ตอนที่ 60 กตัญญูเอาหน้า

“พวกเรายังทำงานได้อยู่ ขออยู่ด้วยตัวเองสักสองสามปี พอแก่จนขยับไม่ไหวแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องแบ่งกันดูแล จะให้เป็นภาระของครอบครัวพวกเธอครอบครัวเดียวไม่ได้” คุณแม่จ้าวกล่าว

เย่ฉูฉู่ไม่คิดเกลี้ยกล่อมอีก ลูกกตัญญูไม่ใช่ว่าต้องให้ผู้ใหญ่เชื่อฟังการจัดการของตนเอง แต่ให้เคารพความประสงค์ของผู้ใหญ่ให้มากที่สุด อีกอย่างบ้านก็ยังไม่ได้สร้าง ตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจ

เมื่อเห็นแม่สามีวางไหสองใบ และต้มน้ำร้อนอีกหนึ่งหม้อ เย่ฉูฉู่ก็ทราบได้ว่าแม่สามีกำลังเตรียมทำผักดอง เธอจึงอยู่ช่วยแม่สามีขัดล้างไห

ขณะนั้นเองพี่สะใภ้รองจ้าวถูกหลี่เฟินเพื่อนสนิทในหมู่บ้านลากไปทำผักดอง

หลี่เฟินอาศัยอยู่ตรงลานทางทิศตะวันตก อยู่ติดกับห้องทางทิศตะวันตกที่พี่สะใภ้รองจ้าวอาศัยอยู่พอดี เมื่อคืนนี้หล่อนจึงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของพี่สะใภ้รองจ้าว

“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่เฟินเอ่ยถามพี่สะใภ้รองจ้าวขณะที่ทั้งสองกำลังยืนล้างผักกาดขาวอยู่หน้าไห

พี่สะใภ้รองจ้าวเก็บซ่อนไม่ได้ ตาทั้งสองข้างของหล่อนยังคงปูดบวมไม่หาย

“ทะเลาะกับสามีมา” พี่สะใภ้รองจ้าวใช้สองนิ้วแหวกผักกาดขาว ทั้งยังหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง “น้องสามีซื้อผักมาหนึ่งคันรถ เธอเองก็รู้สินะ?”

“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ทั้งหมู่บ้านมีใครบ้างที่ไม่รู้” หลี่เฟินกล่าว

“เธอว่าขายถั่วงอกจะขายได้เงินเท่าไรกันเชียว ซื้อทั้งจักรยานและผักอีกหนึ่งคันรถ เธอไม่รู้หรอกว่าพวกเขากินอะไรกันบ้าง นี่ยังไม่พูดถึงปลากับเนื้อหมูชิ้นใหญ่แต่ละมื้อนะ ไปเอาเงินมาจากไหน? ฉันแค่พูดไปไม่กี่ประโยค สามีก็ไม่พอใจแล้ว”

พี่สะใภ้รองจ้าวพูดจริงบ้างไม่จริงบ้าง แม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่สามารถบอกความจริงทั้งหมดได้

หลี่เฟินไม่สนใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ รู้เพียงแค่ว่านี่เป็นสาเหตุก็พอแล้ว

“เขาก็ลำเอียงไปทางน้องคนเล็กมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นี่ก็หลายปีแล้วนะ เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ทำไมถึงยังทะเลาะเรื่องนี้กันอีก นี่ไม่ใช่เป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ” หลี่เฟินปลอบใจ

“เมื่อก่อนก็แบบนั้นแหละ ตอนนี้แยกบ้านแล้ว ครอบครัวของฉันคนเยอะ แบ่งผักกาดขาวกันได้นิดเดียว สู้ผักกาดขาวของเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เด็ก ๆ ก็กินเก่ง มันจะไปพอได้ยังไง ถึงพ่อกับแม่จะลำเอียงมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ควรเยอะเกินไปไม่ใช่เหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวระบายออกมา

“เธอสร้างความวุ่นวายแล้ว ผลเป็นยังไงล่ะ?” หลี่เฟินกล่าว

“ผลจะเป็นยังไงได้ล่ะ? คุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมรับน่ะสิ ส่วนจ้าวเหวินเทาก็โวยวายว่าจะเลี้ยงพ่อแม่ยามแก่คนเดียว” พี่สะใภ้รองจ้าวแค่นเสียงเย็น “น้องสามีสภาพแบบนั้น ต่อให้ไม่ใช่ฉันที่พูด แค่ให้เขาเลี้ยงตัวเองให้รอดก็ยากแล้ว ยังจะเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่อีก มีแต่เป็นภาระนั่นแหละ!”

