ
บุตรศักดิ์สิทธิ์ใช้ระดับพลังแก่นพลังทองกับกายทองเอาชนะเขาได้ง่ายๆ พรสวรรค์มากพอจะสั่นสะท้านไปหมื่นปี ขอแค่ทุบแก่นพลังเป็นดวงจิตดรุณภายในหนึ่งเดือนถัดไป เห็นทีว่าการผจญภัยในเกาะดาราเบิกฟ้าครั้งนี้ คงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้”
ในที่สุดก็จบการเล้าโลม จะเข้าหัวข้อหลักแล้วหรือ
เสิ่นเทียนยิ้มทีเล่นทีจริง “องค์หญิงพูดเล่นแล้ว การทุบแก่นเป็นดรุณง่ายเช่นนั้นหรือ? ลำพังแค่บ่มเพาะดวงจิตดรุณต้นกำเนิดก็ใช้เวลามากแล้ว”
ทุกคนรู้ว่า ไม่ว่าจะศาสตร์หลอมกายหรือหลอมปราณ ก่อนระดับผู้สูงศักดิ์จะก้าวหน้าเร็วมาก แต่ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ตาม หลังจากระดับผู้สูงศักดิ์แล้วระดับพลังจะค่อยๆ ช้าลงทั้งสิ้น
ผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายอาจจะต้องใช้พลังวิญญาณมหาศาล ทรัพยากร เวลา และความละเอียดอ่อนเพื่อหลอมรวมทวารเทวะ
ส่วนศาสตร์หลอมปราณก็ต้องบ่มเพาะดวงจิตดรุณ ดวงจิตดรุณที่กำเนิดหลังจากทุบแก่นพลังเป็นดรุณจะอ่อนแออย่างยิ่ง ดีไม่ดีดวงจิตดรุณอาจเสียหายและเกิดจิตมารได้
ก็เหมือนกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือเฉินจงเทียนในตอนนั้น หลังจากเพิ่งทุบแก่นพลังเป็นดรุณก็ถูกสังคมทำร้าย จนดวงจิตดรุณแตกร้าวทั้งหมด
ถ้าจะเอาให้มั่นใจ หลังจากผู้ฝึกบำเพ็ญทุบแก่นเป็นดรุณแล้วควรจะปิดด่านบำเพ็ญสักระยะ เสริมความแข็งแรงของดวงจิตดรุณต้นกำเนิด
รอจนดวงจิตดรุณต้นกำเนิดเสถียรภาพสักเล็กน้อยค่อยออกผจญธุลีแดงสี่ทิศ ใช้ความไม่แน่นอนในชีวิตและบุญคุณความแค้นในธุลีแดงมาบ่มเพาะให้ดวงจิตดรุณแกร่งขึ้น
ในโลกธรรมดานั้น ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไรก็ยิ่งมีการตระหนักรู้มากเท่านั้น ยิ่งดวงจิตดรุณเติบโตชัดเจนมากเท่าไร ระดับพลังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเร็วมากเท่านั้น
การใช้ธุลีแดงขัดเกลาจิตใจเช่นนี้มีช่วงเวลาที่นานมาก บางครั้งผู้สูงศักดิ์บางคนลงเขาทีเดียวหลายร้อยปี
บางครั้งเวลาร้อยปีก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า บางครั้งก็แค่ตระหนักรู้ครั้งเดียว
สรุปคือจะรีบร้อนไม่ได้ จะต้องตระหนักชีวิตช้าๆ
แน่นอน ในห้าดินแดนก็ใช่ว่าจะไม่มีโอสถเสริมจิตวิญญาณ
แต่ขนาดเหล่าผู้สูงศักดิ์พวกนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ ปกติจะไม่เลือกใช้วิธีเช่นนี้กัน เพราะในห้าดินแดนโลกข้างล่าง การใช้ว่านวิญญาณ ‘จิตวิญญาณ’ เป็นอะไรที่แพงมากจริงๆ มีเงินก็หาซื้อไม่ได้
หากเจอโอสถเช่นนี้จริงๆ ปกติสำนักจะซ่อนไว้เป็นศักยภาพแฝง นำมาบ่มเพาะให้ผู้สืบทอดในยามที่สำนักขาดผู้สืบทอด
อีกทั้งผู้สูงศักดิ์ธรรมดาไปจนถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ใช้โอสถชนิดนี้เป็นการสิ้นเปลืองเกินไปจริงๆ เพราะมูลค่าของโอสถพวกนี้สูงกว่าอายุขัยพวกเขาอีก!
