ตอนที่ 230 ชดใช้ด้วยชีวิต
เสียงโครมดังขึ้นทีหนึ่ง เนื่องจากอันอิงเฉิงมิทันระวังตัวจึงโดนจ้าวหลานหยู่ผลักจนล้มไปที่พื้น
อันอิงเฉิงมีใบหน้าตกตะลึง จ้าวหลานหยู่ที่ผลักเขากลับรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
เขาแค่แตะนิดแตะหน่อย เหตุใดต้องล้มโดยง่ายเยี่ยงนี้ ?
“องค์ชายเจ็ดช่างโอหังยิ่งนัก ! ”
หลังจากหายตกใจแล้ว อันอิงเฉิงก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธ จ้าวหลานหยู่บุกมาถึงหน้าประตูจวนโดยไร้เหตุผลชัดเจน เอาแต่กล่าวว่าอันหลิงเกอต้องชดใช้ แต่มิกล้าอธิบายด้วยซ้ำว่าเกิดอันใดขึ้น นี่เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบชัด ๆ
เขาขวางจ้าวหลานหยู่ไว้ แต่คนผู้นี้มิสนว่าใครเป็นอาวุโส กล้าผลักเขาล้ม จึงเห็นได้ชัดว่ามิเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา !
อันอิงเฉิงมิหวังว่าจ้าวหลานหยู่จักช่วยพยุงเขาลุกขึ้นหรอก ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากพื้นด้วยตนเอง ทหารที่เฝ้าหน้าประตูรับรู้ถึงความมิปกติก็รีบวิ่งเข้ามามององค์ชายเจ็ดอย่างระแวดระวัง
“หากวันนี้พระองค์มิมีคำอธิบายให้กระหม่อม กระหม่อมจักไปฟ้องร้องต่อฮ่องเต้ในวันพรุ่งนี้ ให้ฮ่องเต้คืนความยุติธรรมแก่กระหม่อม ! ”
อันอิงเฉิงสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง ใบหน้าดูเย็นชาแข็งกระด้าง มิมีท่าทีเป็นมิตรต่อจ้าวหลานหยู่อีก
จ้าวหลานหยู่คุ้นเคยกับการถูกคนประจบ ตอนแรกก็เสียเปรียบอันหลิงเกอไปแล้ว ตอนนี้ยังถูกอันอิงเฉิงข่มขู่อีก เขาจึงกลืนคำขอโทษที่กำลังจักเอ่ยออกมาไปเสีย
จวนโหวมีแต่เริ่มเสื่อมโทรม ไร้อำนาจอันใดด้วยซ้ำ ส่วนอันอิงเฉิงก็แค่ขุนนางที่มีแต่ตำแหน่ง หรือคิดว่าแค่มีผลงานรักษาโรคระบาดก็จักมาท้าทายอำนาจของตนได้หรือไร ?
มุมปากของจ้าวหลานหยู่มีรอยยิ้มมิชอบใจเกิดขึ้น ใบหน้าดูเย็นชา ดวงตาดำมืด “หากท่านโหวอยากได้คำอธิบายก็เรียกอันหลิงเกอออกมา ข้าจักให้ท่านฟังว่านางทำเรื่องดีอันใดไว้”
“เกอเอ๋อจักทำอันใดได้พ่ะย่ะค่ะ ? ” อันอิงเฉิงถลึงตา แต่ท่าทางดูมิใส่ใจ
ตั้งแต่เขากลับมาจากฉู่โจว อันหลิงเกอก็มิเคยออกจากจวนแล้วจักไปทำให้จ้าวหลานหยู่โกรธได้เยี่ยงไร ?
จ้าวหลานหยู่มองอันอิงเฉิงที่ดื้อด้าน เขามิอยากเสียเวลากับอันอิงเฉิงอีกแล้วจึงโบกมือให้คนด้านหลัง “พวกเจ้าไปเรียกอันหลิงเกอออกมาพบข้า ! ”
คนสารเลวอันหลิงเกอทำเขาไว้เจ็บแสบนัก เขาต้องจับตัวนางไว้แล้วส่งไปยังหอนางโลมชั้นต่ำที่สุด ให้คนนับพันนับหมื่นได้กระทำย่ำยีนาง !
