บทที่ 12 ดาร์ก เดม่อนพยายามเอาชีวิตรอดอย่างเหนียวแน่น
คาบเรียนในวันอังคารนั้นมีวิชาประลอง วิชาคณิตศาสตร์ และวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์
พาวาร์ โจนส์ คือศาสตราจารย์ประจำวิชาการประลองของปีหนึ่ง และเป็นอาจารย์ที่สายเลือดของยักษ์!
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเป็นหัวหน้าอาจารย์ประจำบ้านขุนนางอีกด้วย!
หัวหน้าอาจารย์ประจำบ้านอัศวิน คือศาสตราจารย์ซาราห์ ซิลเวอร์ของวิชาอัญเชิญ ส่วนบ้านนักปราชญ์กับบ้านคนเขลาคือศาสตราจารย์ลิลลี่ ลาปลาซจากวิชาคณิตศาสตร์ และศาสตราจารย์ดีดี้ แม็กซ์เวลแห่งวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ตามลำดับ
เช่นเดียวกับ เกมจีบสาวทั่วไป หัวหน้าอาจารย์ประจำบ้านสี่คนนี้เป็นผู้หญิงทั้งหมด!
สถาบันเซนต์แมเรียนนั้น ตั้งแต่ชื่อสถาบันไปจนถึงเหล่าอาจารย์ทั้งหมดให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นโรงเรียนเวทมนตร์หญิงล้วน
เพราะศาสตราจารย์โจนส์มีสายเลือดของยักษ์ รูปร่างของเธอจึงมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดาเป็นเท่าตัว ผมที่ตัดสั้น ผิวสีแทน และร่างกายที่แข็งแรงเกินกว่าคนทั่วไปเนื่องมาจากมวลกล้ามเนื้อ
แม้ว่าดาร์กจะไม่สนใจศาสตราจารย์ผู้สูงเกินสองเมตรและมีลูกบาสเกตบอลสองลูกอยู่บนหน้าอก แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนในสถาบันเป็นอย่างมาก?
ได้ยินมาว่าต้นกำเนิดสายเลือดยักษ์ของศาสตราจารย์โจนส์นั้นมาจากราชวงศ์ยักษา และพ่อของเธอก็เป็นมนุษย์ชนชั้นสูงที่มีเลือดบริสุทธิ์ แม้ว่าเธอจะไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ในแง่ของเผ่าพันธุ์ แต่เธอก็เป็นเลือดบริสุทธิ์อย่างแท้จริงในแง่ของ ‘ชนชั้นสูง’!
กล่าวได้ว่าในบรรดานักเรียนชั้นปีสูง ๆ ของเซนต์แมเรียน เธอมีผู้ชื่นชมมากมายทั้งชายและหญิง แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะพลังของเธอ
ทั้งนักเรียนใหม่ของบ้านขุนนางและบ้านอัศวินต่างก็ตั้งตารอที่จะเรียนวิชาการประลองของศาสตราจารย์โจนส์
ทว่าช่างน่าเสียดายที่ในคาบเรียนนี้ ศาสตราจารย์สาวสอนเพียงความรู้เชิงทฤษฎีเบื้องต้นบางส่วน รวมไปถึงกฎและยุทธวิธีของการประลอง การจับคู่การ์ดเวทมนตร์ต่าง ๆ การได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคุณสมบัติของแต่ละเผ่าพันธ์ุ…
ข่าวดี คือการรับสมัครของชมรมการประลองจะมีขึ้นในบ่ายวันศุกร์นี้
แต่ข่าวร้าย คือต้องมีการ์ดเวทมนตร์อย่างน้อยยี่สิบใบเพื่อเข้าร่วมชมรม!
แน่นอนว่าข่าวร้ายนี้ทำลายความหวังของนักเรียนใหม่ที่กำลังรอคอยจะเข้าร่วมชมรมการประลองนี้โดยตรง!