ถึงอย่างไรผู้สูงศักดิ์ดวงจิตดรุณก็อยู่ได้สบายๆ พันปีขึ้นไป จึงไม่สนใจเอาเวลาหลายร้อยปีมาขัดเกลาจิตใจ
…….
เสิ่นเทียนยังคงยิ้มราบเรียบ
อวี้เผียนเซียนจ้องเสิ่นเทียนด้วยดวงตามืดหม่น นางรู้สึกว่าการคุยกันเสิ่นเทียนมันช่างน่าอึดอัดเสียจริง
อีกฝ่ายเหมือนจะไม่อยากรู้เลยว่าตนคิดอะไรอยู่ และยังเหมือนจะไม่สนใจคำเชิญชวนเป็นพันธมิตรของนางเลย รูปแบบการพูดคุยเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกว่าไม่มีอำนาจเป็นฝ่ายกระทำก่อนเลยสักนิด
บุรุษคนนี้จัดการยากจริงๆ!
อวี้เผียนเซียนนำกล่องหยกออกมาจากแขนเสื้อช้าๆ ส่งให้เสิ่นเทียน ดวงตามีความปวดใจ “ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์รู้จักของในกล่องนี้หรือไม่”
เสิ่นเทียนรับกล่องหยกมา เปิดออกช้าๆ
พบว่าในกล่องหยกบรรจุผลึกสีครามไว้ชิ้นหนึ่ง รูปร่างเหมือนกับหยดน้ำตา และยังเปล่งแสงราวกับดารา
และที่เหนือธรรมดากว่านั้นคือ หลังจากเปิดกล่องหยก เสิ่นเทียนสัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังจิตของตนคึกคักขึ้นกว่าเดิม จิตวิญญาณแผ่ความคิดกระหายอย่างแรงกล้า
เห็นได้ชัดว่าผลึกนี่เป็นสมบัติล้ำค่าหายาก เพิ่มจิตวิญญาณได้
เมื่อนึกไปถึงฉากที่เห็นในภาพโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนแล้ว เสิ่นเทียนก็เผยรอยยิ้มอย่างสงบนิ่งเหมือนเตรียมใจมาก่อนแล้ว
เขาปิดกล่องหยกช้าๆ “ไม่นึกเลยว่าองค์หญิงเผียนเซียนจะมีสมบัติแปลกเช่นน้ำตาดาวเทพสมุทร แซ่เสิ่นได้เปิดโลกกว้างแล้ว”
น้ำตาดาวเทพสมุทรมาจากเกาะดาราเบิกฟ้า เป็นหนึ่งในสมบัติแปลกล้ำค่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทะเลเหนือ!
ประโยชน์ที่มากที่สุดของสมบัติแปลกชิ้นนี้คือเพิ่มจิตวิญญาณของผู้ฝึกบำเพ็ญได้
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อหลายเดือนก่อนองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนเพิ่งทุบแก่นเป็นดรุณสำเร็จ
ตามทฤษฎีแล้ว นางในตอนนี้น่าจะอยู่ดวงจิตดรุณตอนต้น ความจริงไม่เหมาะจะออกไปผจญภัย ให้ดีที่สุดคือปิดด่านบำเพ็ญปรับเสถียรภาพในเผ่า
ทว่าตอนนี้จิตวิญญาณของอวี้เผียนเซียนแกร่งขึ้น ดวงจิตดรุณอิ่มเอิบ ไม่เหมือนเพิ่งทะลวงพลังเลย
นี่ ก็คือผลจากการดูดซับพลังของน้ำตาดาวเทพสมุทรเสริมความแกร่งให้กับจิตวิญญาณ
………
น้ำตาดาวเทพสมุทรหายากมาก ต่อให้เป็นในเผ่าทะเลเหนือก็มีน้อยเผ่ามากที่จะมี
ถึงเสิ่นเทียนจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่ก็เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาไม่กี่เดือน ย่อมไม่รู้จักสมบัติล้ำค่าชนิดนี้ กระทั่งตอนที่ฉีเซ่าเสวียนเห็นน้ำตาดาวเทพสมุทรครั้งแรกก็ยังไม่รู้จักมัน
แต่นี่ไม่ส่งผลกับการตัดสินของเสิ่นเทียน เพราะเขาเคยอ่านบทนี้ในภาพโชคลิขิตมาแล้ว!