“แม่สามีของเธอไม่ยอมรับเหรอว่าให้เงินน้องสามี?” หลี่เฟินถาม

“แม่เคยยอมรับที่ไหนกันล่ะ? ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยพูด แต่ครั้งนี้พูดออกไปแล้ว” พี่สะใภ้รองจ้าวมีความคิดเห็นมากมาย

หลี่เฟินครุ่นคิดพลางกล่าวว่า “แม้ว่าแม่สามีของเธอจะลำเอียงไปทางน้องสามี แต่ก็คงไม่โกหกหรอกมั้ง ถึงอย่างไรการใช้ชีวิตมันก็ไม่ใช่แค่วันสองวัน ถ้าเป็นแบบนี้จนเคยชิน จะต้องมีเงินเท่าไรถึงจะพอ?”

พี่สะใภ้รองจ้าวมือล้างผัก ปากก็กล่าวว่า “ไม่โกหก? ถ้าไม่โกหกงั้นก็หมายความว่าขายถั่วงอกจนมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

แต่คำกล่าวของหลี่เฟินกลับสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง แม้ว่าเงินบำเหน็จของคุณพ่อคุณแม่ของสามีจะมีไม่น้อย แต่ก็ใช้ได้ไม่นาน คุณพ่อคุณแม่ของสามีก็ไม่ใช่คนเลอะเลือนแบบนั้น…

คำพูดของแม่สามีไม่ช่วยให้หล่อนเบิกบานใจเลย หรือว่าแม่สามีจะไม่ได้ให้เงินกับจ้าวเหวินเทาจริง ๆ ทั้งหมดเป็นเงินที่จ้าวเหวินเทาหามาเอง? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

หลี่เฟินกล่าว “ขายถั่วงอกจะได้เงินเท่าไรกันเชียว ตอนแยกบ้านไม่ใช่ว่าพวกเธอแบ่งเงินกันแล้วเหรอ น่าจะเป็นเพราะใช้เงินที่แบ่งนั่นแหละ”

ถ้าครอบครัวในหมู่บ้านต้องการแยกบ้าน ขั้นตอนการแยกบ้านทุกคนในหมู่บ้านย่อมรู้ดี สิ่งนี้ไม่สามารถปิดซ่อนได้ ตระกูลจ้าวก็เช่นกัน แบ่งเงินกันเท่าไร หลี่เฟินก็เคยได้ยินมาแล้ว “ฉันได้ยินมาว่า พวกเธอแบ่งเงินกันได้มาไม่น้อยเลยนะ”

พี่สะใภ้รองจ้าวจึงคำนวณคร่าว ๆ ในใจ ถ้าใช้เงินที่ได้จากการแยกบ้านมาก็เหมือนจะพอดีกับที่จ่ายไป

แต่ถ้านับเงินที่แยกบ้าน น้องสามีที่กินเงินเก็บของครอบครัวแบบนี้ ช่างฟุ่มเฟือยจริง ๆ

เมื่อคิดได้ดังนี้พี่สะใภ้รองจ้าวจึงสบายใจขึ้นมาก

“เขายังบอกว่าจะสร้างบ้านให้คุณพ่อคุณแม่ไปอาศัยอยู่กับเขาด้วยนะ ไร้ระเบียบวินัยแบบนี้ ทั้งชีวิตจะสร้างบ้านได้เหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว น้ำเสียงของหล่อนจึงกระปรี้กระเปร่าขึ้นหลายส่วน

“คำพูดสวยหรูใครก็พูดได้ อีกอย่างนะ สุขภาพร่างกายของพ่อแม่สามีของเธอก็ยังแข็งแรงดี ยังไม่แก่ แถมยังทำงานได้ และมีเงินอยู่ในมือ ถ้าอาศัยอยู่ด้วยกันจริง ๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เผลอ ๆ ยังได้กำไรอีก”

คำพูดของหลี่เฟินทำให้พี่สะใภ้รองจ้าวฉุกคิดขึ้นมา คำพูดนี้ไม่ผิดเลย อีกตั้งกี่ปี่กว่าจะถึงตอนที่ต้องเลี้ยงดูคนชรากัน?

ทำไมหล่อนถึงคิดไม่ถึงนะ สองคนนี้ดีดลูกคิดเก่งกันจริง ๆ คนที่กตัญญูนี่มันก็กตัญญูจริง ๆ!

พี่สะใภ้รองจ้าวคิดพลางแค่นเสียงเย็นในใจ

“ฉันขอเตือนเธอไว้ก่อนเลยนะ ปกติแล้วคนชราจะไปอาศัยอยู่กับลูกคนโต เมื่อถึงตอนนั้นเธอห้ามทำอะไรเลอะเทอะนะ อย่าให้น้องสามีเอาเปรียบ ทำให้พวกเธอแบกรับชื่อเสียงว่าเป็นลูกเนรคุณล่ะ” หลี่เฟินกล่าว

ในใจของพี่สะใภ้รองจ้าวก็คิดแบบนี้ แต่หล่อนกลับกล่าวว่า “แม้ว่าน้องสามีจะพูดแบบนั้น แต่แม่สามีของฉันก็ยังไม่ได้ให้คำตอบ ทั้งสองต้องการอยู่ด้วยตัวเองอีกสักสองสามปี อีกอย่างบ้านของเขาก็ยังไม่ได้สร้าง เรื่องยังไม่เกิดขึ้นเลย เรื่องนี้อีกสักสองสามปีค่อยพูดก็ยังไม่สาย”

“ก็จริง แต่เธอก็จะมีปัญหาด้วยนะ บางครั้งคนชราก็เหมือนเด็ก ต้องเกลี้ยกล่อมบ้าง” หลี่เฟินกล่าว ในมือของผู้อาวุโสมีเงินอยู่ ถ้าไม่สู้เพื่อสิ่งนั้นก็ไม่รู้ว่าใครเอาเปรียบใคร!