นี่เพิ่งจะเป็นวันที่สองของภาคเรียนแรก ใครจะไปมีการ์ดเวทมนตร์ถึงยี่สิบใบกัน?
แต่ก็นั่นแหละ หากพวกเขาไม่สามารถรวบรวมสำรับการ์ดได้ แล้วจะเข้าร่วมชมรมการประลองได้อย่างไรกัน?
…
คาบวิชาคณิตศาสตร์ที่อยู่ถัดมาน่าเบื่อและยากกว่าวิชาประลอง
นักเรียนใหม่สุดจะแสนเศร้า และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คงเป็นคาบเรียนที่ยากที่สุดในปีแรกแล้ว!
ไดแอนนาบอกว่าเธอนอนฝันทั้งคาบ
อีกด้าน แม้ว่าโรสจะให้ความสนใจกับคาบเรียน แต่ใบหน้าของเธอก็ดูสับสน เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจ
ส่วนดาร์กนั้น
เขาไม่ได้ฟังเลย
เลขคณิตระดับประถมศึกษาแบบนี้ช่างดูถูกไอคิวของเขาจริง ๆ!
[อัตตา +1]
ศาสตราจารย์ลิลลี่ ลาปลาซแห่งวิชาคณิตศาสตร์เป็นที่รู้จักในนามภูตตัวน้อย ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเอลฟ์
ทั้งยังมีอายุยืนยาว และสะสมปัญญาเหมือนกับเอลฟ์
ศาสตราจารย์ลิลลี่ ลาปลาซ ชอบให้นักเรียนเรียกเธอว่าศาสตราจารย์ลิลลี่
เช่นเดียวกับภูตตัวน้อยส่วนใหญ่ เธอมีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์เด็กที่อายุไม่เกินสิบเอ็ดหรือสิบสองปี จนดูอ่อนกว่าวัยนักเรียนใหม่ที่นั่งอยู่ในที่นี้ด้วยซ้ำ
ส่วนสูงของเธอนั้นใกล้เคียงกับไดแอนนา
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ตัวน้อยยังมีปีกแมลงปอและดูเหมือนจะไม่ชอบใส่รองเท้า เธอมักบินอยู่เสมอ ขาจึงแทบไม่เคยแตะพื้นเลย
ศาสตราจารย์ดีดี้ แม็กซ์เวล เป็นศาสตราจารย์วิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ในคาบเรียนที่สาม เธอก็เป็นภูตตัวน้อยเช่นกัน แต่ต่างกันที่ปีกของเธอดูแก่กว่ามาก อีกทั้งยังมีริ้วรอยลึกที่หน้าผาก
ที่ไม่ต่างกันคือ วิธีการสอนของศาสตราจารย์ดีดี้นั้นเหมือนกับของศาสตราจารย์ลิลลี่ พวกเขาบรรยายตามหนังสือทั้งหมด
ทั้งสองอาจมีความรู้และความเข้าใจที่ดี แต่ไม่เหมาะที่จะสอนเลย…
ประวัติศาสตร์เวทมนตร์ถือได้ว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อที่สุด โชคดีที่ศาสตราจารย์ดีดี้ประนีประนอม แม้ว่านักเรียนจะเผลอหลับในคาบเรียน เธอก็เพียงแค่สะกิดและหักคะแนนห้าหรือสิบคะแนนเท่านั้น
…
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ดีดี้ยังรับผิดชอบคาบเรียนดาราศาสตร์ในคืนวันพุธอีกด้วย
วิชาดาราศาสตร์นั้นเป็น ‘วิชาที่น่าสนใจ’ ซึ่งจะจัดขึ้นเมื่อศาสตราจารย์ดีดี้แจ้งให้ทราบเท่านั้น
ดังนั้นก่อนเข้าเรียนหนึ่งเดือนจึงไม่มีวิชาดาราศาสตร์กำหนดไว้ในตารางเรียน
เช่นเดียวกันนั้น มันเคยมีวิชาศึกษาสัตว์เวทมนตร์ในวันศุกร์!