เสิ่นเทียนมองอวี้เผียนเซียนด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าน้ำตาดาวเทพสมุทรเสริมจิตวิญญาณได้ น้ำตาดาวหนึ่งหยดเท่ากับขัดเกลาจิตใจร้อยปี องค์หญิงเผียนเซียนทุบแก่นเป็นดรุณไม่นาน สิ่งนี้น่าจะล้ำค่ากับท่านมาก วางสิ่งนี้ต่อหน้าแซ่เสิ่น ไม่กลัวข้าอยากได้มันรึ”
อวี้เผียนเซียนอึ้งไป สารภาพตามตรง นางไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะรู้จักน้ำตาดาวเทพสมุทร
เดิมทีนางคิดว่าจะรอให้เสิ่นเทียนเดาไม่ออก ตนค่อยๆ ให้ความรู้กับเขา จากนั้นเสพสีหน้าตกตะลึงของเขา
ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่จะรู้จักกระทั่งน้ำตาดาวเทพสมุทร ทำนางเซ็งเลยจริงๆ
แต่เสิ่นเทียนรู้จักน้ำตาดาวเทพสมุทรได้ ก็ทำให้อวี้เผียนเซียนมองเขาสูงขึ้นอีกหน่อย และยิ่งอยากจะร่วมมือกับเขามากขึ้นกว่าเดิม
อวี้เผียนเซียนยิ้ม “น้ำตาดาวมาจากเกาะดาราเบิกฟ้า และเผ่าข้าก็ชำนาญการฝึกฝนจิตวิญญาณมากที่สุด มีวิชาลับค้นหาน้ำตาดาวบนเกาะได้ แต่เผียนเซียนไม่ชำนาญการต่อสู้ เกิดเจออันตรายบนเกาะ ก็เกรงว่าจะไม่มีกำลังต่อสู้ด้วยตัวเอง
ขอแค่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยินดีจะเดินทางไปด้วยกันและคุ้มกันข้า เผียนเซียนก็จะมอบน้ำตาดาวเทพสมุทรนี้ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ช่วยบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุบแก่นเป็นดรุณให้เร็วขึ้น ว่าอย่างไร”
ในมุมมองของอวี้เผียนเซียน นี่น่าจะเป็นเงื่อนไขที่เสิ่นเทียนไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว
ถึงอย่างไรแม้เสิ่นเทียนจะมีพรสวรรค์เรียกได้ว่าเป็นเอกแห่งยุค แต่ก็ยังหนุ่มมาก
พึงรู้ไว้ว่าเงื่อนไขในการเข้าเกาะดาราเบิกฟ้าคือต้องเป็นโอรสสวรรค์ในช่วงอายุห้าร้อยปี ในนั้นก็มีคนอายุสี่ร้อยปีขึ้นไปด้วย
พวกเขาบางคนเมื่อสามร้อยปีก่อน ยังเคยแสดงความสามารถโดดเด่นในเกาะดาราเบิกฟ้าครั้งก่อน สังหารจนมีชื่อเสียงโด่งดัง
ตอนนี้สามร้อยปีผ่านไป โอรสสวรรค์เผ่าทะเลพวกนั้นหลอมรวมโชคลิขิตที่ได้มาครั้งก่อนเสร็จแล้ว ยากจะจินตนาการถึงความแกร่งของระดับพลังและกำลังรบ
แม้ปี้เสวียนชิงกับเอ้อทงเทียนจะถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ แต่เทียบกับมือเก๋าที่เคยประสบความสำเร็จมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่มีค่าพอให้มอง
การที่เสิ่นเทียนจะขึ้นเป็นชั้นนำในการผจญภัยครั้งนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือทุบแก่นพลังเป็นดรุณ
ด้วยกำลังรบระดับแก่นพลังทองและกายทองของเขาที่เอาชนะเอ้อทงเทียนได้อย่างง่ายดาย หากใช้น้ำตาดาวเทพสมุทรทุบแก่นพลังเป็นดรุณ ศักยภาพจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน
ถึงตอนนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับคนที่แกร่งที่สุดพวกนั้น ก็จะมีกำลังต่อต้านกระทั่งกดข่มอยู่เหนือกว่า!
