ตอนที่ 293 เซียนหยั่งรู้ฝาแฝด

แม่ครัวยอดเซียน

หลิวหลีพบว่าเพลิงเซียนออกจะดื้อด้านเล็กน้อย พูดให้เห็นภาพขึ้นมาหน่อยก็คือจัดการได้ยาก เพราะธาตุดินเองก็ค่อนข้างหนักแน่น หลิวหลีพบว่านางหาแกนเพลิงเซียนนี้ไม่เจอ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงจะไม่สนุกนัก หรือนางจะต้องบีบให้มันยอมออกมา

สถานการณ์ของหนานกงเวิ่นเทียนเหมือนกับที่เล่อถงบอกไว้ ยากเย็นแสนเข็ญแต่ทว่าทุกครั้งที่มีอันตราย เขาก็สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้เสมอ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เขากลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้างที่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนจะมอดไหม้ หงส์ที่เป็นอสูรเทพในร่างกายก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นตาม

ณ ดินแดนอสูรเทพ เอ๋าเลี่ยรู้สึกไม่ดี เป็นเพราะคำทำนายเพียงประโยคเดียว ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก จนไม่มีแม้กระทั่งเวลาจะไปหาภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ เหล่าบรรพชนคงต้องโดนเป่าหูอะไรมาแน่ ไม่เช่นนั้นจะมาเร่งรัดเขาแบบนี้หรือ สิ่งเดียวที่พอจะทำให้เขาชื่นใจได้บ้างก็คือ อิงเสวี่ยกำลังตั้งครรภ์ จึงโดนทรมานไม่ได้ แต่ได้พี่น้องที่ร่วมทุกข์สุขอย่างจื่อฉีมาทำหน้าที่แทน บรรพชนมีคำสั่งหากไม่บรรลุขั้นมหาอสูรเทพก็ห้ามออกจากฌาน

พูดถึงอิงเสวี่ย เพราะเป็นหญิงตั้งครรภ์จึงอยู่ในหอกาลเวลาตลอดเวลาเพื่อที่จะสามารถคลอดลูกออกมาได้ก่อนกำหนด เพราะอายุครรภ์ของอสูรเทพนานกว่าปกติ

ย้อนกลับมาที่หลิวหลี อืม ทำเช่นต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ นางปล่อยเพลิงเซียนหทัยสมุทรออกมา ธาตุน้ำสามารถข่มธาตุดินได้ เมื่อสัมผัสได้ว่าพอประมาณหนึ่งแล้วก็ปล่อยเพลิงเซียนบุปผาเหมันต์ออกมา เพื่อใช้ธาตุน้ำผนึกไว้อีกชั้น จนเจอตำแหน่งของแกนเพลิงเซียน อืม นางไม่ได้ผนึกเพลิงดวงใจพสุธาในร่าง ปลดปล่อยมันออกมาให้เริ่มกลืนกิน เหมันต์และวารีที่สะกดไว้ถึงสองขั้น ทำให้เพลิงเซียนธาตุดินโดนเพลิงดวงใจพสุธาที่กำลังรอโอกาสอยู่นั้นกลืนกินเข้าไป เมื่อกลืนกินแกนกลางของเพลิงเซียนแล้ว มันก็เริ่มยึดครองอาณาเขตทั้งหมดของอีกฝ่าย หลังจากกลืนกินเสร็จก็กลับมาเข้าร่างหลิวหลี เส้นลมปราณที่เพลิงดวงใจพสุธาอาศัยอยู่นั้นจึงเริ่มเปล่งประกายและค่อยๆเริ่มส่องสว่างจนเส้นลมปราณกลายเป็นสีเหลืองดิน เพลิงดวงใจพสุธาเลื่อนขั้นเป็นเพลิงเซียนดวงใจพสุธาได้สำเร็จ ส่งผลให้พลังบำเพ็ญเพียรของหลิวหลีก้าวหน้าตามไปด้วย แต่ก็ยังคงห่างไกลจากขั้นจักรพรรดิเซียนอยู่มาก

