ตอนที่ 316 ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณงั้นเหรอ

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

หลังหมาป่าอนธการถูกสังหารภายในเสี้ยววินาทีแล้ว ฝีเท้าของดุคเจ้าแห่งผีดูดเลือดก็หยุดชะงักโดยพลัน

เข้าโบราณสถานกับชีวิตสิ่งใดสำคัญ แน่นอนว่าชีวิตสำคัญน่ะสิ!

บัดนี้ หญิงสาวที่สวมชุดสีเขียว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่งพุ่งมาหาเขาแล้ว

อากัปกิริยาของดุคแปรเปลี่ยน หญิงคนนี้มีพลังยุทธ์เพียงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายเท่านั้น

หรือจะ…จัดการนางเสีย ชิงป้ายหยกมาแล้วตรงดิ่งเข้าโบราณสถาน

เขาอาจจะเอาชนะนักพรตที่ถือกระบี่สีนิลคนนั้นไม่ได้ แต่พลังชีวิตของเขาเหนือกว่าหมาป่าอนธการอักโข ต่อให้ถูกฟันสิบกว่าหนให้เจ็บปางตายก็ไม่วายชนม์ สู้ลองดูสักตั้ง ขอเพียงไม่ต้องประมือกับนักพรตที่ฆ่าหมาป่าเป็นพอ

แววตาของดุคเสมองนักพรตกระบี่สีนิล เห็นนักพรตคนนั้นไม่ขยับเขยื้อน แต่หญิงชุดเขียวเข้าประชิดตัวแล้ว…

ในที่สุดใบหน้าของเขาฉายความเด็ดเดี่ยว

ลุย!

หอกโลหิตของดุคก่อตัว ระเบิดพลังทั้งหมดที่มี ขว้างใส่หญิงชุดเขียวด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด

ชั่ววินาทีนั้น มิติทั้งผืนร้องหวีดหวิวเพราะถูกหอกโลหิตทิ่มแทง พลังปราณโหมซัดประหนึ่งคลื่นสมุทร

นี่เป็นการโจมตีสุดกำลังของเขา เพื่อจะทะลวงหัวใจของหญิงสาวคนนั้น!

หญิงสาวพลิกมือกระบี่ยาวปรากฏในมือ คมด้านหนึ่งเป็นเปลวไฟแผดเผานภา อีกด้านมีกระแสไฟแล่นพล่าน

เมื่อตวัดกระบี่ ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี

ดุคเบิกตากว้าง ในใจพลันหวาดกลัวขึ้นมา จากนั้นพลังเพลิงอัสนีอันชวนให้พรั่นพรึงก็ทลายหอกโลหิตด้วยพลังทำลายล้างสรรพสิ่ง ฟันร่างกายของเขาขาดเป็นสองท่อน…

กระบี่ไม่หยุดยั้ง น้ำในบ่อสวรรค์ก็ถูกกระบี่พิฆาตฟันแยกเป็นสองทาง สายฟ้าแปลบปลาบ เปลวไฟอันน่ากลัวทำให้ผิวทะเลสาบเดือดพล่าน

ขณะเดียวกัน เจ้าแห่งผีดูดเลือดที่กลายเป็นสองท่อนก็ร้องครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน

เปลวเพลิงที่มีพลังทำลายล้างสูงลุกโชนรอบร่างกายสองท่อนของเขา กระแสไฟที่น่าสะพรึงกำลังทลายทุกอณูรูขุมขนและวิญญาณของเขา พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของเขากำลังถูกทำลายอย่างบ้าคลั่ง

สิ่งที่เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดภาคภูมิใจที่สุดก็คือพลังชีวิตอันเหนือชั้น ต่อให้ร่างกายถูกฟันเป็นสองท่อน ก็กลับมาสมานกันได้อีก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ท่าทางจะถูกกระบี่ผลาญชีพชัดๆ…

ใบหน้าของดุคสิ้นหวัง บัดนี้ในใจมีเสียงหนึ่งกำลังคำรามลั่น ‘ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณจริงหรือ เพลงกระบี่ที่น่ากลัวปานนี้ เจ้าบอกข้าทีว่ายังเป็นระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณอยู่ไหม!’