และกุญแจสำคัญของทุกอย่างก็อยู่ที่น้ำตาดาวเทพสมุทร!
…….
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของอวี้เผียนเซียนคือ เมื่อเห็นน้ำตาดาวเทพสมุทร เสิ่นเทียนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย
เขาผลักกล่องหยกกลับไปช้าๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม “น้ำตาดาวเทพสมุทรเป็นสมบัติหายากจริงๆ น่าเสียดายยังไม่พอจะเป็นค่าตอบแทนไปหน่อย
หากองค์หญิงเผียนเซียนเชิญฉีเซ่าเสวียนร่วมเดินทาง น้ำตาดาวเทพสมุทรหยดเดียวก็คงเพียงพอ แต่หากจะเชิญข้า นั่นเป็นอีกราคาหนึ่ง”
อวี้เผียนเซียนงุนงง
ปฏิเสธ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้านี่จะปฏิเสธข้า
นางคือองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน เทพธิดาที่หลายร้อยปีมานี้ในทะเลเหนือมีคนตามชื่นชมมากที่สุด
แต่เจ้านี่กลับไม่มีความอ่อนโยนต่อสตรีเลยสักนิด ทั้งยังต่อราคากับข้าอีก!
สารภาพตามตรง อวี้เผียนเซียนเตรียมตัวมามากกว่าครึ่งปีเพื่อการผจญภัยในเกาะดาราครั้งนี้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะร่วมมือกับฉีเซ่าเสวียนจริงๆ
ด้านหนึ่งเพราะเผ่ามังกรกับเผ่าเงือกเป็นพันธมิตรกันมาหลายยุค อวี้เผียนเซียนกับเอ๋าอูก็เป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมาก จึงไว้ใจพันธมิตรเผ่ามังกรได้
อีกด้านหนึ่ง กำลังรบของฉีเซ่าเสวียนแข็งแกร่งมากจริงๆ หากทะลวงพลังสำเร็จ จะทำให้อวี้เผียนเซียนปลอดภัยในการผจญภัยครั้งนี้มากขึ้น
ทว่าทันทีที่พบเสิ่นเทียน อวี้เผียนเซียนพลันเปลี่ยนแผนการเดิมมาเลือกร่วมมือกับเสิ่นเทียน
เพราะเสิ่นเทียนก็เป็นพันธมิตรเผ่ามังกรเช่นกัน อีกทั้งกำลังรบยังแกร่งกว่าฉีเซ่าเสวียน!
และที่สำคัญที่สุดคือเสิ่นเทียนมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก!
หากได้ผจญภัยเกาะดาราเบิกฟ้ากับเสิ่นเทียน ผ่านเรื่องราวสวยงามอย่างเป็นตายร่วมกันอีก แค่คิดก็รู้สึกหวานชื่นจนฟองปุดๆ ขึ้นมาแล้ว
แต่อวี้เผียนเซียนไม่นึกเลยว่า เสิ่นเทียนจะบอกว่าน้ำตาดาราหยดเดียวไม่พอ ต้องเพิ่มเงิน
อะไรกัน ร่วมกลุ่มกับข้ามันน่าคับอกคับใจเช่นนั้นเชียวหรือ
องค์หญิงเงือกมองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจ โมโหจนหน้าอกพองขึ้น อยากจะพ่นน้ำใส่!