หนานกงเวิ่นเทียนผ่านการต่อสู้ทั้งเล็กและใหญ่ จนทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดราวเครื่องสังหาร ผมสีขาวเลอะคราบเลือด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและรอยฟกช้ำ แต่ก็พอจะมองออกได้ว่าตัวหนานกงเวิ่นเทียนเปลี่ยนแปลงราวเกิดใหม่ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ตอนนี้เขาเหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะเปิดประตูออกไปจากที่นี่ได้ ตัวเขาเองไม่ได้รู้เลยว่าตนเองใช้เวลาต่อสู้ไปนานเท่าไหร่ ตราบจนสังหารศัตรูคนสุดท้าย หนานกงเวิ่นเทียนจึงผลักประตูออก แสงอาทิตย์ลอดเข้าครรลองสายตาจนปวดตา สติค่อยๆเริ่มกลับมา พลังเซียนทั่วร่างพรั่งพรู พลังบำเพ็ญเพียรก็ก้าวหน้าขึ้นมาก

“น้องหญิง” หนานกงเวิ่นเทียนตั้งสติอยู่นาน กว่าจะมองออกว่าหญิงสาวผู้ที่ส่งยิ้มสดใสแต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่อาทรนี้คือฮูหยินของตน ในที่สุดเขาก็ได้สติ เขาเปลี่ยนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นก็เพื่อนาง

“ท่านพี่ ยินดีต้อนรับออกจากฌาน” หลิวหลีย่อมรู้สึกสงสาร สามีของนางผ่านอะไรมาบ้าง ถึงแม้ภายนอกจะไม่เป็นไร แต่เขากลับมีไอของความกระหายเลือดคละคลุ้งไปหมด เป็นราวกระบี่แหลมคมที่ถูกชักออก ทั้งเนื้อตัวมีแต่ความอันตราย

“น้องหญิง ข้าไม่เป็นไร” เหตุใดหนานกงเวิ่นเทียนจะไม่รู้ว่าน้องหญิงกำลังสงสารเขา แต่ว่ามันก็คุ้มค่า

“ยินดีด้วยกับท่านทั้งสองที่ออกฌาน” เด็กสามคนเอ่ย

หลิวหลีหรี่ตามองพวกนางสามคน แล้วจ้องสองคนในนั้นอยู่นานกว่าจะได้สติ

“แขกกิติมศักดิ์ทั้งสอง จักรพรรดิเซียนสั่งมาว่า หากท่านทั้งสองออกฌานแล้ว ให้เชิญไปพูดคุยกันที่ศาลา” จื่อถงกล่าว

“นำทางด้วย”

เมื่อทั้งสองมาถึงก็พบกับเล่อถงที่อยู่ในร่างผู้ใหญ่

“ยินดีด้วย ท่านทั้งสองพัฒนาไปมาก” เล่อถงพูดพลางยิ้ม แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้สั่งให้เด็กทั้งสามออกไป

“ขอบคุณมากเล่อถง” หากไม่ได้ความใจกว้างของคนผู้นี้ พวกเขาคงไม่ก้าวหน้ามากขนาดนี้ในเวลาอันสั้น

“ยังเกรงใจข้าอยู่อีก ข้าก็มีเรื่องขอร้องหลิวหลีเช่นกัน” เล่อถงพูดพลางเติมชาให้พวกเขา

“โอ๊ะ? ข้ามีอะไรสามารถช่วยเล่อถงได้” แปลกนัก นางเป็นเพียงคนธรรมด ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาผู้โด่งดังได้

“แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว หลิวหลี ช่วยข้าดูที พวกนางสามคนใครที่จะกลายเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาคนใหม่” เมื่อสิ้นเสียงของเล่อถง สามคนด้านหลังก็เริ่มตึงเครียด ให้หลิวหลีท่านนี้เป็นผู้เลือกจริงๆด้วย

“เล่อถง ท่านเชื่อใจข้าขนาดนี้เลยหรือ?” หลิวหลีเลิกคิ้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดถึงทำตามอำเภอใจเช่นนี้

“อยู่แล้ว” เล่อถงให้ความมั่นใจ

“เอาล่ะ ข้าก็จะบอกแล้วกัน พวกนางทั้งสามคนไม่มีใครสามารถกลายเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาได้” ความตรงไปตรงมาของหลิวหลีทำให้สามคนข้างหลังหน้าซีด เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้

“ที่แท้ก็ไม่มีคนไหนสามารถปฏิบัติหน้าที่นี้ได้” เล่อถงก็ประหลาดใจเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครสามารถปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ นี่ออกจะน่าผิดหวังเกินไป

“ใช่ ไม่ได้เพียงคนเดียว” หลิวหลียืนยัน

“เดี๋ยวก่อน ข้ารู้สึกว่าในประโยคนี้ของเจ้ามีความหมายซ่อนอยู่” เล่อถงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