หญิงชุดเขียวคนนั้นคือสวีเสี่ยวหลานนั่นเอง

มือของนางถือกระบี่วิหคมังกร ยืนตระหง่านบนเวหา นัยน์ตาสุกใสจ้องร่างกายสองชิ้นกลางนภาอย่างเฉยชา ประดุจเทพธิดาตกสวรรค์ สูงส่งเหนือราคี

ร่างกายของเจ้าแห่งผีดูดเลือดผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นควันดำท่ามกลางเปลวเพลิง…

“ถูก…ถูกกำจัดอีกแล้วเหรอ”

นักพรตรอบข้างที่กำลังลังเลว่าจะร่วมรบหรือไม่เบิกตาจนกลมกว้าง ใบหน้ามีแต่ความอึ้ง

นักพรตแดนมังกรจับจ้องหญิงสาวกลางอากาศด้วยความยำเกรงอย่างเต็มเปี่ยม

นั่นมันเจ้าแห่งผีดูดเลือดที่มีพลังชีวิตน่ากลัวอย่างมหันต์เชียวนะ กลับถูกนักพรตที่อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเท่านั้นปลิดชีพ ความน่าตกใจเช่นนี้ทำให้ผู้คนพูดไม่ออก ต่อให้เรื่องจะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็น่าเหลือเชื่ออยู่ดี

แม้แต่อันหลินก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาเพิ่งเคยเห็นเสี่ยวหลานที่ผนึกมรดกของเสิ่นอิงได้อย่างสมบูรณ์แบบลงมือเป็นครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าเมื่อลงมือ จะถึงขั้นสังหารเจ้าแห่งผีดูดเลือดระดับแปลงจิตขั้นต้นเลย

เลือดมังกรและหงส์หลอมเป็นหนึ่ง ผสานกับกระบี่มังกรวิหคซึ่งเป็นอาวุธเซียน อานุภาพปรอทแตกจริงๆ ด้วย!

ส่วนอิทธิพลต่างชาติที่เป็นอริเหล่านั้น ยามนี้ก็ตกใจปากสั่นเช่นกัน

แต่ฝันร้ายของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

ซูเฉี่ยนอวิ๋นขี่กงจักรแสงจันทร์ที่ลึกลับเกินหยั่ง วาดวงโคจรสีน้ำเงินเป็นทางท่ามกลางฝูงหมาป่าอนธการ ราวกับเข้าสู่ดินแดนรกร้างไร้ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นหมาป่า หรือเจ้าแห่งหมาป่าที่มีพลังแก่กล้า ต่างก็ต้านทานไม่ไหว ถูกหั่นเป็นสองท่องกันถ้วนหน้า

ถังซีเหมินที่กำลังเผชิญหน้ากับนักรบกลายพันธุ์ที่มีอาวุธครบมือก็เข่นฆ่าทีละตน ไม่เยิ่นเย้อเลยสักนิดเช่นกัน

ชุดเกราะโลหะผสมน่ะหรือ แหลกลาญภายในกระบี่เดียว!

เปลวไฟ น้ำแข็ง ใบมีดลม ขีปนาวุธ ระเบิดแสง อาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าน่ะหรือ

ปราณกระบี่ที่อหังการไร้ที่เทียบเทียมบดขยี้ทั้งปวง!

เหล่านักรบกลายพันธุ์ที่เดินทางมาไกลจากพญาอินทรีล้วนต้องกล้ำกลืนความเคียดแค้น

พวกเขาเป็นกองหน้าที่มีสมญานามว่าไร้เทียมทาน บัดนี้กลับถูกระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณคนหนึ่งจัดการจนสิ้นท่า…

เซวียนหยวนเฉิงยื่นกระบี่สองเล่มออกไป ฟันแผ่นหลังของราชาผีดูดเลือดชุดแดงสองตนที่กำลังวิ่งหนีจนเกิดรอยบากขนาดใหญ่ เลือดสาดกระจายเต็มผิวทะเลสาบ กลายเป็นสีแดงฉายกระจายตัว

“นักพรตระยำพวกนี้มาจากไหน แม้แต่ท่านดุคก็ถูกฆ่าไปแล้ว!”