นางพูดโน้มน้าวว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ตรึกตรองดูอีกที หากได้น้ำตาดาวเทพสมุทรนี้ จะมีส่วนช่วยในการผจญภัยของท่านด้วย”
เสิ่นเทียนมองหน้าผากของอวี้เผียนเซียนพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “หากไม่มีอะไรผิดพลาด ครั้งนี้แซ่เสิ่นจะร่วมเดินทางกับสหายฉีในเกาะดาราเบิกฟ้า จะต้องพูดเกลี้ยกล่อมพวกสหายฉีด้วย
สามเม็ด! น้ำตาดาวเทพสมุทรสามเม็ด พวกเราจะรับรองความปลอดภัยขององค์หญิงให้ อีกทั้งจะแบ่งโชคลิขิตที่ได้มาจากเกาะดาราให้องค์หญิงด้วยส่วนหนึ่ง
แน่นอนว่าโชคลิขิตที่องค์หญิงได้มาก็ต้องมีส่วนของเราด้วย แบ่งโชคลิขิตกันตามคุณูปการที่ทำ ในเมื่อองค์หญิงเลือกร่วมมือกับเรา ก็น่าจะรู้ว่าสหายฉีเป็นบุตรแห่งโชคของดินแดนบูรพา การร่วมเดินทางกับเรา ของที่ได้มาในครั้งนี้ไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”
เมื่อได้ฟังเสิ่นเทียนต่อราคา อวี้เผียนเซียนเงียบไปแล้ว
……
น้ำตาดาวเทพสมุทรสามเม็ด นี่เหนือกว่าเส้นตายในใจนาง
ถึงอย่างไรสมบัติที่เพิ่มจิตวิญญาณได้ก็หายากมากจริงๆ
ต่อให้เป็นองค์หญิงของเผ่าเทพเงือก อวี้เผียนเซียนก็มีน้ำตาดาวเทพสมุทรกับตัวเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น
แต่คำพูดของเสิ่นเทียนก็ทำให้อวี้เผียนเซียนสนใจจริงๆ จริงอย่างที่เขาบอก ฉีเซ่าเสวียนมีชื่อเสียงเรื่องดวงชะตา
มิหนำซ้ำ หลายเดือนมานี้อวี้เผียนเซียนยังเคยได้ยินข่าวคราวของเสิ่นเทียนผู้โด่งดังพลุแตกขึ้นมาว่า เจ้านี่มีดวงชะตาสูงยิ่งกว่าฉีเซ่าเสวียน!
นางเคยได้ยินคุณชายไป๋เล่าเรื่องเกี่ยวกับเสิ่นเทียนให้ฟังมาบ้าง
เสิ่นเทียนเกิดในราชวงศ์สามัญ เดิมทีแทบจะไม่เกี่ยวอะไรกับโอรสสวรรค์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เลย ต่อมาเจ้านี่บังเอิญมาสวนแร่วิญญาณแห่งหนึ่ง ช่วยคนเลือกหินแร่วิญญาณหลายก้อน
ปรากฏว่าทุกก้อนเปิดได้สมบัติล้ำค่า สมบัติวิญญาณเอย สมบัติลับเอย ผลเซียนและโลหิตเทพเป็นต้น กระทั่งบทต้องห้ามที่หายสาบสูญไปหมื่นปีของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เสิ่นเทียนยังเป็นคนพบ และเขาก็ได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เพราะเหตุนี้
ต่อมาอีก พอบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็ประดิษฐ์ ‘ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยาง’ ขึ้น สร้างความผาสุกให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นเขาก็บุกฝ่าสี่ทิศในสนามรบบรรพกาล ได้ยินว่าแม้แต่สมบัติเซียนยังได้มามากกว่าหนึ่งชิ้น
ขนาดหอคอยเทพสงครามสมบัติเซียนสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ก็เล่าลือว่าเขาเป็นคนนำมา
จากปากของคุณชายไป๋ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือมือสังหารแดนลับ!
ติดตามเขา จะได้กินจนน้ำมันเยิ้มเต็มปากแน่นอน!
…….
น้ำตาดาวเทพสมุทรสามเม็ด นั่นเท่ากับให้ผู้ฝึกบำเพ็ญขัดเกลาจิตใจได้สามร้อยปี!