พี่สะใภ้รองจ้าวไม่กล่าว แต่ในใจกลับกำลังดีดลูกคิด หลังจากนี้ตัวหล่อนเองต้องแสดงละครหน่อย เพื่อไม่ให้แม่สามีบอกว่าพวกเขาเป็นลูกเนรคุณ

เย่ฉูฉู่ช่วยแม่สามีทำความสะอาดไห ตอนบ่ายก็ช่วยแม่สามีใส่ผักกาดขาวลงไปในไห

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้หรือไม่ ทำให้ลูกสะใภ้ที่เหลือทั้งสามคนก็มาร่วมทำผักดองในตอนบ่ายด้วย คุณแม่จ้าวจึงแทบไม่ต้องลงมือ เพียงแค่ขยับปากเท่านั้น

“คุณแม่คะ ผักเหล่านี้จะไปตากให้แห้งใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นฉันถักให้นะคะ?” พี่สะใภ้รองจ้าวเดินไปยังกำแพงและชี้นิ้วไปยังผักกาดหลากหลายขนาดที่วางกองอยู่

เมื่อคืนนี้วุ่นวายมาก วันนี้กลับเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ถึงเวลาทำงานก็ทำงาน ถึงเวลาหัวเราะก็หัวเราะ ถ้าไม่ใช่เพราะตาบวมก็คงคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น!

สิ่งนี้ทำให้คุณแม่จ้าวมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความคิดของลูกสะใภ้คนนี้อย่างลึกซึ้ง นางมองหล่อนและกล่าวว่า “ถ้าเธอไม่เหนื่อยก็ถักเถอะ”

นางกล่าวเบา ๆ มีคนมาช่วยงานผ่อนแรง ทำไมจะไม่ใช้งานล่ะ

“อย่าดูถูกว่าผักกาดขาวนี้เล็กนะคะ ถ้าได้กินกับมันฝรั่งและเมล็ดกัญชงตากแห้งตอนหน้าหนาวล่ะก็ อร่อยเชียวล่ะค่ะ!” ขณะถักผัก พี่สะใภ้รองจ้าวก็หาเรื่องคุยไปด้วย หล่อนไม่ใช่คนโง่ เพราะหล่อนสัมผัสได้ถึงความเฉยชาของแม่สามีที่มีต่อตน

แต่ครอบครัวของเจ้าหกมาช่วยงานเมื่อตอนเช้าแล้ว ตอนบ่ายก็ยังมา มันจะสมเหตุสมผลเหรอถ้าหล่อนไม่มาช่วย?

ดังนั้นต่อให้รู้ว่าแม่สามีไม่อยากเห็นหน้า หล่อนก็ต้องมา

“ทำซาจูช่าย [1] ก็ไม่เลวนะคะ” พี่สะใภ้สี่จ้าวเข้ามาช่วยพลางกล่าว

พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่รู้ว่าพี่สะใภ้รองจ้าวคิดอะไรในใจ แต่เมื่อพี่สะใภ้รองจ้าวแสดงด้านนี้ให้แม่สามีเห็น หล่อนเองก็ต้องรีบมา อย่าปล่อยให้ตนเองพลาดของดีโดยที่ไม่รู้

หลังจากผ่านเรื่องเมื่อคืน หล่อนจึงมองออกว่าพี่สะใภ้รองคนนี้ไม่ได้ใจกว้างเหมือนเมื่อก่อน

เมื่อก่อนหล่อนไม่ได้เป็นใหญ่ในบ้าน ทุกอย่างอยู่ในมือของแม่สามี ตอนนี้แยกบ้านดูแลครอบครัวของตัวเองแล้ว ย่อมแตกต่างจากเดิม อย่างเช่นตัวของหล่อนเอง หล่อนก็ต้องวางแผนในอนาคตสำหรับลูกชายของตนไม่ใช่เหรอ?

……………………………………………………………………………

[1] ซาจูช่าย คือซุปใส่ผักดองและเลือดหมู

สารจากผู้แปล

หลังเกิดเรื่องแล้ว อยู่ ๆ ก็เกิดกตัญญูกันขึ้นมาเชียว รอให้บ้านหกมีเงินสร้างบ้านก่อนเถอะ จะแยกไปอยู่เองไม่ต้องมาร่วมสงครามประสาทนี้แล้ว

ไหหม่า(海馬)