ราชาผีดูดเลือดตนหนึ่งเหลียวมองด้านหลังอย่างพรั่นใจ เมื่อเห็นว่าเซวียนหยวนเฉิงไม่ได้ตามมา ในที่สุดก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง

“ยังดีที่ไม่ใช่นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณทุกคนในกลุ่มนั้นจะน่ากลัว พวกเรานับว่ารอดชีวิตแล้ว” ราชาผีดูดเลือดอีกตนออกอาการดีใจ

“ชะตากรรมสรรพสิ่ง ตาย!” เสียงตะโกนของเซวียนหยวนเฉิงแว่วมาไกลๆ

จู่ๆ รอยบากบนแผ่นหลังของราชาผีดูดเลือดทั้งสองก็เริ่มเน่าเปื่อย ลุกลามไปทั่ว พลังชีวิตลดฮวบ

“อ๊าก…บัดซบ นี่มันอะไรกัน!” ราชาผีดูดเลือดตนหนึ่งครวญครางอย่างเจ็บปวด มองดูสหายข้างกายที่ร่วมหลบหนี ใบหน้าก็พลันฉายความสิ้นหวัง

เห็นใบหน้าของสหายคนนั้นแก่ชรา ผมเผ้ากลายเป็นสีขาว สุดท้ายพลังชีวิตก็มลายสิ้น ล้มกระแทกพื้น…

“ไม่!” ราชาผีดูดเลือดคนนั้นกรีดร้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก สุดท้ายร่างกายก็เริ่มร่วงหล่น

เซวียนหยวนเฉิงยุ่งมือเป็นระวิง หันหลังพุ่งตัวไปหาเผ่านักเวทเร้นลับ

นินจาสามคนจากแดนอาทิตย์อุทัยใช้วิชาพรางตัวหลบซ่อนอยู่ไม่ไกลจากประตูมิติ เนื้อตัวสั่นเทา บัดนี้ตกใจจนฉี่แทบเล็ดแล้ว

คราแรกพวกเขาตั้งใจจะฉวยจังหวะชุลมุนขโมยป้ายหยก ภายหลังได้เห็นเหตุการณ์ที่อันหลินสังหารจ่าฝูงหมาป่าในเสี้ยววินาที

คาคาชิตัดสินใจทันทีว่าจะไม่ปองร้ายอันหลิน คิดว่าจะเริ่มจากสมาชิกคนอื่น

“ท่าทางหญิงสาวคนนั้นจะดูอ่อนแอ อยู่แค่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย เราไปลอบสังหารนางกันเถอะ!”

“ท่านหัวหน้าฉลาดมาก!”

ภายหลังพวกเขายังไม่ได้ลงมือ ก็เห็นเพลงกระบี่อันสะเทือนปฐพีของหญิงสาวคนนั้น สังหารเจ้าแห่งผีดูดเลือดในกระบี่เดียวแล้ว

คาคาชิ “…”

โจนินอีกสองคนสั่นระริก ความเย็นแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ คิดในใจว่ายังดีที่ไม่ได้ลงมือ

“เราลองดูคนอื่นดีกว่า” คาคาชิกัดฟัน เบนสายตามองนักพรตคนอื่นๆ ที่ถือครองป้ายหยก

คนหนึ่งสู้คนเผ่าหมาป่าอนธการแพ้ย่อยยับ อีกคนสังหารหมู่นักรบกลายพันธุ์ อีกคนใช้เพลงกระบี่พิสดารปลิดชีพราชาผีดูดเลือดสองตน แถมตอนนี้ยังไปไล่ล่าเผ่านักเวท…

คาคาชิคิดว่าร่างกายเริ่มอ่อนเปลี้ย แน่นหน้าอกนิดหน่อย

ให้ตายสิ นักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณในกลุ่มนี้วิปริตผิดคนไปหมดหรือไง!

แค่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาคิดจะเอาชนะกลุ่มนี้ ก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวแล้ว

“ท่านหัวหน้า…เราล่าถอยกันก่อนดีไหม” สมาชิกคนหนึ่งเอ่ยปากโน้มน้าวอย่างอดรนทนไม่ไหว

คาคาชิคิดว่าสมาชิกคนหนึ่งมีเหตุผลมาก จึงพยักหน้าทันควัน

“ดี! รู้จักกล้ำกลืนความอัปยศ นี่สิกฎข้อแรกของนินจา!”