แม้สมบัติล้ำค่าเพิ่มระดับพลังเช่นนี้จะให้ผลดีที่สุดในการใช้ครั้งแรก การใช้ครั้งที่สองประสิทธิผลจะลดลงครึ่งหนึ่ง ครั้งที่สามประสิทธิผลลดลงอีกครึ่งหนึ่ง ไม่อาจมีผลซ้อนทับกันได้
แต่น้ำตาดาวเทพสมุทรสามเม็ดที่มีค่าเท่าเมืองนี้ แลกเป็นโอกาสร่วมเดินทางไปกับพวกเสิ่นเทียนครั้งเดียว นี่จะคุ้มค่าหรือไม่
อวี้เผียนเซียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันงาม “ช่างเถอะ! ในเมื่อสหายเสิ่นออกปาก น้ำตาดาวเทพสมุทรสามเม็ด เผียนเซียนตกลงเงื่อนไขนี้”
เสิ่นเทียนมองหน้าผากของอวี้เผียนเซียนพลางยิ้มปลื้มใจ “องค์หญิงเลือกได้ถูกต้องมาก เชื่อข้า ท่านจะไม่เสียใจ”
อวี้เผียนเซียนมองบุรุษรูปงามที่มองข้ามตนไปด้วยความคับอกคับใจพลางผลักกล่องหยกออกไปช้าๆ
“น้ำตาดาวเทพสมุทรล้ำค่ามาก ในมือเผียนเซียนตอนนี้มีเพียงเม็ดเดียว น้ำตาดาวเทพสมุทรนี้เป็นมัดจำไปก่อน อีกสองเม็ดที่เหลือไว้รอจบการเดินทางแล้วค่อยมอบให้สหายเสิ่นได้หรือไม่”
เสิ่นเทียนยิ้ม “ได้ แต่หากในการเดินทางองค์หญิงพบน้ำตาดาวเทพสมุทร ก็ต้องให้กับแซ่เสิ่นก่อน”
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนทำหน้าที่ต้องเป็นหน้าที่แล้ว อวี้เผียนเซียนโมโหจนอยากกระทืบเท้า คิดว่าข้าจะเบี้ยวรึ
อวี้เผียนเซียนยัดกล่องหยกใส่มือเสิ่นเทียนก่อนทำเสียงขึ้นจมูก “ตกลง!”
พอเห็นอวี้เผียนเซียนที่หน้าอกบางนูนขึ้นๆ เหมือนพร้อมจะพ่นน้ำออกมาทุกเมื่อแล้ว เสิ่นเทียนก็หลุดหัวเราะ
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย องค์หญิงเงือกนี่ต่อราคาน่ารักมาก โกรธจนเป็นเช่นนี้แล้วยังไม่ต่อราคาอีก
ดั่งคำกว่าวว่าโก่งราคาสูงลิ่ว แต่ก็ต่อรองราคาจนสมน้ำสมเนื้อ ในภาพโชคลิขิตของฉีเซ่าเสวียนจะได้น้ำตาดาวเทพสมุทรมาเม็ดเดียว เดิมทีเสิ่นเทียนตั้งเป้าไว้สองเม็ด
หากอวี้เผียนเซียนกดราคา เสิ่นเทียนก็ตกลง ถึงอย่างไรก็เป็นโชคลิขิตให้เกาะได้ฟรีๆ ทั้งยังได้เพิ่มดวงชะตาด้วยกันอีก
แต่ไม่นึกเลยว่ายัยหนูอวี้เผียนเซียนจะตอบตกลงที่สามเม็ด เหอะๆ กำไรเลือดสาด
……..
แต่ว่า เหตุใดข้าถึงรู้สึกเหมือนจะลืมอะไรไปบางอย่างล่ะ
อะไรกันนะ! ฮึ่ย ประมาทไปแล้ว
เขาเหม่อมองกล่องหยกในมือ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ลุกพรวดขึ้นวิ่งออกไปนอกหอเสียงสวรรค์
“ในเมื่อตกลงร่วมมือกันแล้ว แซ่เสิ่นก็ขอตัวก่อน รอช่วงเดินทางมาถึงค่อยไปรวมกันที่ทะเลดาราเบิกฟ้า”
เมื่อเอ่ยจบแล้ว เสิ่นเทียนก็หายไปตรงส่วนลึกของระเบียงทางเดินชั้นบนสุด เหลือไว้เพียงองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนที่โกรธจนฟาดหางปลา “บัดซบ!”
เอาผลประโยชน์ไปแล้วก็หนี อยู่เป็นเพื่อนข้าสักครู่มันจะตายรึ ข้าไม่กินเจ้าหรอก!
ความรู้สึกด้านลบจากองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน +888
ขณะเดียวกัน อีกห้องพิเศษในหอเสียงสวรรค์ กระแสพลังงานมหาศาลหมุนม้วนไหลเวียนเข้ามา
ความรู้สึกด้านลบจากบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียน +888888888888~!
…………………………………………..