แต่มีข่าวลือว่าวิชาศึกษาสัตว์เวทมนตร์นี้จะไม่เริ่มจนกว่าจะถึงภาคการศึกษาถัดไป และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกเลื่อนออกไปอีก
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในดันเจี้ยนนอกปราสาท ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะเรียนวิชาศึกษาสัตว์เวทมนตร์
เป็นผลให้เหลือวิชาเรียนเพียงหกวิชาสำหรับแต่ละสัปดาห์ ได้แก่ วิชาอัญเชิญ วิชาเวทมนตร์พื้นฐาน วิชาปรุงยา วิชาการประลอง วิชาคณิตศาสตร์ และวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ โดยที่แต่ละวิชามีสองคาบ
เป็นว่าผ่อนคลายได้!
…
[ห้องสมุด]
ดาร์กรีบลงทะเบียนให้เสร็จก่อนที่แพนดอร่าจะมาถึงและนั่งที่เดิมกับเมื่อวาน
จากนั้นเขาก็นำการบ้านจากคาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ออกมาและเริ่มแก้โจทย์
โจทย์ปัญหาพวกนี้ง่ายเกินไป!
ใช้เพลงเก้าเก้า (ตารางสูตรคูณจีน) ดาร์กก็ตอบคำถามได้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่เอ็มม่านั่งลงข้าง ๆ เขาก็ทำเสร็จเกือบครึ่งแล้ว
พอเวลาล่วงเลยไปถึงห้าโมงเย็น ดาร์กก็แก้โจทย์ทั้งหมดเสร็จแล้ว!
นั่นหมายความว่าการบ้านวิชาเลขสำหรับเทอมนี้ของเขาเสร็จหมดแล้ว!
ดาร์กปิดสมุดและวางไว้ที่มุมซ้ายบนของโต๊ะอย่างพึงพอใจ
เพราะตอนที่แก้โจทย์ จิตใจเขาค่อนข้างสงบ ค่า [โลภะ] จึงไม่ทำงาน
ทว่าน่าเสียดาย เพราะเขามีความสุขกับมัน [อัตตา +1] ก็เลยเด้งขึ้นมา!
‘นี่หมายความว่าฉันพอใจที่แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับเด็กประถมได้งั้นเหรอ?’
ดาร์กช็อก!
เอ็มม่าก็ช็อก!
เธอนึกไม่ออกเลยว่าดาร์กทำแบบฝึกหัดครบชุดได้อย่างไรภายในระยะเวลาอันสั้น
ทุกคนเป็นนักเรียนปีหนึ่งเหมือนกัน แต่ทำไมเขาถึงฉลาดนัก?
เอ็มม่าประหลาดใจมากก่อนจะเริ่มนั่งแก้โจทย์ของตัวเองบ้าง
…
หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว ดาร์กก็มองไปยังค่า [อัตตา] ที่ไม่สามารถลดลงได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าจะไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า แต่ในใจเขากลับเป็นกังวลมาก
“นี่ฉันเป็นคนหยิ่งจริง ๆ เหรอ?”
ดาร์กเริ่มถามตัวเอง
…
และคำถามนี้ก็ติดอยู่ในใจของเขาไปเป็นเดือน
ดาร์กไม่รู้ว่าเดือนนี้ตัวเองรอดมาได้อย่างไร!
แต่มันเป็นความจริงที่ว่าชีวิตก็เหมือนกับการตกเป็นเป้าของนางโง่ ในเมื่อคุณไม่สามารถต้านทานได้เช่นนั้นก็ต้องหันมาเรียนรู้ที่จะสนุกกับมันแทน
ดาร์กกลายเป็นดาวเด่นในหมู่นักเรียนปีหนึ่ง!