“ใช่ ไม่ได้เพียงคนเดียว ต้องสองคน” ในช่วงนี้เซียนหยั่งรู้ดวงชะตาเน้นไปที่ดาวเมถุน เช่นนั้นก็ไม่มีใครแล้ว

“สองคน ความหมายของหลิวหลีคือสองคนในพวกเขาจะสามารถเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาได้” เล่อถงเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน เซียนหยั่งรู้ดวงชะตามีเพียงคนเดียวมาตลอด ไม่เคยมีสองคนพร้อมกันมาก่อน

“ใช่ ความสามารถของคนเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีสองคน” หลิวหลียืนยัน ต้องมีสองคน

ทั้งสามคนโล่งอก ทันใดนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ในบรรดาพวกนางมีหนึ่งคนที่ไม่ใช่ แต่สองคนนั้นจะเป็นใครกัน

“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้ได้ มิน่าข้าจึงพยากรณ์ไม่ได้ว่าเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาคนต่อไปคือใครในเหล่าพวกนาง จนข้าพยากรณ์ได้ว่าเจ้าจะช่วยข้าได้ ไม่คิดเลยว่าจะช่วยได้จริงๆ ที่แท้ก็มีสองคนนี่เอง” เล่อถงพูดพลางส่ายหน้า

“เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก” หลิวหลีพูดพลางส่ายหน้า

“หลิวหลีลองบอกสักนิดว่าเป็นใคร?” เล่อถงสงสัยอย่างมาก

“ง่ายมาก ให้พวกนางรวมกลุ่มกันเองก็ได้แล้ว ถ้าสามารถมองเห็นอะไรก็ถือว่าใช่แล้ว” หลิวหลีพูด

“พวกเจ้าสามคนได้ยินชัดแล้ว รวมกลุ่มกันเอง” เล่อถงพูดกับสามคนที่อยู่ด้านหลัง

มู่ลี่ชิงจับมือจื่อถง ไม่มีปฏิกิริยาอะไร จึงจับมือหลานหลิงอีก ก็ยังไม่มีอะไร มู่ลี่รู้สึกราวกับโดนน้ำเย็นสาดเข้ามาในพริบตา ไม่ใช่นางจริงๆ

จื่อถงสบตากับหลานหลิง ทั้งสองจับมือกันด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง ทันใดนั้นในดวงตาของทั้งสองก็มีภาพปรากฎขึ้น ผู้คนทุกข์ยาก ร่ำไห้คร่ำครวญ แล้วก็มีสามีภรรยาวัยเยาว์คู่หนึ่งปรากฎตัวขึ้น ช่วยเหลือทุกคนให้รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้

“พวกเรามองเห็นแล้ว” ทั้งสองรู้สึกเหลือเชื่อ ที่แท้ไม่ใช่เล่อถงไม่สอนพวกนาง แต่เพราะมันไม่จำเป็นต้องสอนจริงๆ พรสวรรค์เช่นนี้ ไม่สามารถสร้างได้

“จื่อถงกับหลานหลิง” เล่อถงก็รู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นพวกนางสองคน

“ชื่อไพเราะมาก พวกนางสองคนยังจำเป็นต้องปรับตัว หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วเล่อถง แม้ว่าญานของพวกนางจะปลุกพรสวรรค์หยั่งรู้แล้ว แต่ก็ยังอ่อนแอเกินไป” หลิวหลีคิดว่าใช้คำว่าอ่อนแอออกจะเยินยอพวกนางเกินไป ทั้งสองรวมกันยังเทียบไม่ได้กับเล่อถงเพียงคนเดียว ยังอ่อนหัดมากจริงๆ

“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว” ทำไมเล่อถงจะมองสายตาเดียดฉันท์ลึกๆในแววตาอีกฝ่ายไม่ออก

“เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าสามคนออกไปได้” ในเมื่อจัดการธุระเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าอยู่ขวางหูขวางตาหลิวหลีตรงนี้เลย

“ขอบคุณหลิวหลี”

“เซียนหยั่งรู้ฝาแฝด เจ้าคงต้องอบรมสั่งสอนอยู่นานทีเดียว คาดว่าจนข้าบรรลุแล้ว พวกนางคงยังไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งของเจ้าได้” ไม่ใช่เพราะหลิวหลีดูถูกพวกนาง แต่เพราะพวกนางอ่อนหัดเกินไปจริงๆ