ทหารด้านหลังจ้าวหลานหยู่ได้รับคำสั่งจึงพุ่งเข้าไปในจวนโหวทันที
แต่ทหารของจวนโหวยังยืนอยู่ที่เดิม พวกเขามิรู้ว่าควรรั้งหรือปล่อยให้คนบุกเข้าไป
จักขวางไว้แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนขององค์ชายเจ็ด ต้องทำให้องค์ชายเจ็ดโกรธ แต่หากมิขวางไว้ท่านโหวก็ต้องลงโทษพวกตนอีก
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบขวางพวกเขาไว้ ข้าจักดูว่าผู้ใดกล้าบุกรุกจวนโหวของข้า ! ”
อันอิงเฉิงเห็นทหารเหม่อลอยจึงตะโกนอย่างโมโห ใบหน้ามีแต่ความโกรธ
เหล่าทหารในจวนโหวถึงได้ชักกระบี่ขึ้นมาแล้วกันคนของจ้าวหลานหยู่เอาไว้
ทั้งสองฝ่ายกำลังจักปะทะกัน แต่หลี่ซื่อมิรู้ว่าโผล่มาจากที่ใด
“เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ ? ”
นางเห็นสถานการณ์แล้วตกใจมิน้อยจึงรีบเดินไปข้างกายอันอิงเฉิง ควงแขนอันอิงเฉิงเอาไว้ “ท่านพี่ เหตุใดท่านถึงได้โกรธเพียงนี้ ผู้ใดหาเรื่องท่านเจ้าคะ ? ”
อันอิงเฉิงส่งเสียง ฮึ ! ทีหนึ่ง แต่เขาก็มิได้สะบัดมือของนางออก
“เจ้าดูหลานชายของตน ตอนนี้เขากล้าลงมือกับข้าแล้ว ! ”
หลี่กุ้ยเฟยเป็นน้องสาวของหลี่ซื่อ จ้าวหลานหยู่เดิมทีควรเรียกหลี่ซื่อว่าท่านป้าและเรียกอันอิงเฉิงว่าท่านลุงด้วยซ้ำ
แต่ผู้ใดใช้ให้จ้าวหลานหยู่เป็นโอรสของฮ่องเต้กันเล่า
จ้าวหลานหยู่เห็นหลี่ซื่อแล้วสีหน้าจึงอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังมิดีนัก “ข้าแค่อารมณ์ร้อนไปชั่วครู่จึงได้ผลักท่านโหว แต่มิคิดว่าเขาจักล้มเช่นกัน”
อาจเพราะเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกมิค่อยดี เขาจึงกล่าวเสียงอ่อนลง แต่แล้วก็พูดอย่างโมโหต่อ “แต่ท่านโหว เดิมทีข้าจักมาคิดบัญชีกับอันหลิงเกอ ท่านเอาแต่ขวางทางข้าไว้ นี่เป็นการให้ท้ายนางใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าให้ท้ายเกอเอ๋อหรือ ? ” อันอิงเฉิงหัวเราะออกมา ใบหน้าฉายแววดูถูก “องค์ชายเจ็ดมิตรัสอันใดก็พาคนบุกถึงจวน เอาแต่ตรัสว่าจักให้อันหลิงเกอชดใช้ แต่มิแจ้งเหตุผลอันใดออกมา พระองค์คิดว่าจวนโหวของกระหม่อมเป็นตลาดหรือไร พระองค์อยากบุกก็บุกเข้ามาได้หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
“โธ่ นี่คือการเข้าใจผิด ต้องเป็นการเข้าใจผิดอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อรีบไกล่เกลี่ย ทางหนึ่งกล่าวปลอบอันอิงเฉิง อีกทางหนึ่งก็ส่งสายตาให้จ้าวหลานหยู่