กิจวัตรของเขาคือ ตื่นนอนตอนหกโมงเช้า และปรากฏตัวที่ห้องนั่งเล่นตอนหกโมงสิบห้าโมงในทุกเช้า
วิญญาณรับใช้ของเด็กชายจะลอดผ่านปราสาทและบินจากช่องระบายอากาศไปยังห้องครัวของโรงอาหาร
เชฟลูกผสมชอบรุกกี้เดวิมอนมาก มันจึงชอบมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้อยู่เสมอ
แม้ว่าของขวัญเหล่านั้นจะมีแต่พวกก้อนหินที่หยิบขึ้นมาตามแม่น้ำ ดอกไม้เล็ก ๆ ที่หยิบมาจากริมถนน ใบโคลเวอร์ในอาทิตย์อัสดง และขนนกหลากสีสันสวยงามก็ตาม…
แต่พวกมันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่วิญญาณรับใช้ตัวน้อยจะสามารถหาได้
ลูกผสมพวกนี้มักจะปักดอกไม้ระหว่างผมของพวกเขา เก็บใบโคลเวอร์ไว้ในลิ้นชัก และเก็บก้อนกรวดกับเศษแก้วเอาไว้ในขวดโหล
ทุก ๆ เช้า รุกกี้เดวิมอนจะมาตรงเวลาเสมอ
จากนั้นเหล่าคนครัวก็จะมอบตะกร้าซึ่งบรรจุขนมและนมที่เตรียมไว้ให้กับรุกกี้เดวิมอน
เจ้าตัวน้อยจะใช้กรงเล็บที่แข็งแรงสองข้างนั้นคว้าตะกร้าและบินกลับไปที่หอคอยบ้านขุนนาง
ดาร์กคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารเช้าในห้องนั่งเล่นแล้ว
การอ่านขณะทานอาหารไปด้วยสามารถลดโอกาสการเกิด [ตะกละ] และ [โลภะ] ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แน่นอนว่านี่คือความตั้งใจที่แท้จริงของเขา!
หลังจากทานเสร็จ รุกกี้เดวิมอนก็จะไปคืนตะกร้าที่ห้องครัว
ส่วนดาร์กที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็จะอ่านหนังสือต่อไป
เขาจะไม่ไปที่ห้องเรียนคาบแรกจนกว่าคนในห้องจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
ตอนแรกเขาเป็นคนแรกที่มาที่ห้องเรียน แต่ต่อมาเขาสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นจากบ้านอัศวินที่มาเร็วกว่าเขาในทุกชั้นเรียน
โชคดีที่ตัวเอกหญิงคนแรกในเกมยังไม่โตพอ เธอจึงอยู่นอกขอบเขตเป้าหมายของเขา
เมื่อเทียบกับไดแอนนาที่ชอบมีปัญหามากกว่า เอ็มม่าเป็นเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยข้างถนนที่ไม่เป็นอันตราย
ไดแอนนาเริ่มรบกวนเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
สาเหตุหลักคือ การบ้านวิชาคณิตศาสตร์
ไดแอนนาไม่มีพรสวรรค์ด้านตัวเลข และโรสก็ไม่ได้เก่งไปกว่าเธอมากนัก
ดังนั้น เมื่อเด็กหญิงสองคนนี้มาหาดาร์กซึ่งเป็นนักเรียนหัวดีอย่างสิ้นหวัง เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสอนเทคนิคลับ [ตารางสูตรคูณ] ให้พวกเธอ!
ตารางสูตรคูณคือการใช้ ‘ตาราง’ ในกระบวนการคำนวณเพื่อให้การคำนวณสะดวกยิ่งขึ้น
เทคนิคลับนี้เขาได้เรียนจากศาสตราจารย์ลิลลี่โดยตรงและแพร่กระจายไปทั่วสถาบันเซนต์แมเรียนในภายหลัง
สำหรับภูตผู้ชาญฉลาด วิธีการคำนวณนี้ไม่ถือว่ามีความจำเป็นเลย แต่สำหรับผู้เริ่มต้น วิธีนี้กลับช่วยได้มาก
ศาสตราจารย์ลิลลี่ยังตั้งชื่อมันว่า [ตารางสูตรคูณของดาร์ก] และให้คะแนนเขาเต็มห้าสิบคะแนน!