ทั้งสามจึงใช้วิชาพรางตัว ทำท่าลับๆ ล่อๆ จะล่าถอย

“หึๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกผีญี่ปุ่นต้องมาที่นี่ ในที่สุดก็เจอพวกแกสักที”

จู่ๆ เสียงที่มีกำลังวังชาก็ดังขึ้นข้างหูทั้งสาม

ทั้งสามหันหลังกลับไป เห็นจอมอ้วนคนหนึ่งถือถาดกลไกในมือ กำลังแสยะยิ้มจ้องมองพวกตน ผู้มาเยือนคือเฉินจิ่งเทียนยอดอัจฉริยะด้านยันต์!

ยันต์สีทองแผ่นหนึ่งลอยมาหาทั้งสามคนตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบได้

“แย่แล้ว รีบถอย!” คาคาชิตะโกนลั่น

ตูม ระเบิดที่น่ากลัวกลายเป็นลูกไฟขนาดมหึมา ม้วนตัวไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้พื้นที่ในรัศมีสิบจั้งเป็นทะเลเพลิง

“ฮ่าๆ ๆ รสชาติยันต์ของฉันเป็นยังไงบ้าง อย่าคิดว่าจะรอด!”

เฉินจิ่งเทียนระเบิดเสียงหัวเราะ ขว้างยันต์อีกสามแผ่นออกไป ก่อตัวเป็นค่ายกลจองจำสีขาว ขัดขวางเส้นทางหนีของทั้งสามไว้

“อยากตายหรือไง!” คาคาชิมองเฉินจิ่งเทียนด้วยใบหน้าที่เย็นเยือก

เฉินจิ่งเทียนมีพลังยุทธ์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย และไม่ใช่นักพรตในกลุ่มวิปริตนั่น คาคาชิไม่กลัวเขาหรอก

“ฆ่ามัน!” คาคาชิออกคำสั่งแล้วขยับตัวทันที

โจนินอีกสองคนก็พุ่งใส่เฉินจิ่งเทียนอย่างฉับไว คุนะอิ[1]ในมือส่องแสงแวววับน่าสะพรึง

“งูเพลิงกงตง!” เฉินจิ่งเทียนขว้างยันต์อีกแผ่นออกไป กลายเป็นงูเพลิงเขี้ยวแหลมคมนับร้อยนับพันตัว พุ่งไปหาทั้งสามคนทันใด

โจนินอีกสองคนปล่อยระเบิดมังกรวารีใส่ฝูงงูเพลิง เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ไอน้ำพวยพุ่ง

สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งทะลุม่านวาริน สุดยอดโจนินคาคาชิทลายการโจมตีของงูเพลิง ในมือถือสายฟ้าที่แฝงอานุภาพอันน่ากลัว ฟาดใส่เฉินจิ่งเทียนด้วยเสียงหมื่นวิหคแผดร้อง

ท่านี้เป็นท่าสังหารศัตรูที่โจนินอย่างคาคาชิภาคภูมิใจที่สุด นักเวทอ้วนฉุที่ทำได้แค่ขว้างยันต์อย่างเฉินจิ่งเทียน ฆ่าได้ภายในท่าเดียวแน่นอน!

แต่ขณะที่กำลังคับขันอยู่นั้น ไม่รู้ว่ากระบี่บินใต้ฝ่าเท้าของเฉินจิ่งเทียนขึ้นมาอยู่ในกำมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด

ฟิ้ว

ลำแสงกระบี่ที่สมบูรณ์แบบปะทะกับสายฟ้าในมือคาคาชิ

ตูม การประสานงาที่น่ากลัว ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ท่วมท้นนภา

คาคาชิถอยกรูดอย่างบ้าคลั่ง เลือดไหลออกจากมือของเขา เงยหน้ามองเฉินจิ่งเทียนด้วยความหวาดผวา พูดด้วยภาษาจีนอย่างตกใจว่า “ให้ตายสิ แกเป็นยอดอัจฉริยะด้านยันต์ไม่ใช่เหรอ!”

เฉินจิ่งเทียนดึงกระบี่เข้าหาตัว ลักษณะแปรเปลี่ยนทันใด เป็นดุจเซียนกระบี่ “กระบี่ของโอตาคุจอมอ้วนไม่เป็นสอง!”

คาคาชิ “…บากะ!”

[1] คุนะอิ เป็นอาวุธโบราณจากญี่ปุ่นใช้โดยนินจา มีลักษณะคล้ายมีดขนาดประมาณ 10-15 ซม.