“องค์ชายเจ็ดนับว่าเป็นคนที่ข้าเห็นตั้งแต่เด็กจนโต เขามิใช่คนใจร้อนไร้เหตุผล” แววตาหลี่ซื่อเป็นประกายวูบหนึ่ง ปากของนางกล่าวแต่คำที่น่าฟังออกมามิหยุด “เกอเอ๋อก็เป็นคนมีเมตตา บางทีระหว่างพวกเขาอาจมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ท่านโหวในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งก็อย่าเข้มงวดกับองค์ชายเจ็ดมากเกินไปเลยเจ้าค่ะ มิสู้เรียกเกอเอ๋อออกมา ให้พวกเขาได้พูดคุยกันต่อหน้าอย่างชัดเจน ป้องกันมิให้พวกเขามองหน้ากันมิติดเจ้าค่ะ”
มีนางคอยพูด ใบหน้าของอันอิงเฉิงจึงมิได้ย่ำแย่เหมือนเมื่อครู่อีก
เดิมทีเขากับองค์ชายเจ็ดก็ถือเป็นญาติกัน หากมิใช่ว่าองค์ชายเจ็ดทำเยี่ยงนี้ ปกติเขาย่อมมิขัดใจพวกเชื้อพระวงศ์อยู่แล้ว
ตอนนี้หลี่ซื่อทำให้เขามีทางลง แน่นอนว่าอันอิงเฉิงต้องทำตาม
“ช่างเถิด ข้าจักส่งคนไปเรียกเกอเอ๋อมา ฟังเสียหน่อยว่าองค์ชายเจ็ดจักตรัสอันใด”
จ้าวหลานหยู่มิกล่าวอันใดจึงถือว่าตกลงตามอันอิงเฉิง
หลี่ซื่อรีบเชิญจ้าวหลานหยู่เข้าจวนและให้สาวใช้ไปเตรียมน้ำชา จากนั้นก็นั่งลงในห้องโถงใหญ่เพื่อรออันหลิงเกอ
“คารวะท่านพ่อ ถวายพระพรองค์ชายเจ็ดเพคะ”
อันหลิงเกอเดินตามสาวใช้เข้ามา ทำตัวราวกับมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น จากนั้นก็น้อมตัวคำนับให้ทั้งสองคนตรงหน้า
พอจ้าวหลานหยู่เห็นนาง ไฟโทสะที่เพิ่งดับไปพลันปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“อันหลิงเกอ ข้าจักให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต ! ”
เขาดึงกระบี่จากเอวของทหารนายหนึ่งออกมาด้วยใบหน้าดุร้าย ก่อนจักแทงไปที่อันหลิงเกอ
ผู้ใดก็คาดมิถึงว่าองค์ชายผู้สง่าผ่าเผยจักทำเช่นนี้ อันหลิงเกอรีบหลบไปด้านข้างด้วยความตกใจ แต่ใบหน้าของนางยังถูกกรีดเป็นรอยแผลอยู่ดี โลหิตไหลออกมาจากบาดแผล มองแล้วน่ากลัวยิ่งนัก
แต่จ้าวหลานหยู่ยังมิหายแค้น แทงครั้งแรกมิสำเร็จจึงพุ่งกระบี่ออกไปอีกครั้ง
เสียง ติ้ง ! ดังขึ้นอย่างชัดเจน แจกันเขียวใบหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกกับปลายกระบี่ จากนั้นเสียงของอันหลิงจุนก็ดังขึ้น “องค์ชายเจ็ดลอบทำร้ายคนในจวนโหว นี่เป็นคำสั่งจากฮ่องเต้หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งก้าวข้ามประตูเข้ามา ระหว่างคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย
กระบี่ในมือจ้าวหลานหยู่ถูกกระแทกจนหล่นลงพื้น เขาจึงหันไปมองคนที่เพิ่งเข้ามาอย่างเคียดแค้น “แม้แต่เจ้าก็ยังกล้าต่อต้านข้าแล้วหรือ ? ”
“กระหม่อมมิได้ต่อต้านพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” อันหลิงจุนเดินไปยื่นข้างกายอันหลิงเกอและเห็นใบหน้าของนางมีบาดแผลอยู่ตำแหน่งหนึ่ง