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้ดาร์กรู้สึกกังวลมาก เพราะค่า [อัตตา] ของเขามันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง!
แม้ว่าจะใส่ใจกับการควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ แต่แจ้งเตือนมหาบาปทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้ในทุกครั้งที่พลาด!
…
เห็นได้ชัดว่าดาร์กพยายามหลีกเลี่ยงการสื่อสารให้มากที่สุด ดำเนินชีวิตแบบชาวพุทธที่ไม่มีความปรารถนา ไร้ซึ่งทุกข์โศกหรือความปีติยินดีในตนเอง
โชคร้ายที่ยิ่งเขาต้องการทำเช่นนั้นมากเท่าไร เขาก็ยิ่งโดดเด่นในหมู่นักเรียนที่ไร้เดียงสาและซุกซนมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีใครสนใจเรื่อง ‘ข่าวลือ’ ก่อนเข้าเรียน ทุกคนมีนิยามใหม่ให้กับดาร์ก เดม่อนโดยอิงจาก ‘เชื่อในสิ่งที่เห็น’
ขยัน ฉลาด และหล่อเหลา แม้ว่าจะเฉยชาเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ชนชั้นสูงควรมีหรอกหรือ?
ตรงกันข้ามแล้ว เวอร์เธอร์ กาวด์ ลูกชายของ [ดาบคู่แห่งอาณาจักร] กลับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
เวอร์เธอร์ไม่ได้รับการศึกษาก่อนวัยเรียนระดับสูง เขาเรียนแค่วิธีอ่านเขียนในโบสถ์ และท่องจำสูตรการบวกลบเท่านั้น
แม้ว่าเด็กชายจะฉลาดมาก แต่เขาก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และยังถูกโรเบิร์ตลากไปเล่นด้วยอยู่เสมอ
นี่เรียกว่า คนใกล้ชาดติดแดง คนใกล้หมึกติดดำ*[1] พอเวอร์เธอร์ไม่มีเอ็มม่า สาวน้อยผู้รู้ทุกเรื่องคอยอยู่เคียงข้าง และเหลือเพียงโรเบิร์ตซึ่งมีนิสัยแย่ ๆ ที่อยู่ด้วย มันก็กลายเป็นว่าเด็กชายจึงรับเอาอิทธิพลนั้นมาจากเขาโดยปริยาย
นอกจากนี้ ตอนอยู่ในชั้นเรียน เวอร์เธอร์มักจะฟุ้งซ่านอยู่เสมอ ดังนั้นการเรียนของเขาจึงย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
สถานการณ์ของตัวเอกและตัวร้ายในเกมต้นฉบับขณะนี้กำลังจะสลับกัน และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ณ อีกมุมหนึ่ง เกมไพ่ชื่อ [ดูดวงความรัก] ก็ได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนปีหนึ่ง!
…
แต่สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับดาร์กที่เป็นคนไร้สังคม
เขายังคงรักษากิจวัตรประจำวันของตัวเอง ทุกเช้าหลังเลิกเรียนคาบสอง เด็กชายจะไปที่โรงอาหารและจัดการมื้อกลางวันอย่างพอเหมาะพอดี จากนั้นก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่นตอนเที่ยงตามปกติ
ขั้นต่อไปคือการชงกาแฟและอ่านหนังสือ
หากมีการบ้านที่สามารถทำได้เลย เขาจะทำการบ้านก่อน
พอทำการบ้านเสร็จก็จะอ่านหนังสือต่อ
รุกกี้เดวิมอนจะนำขนมบิสกิตมาด้วย ซึ่งทั้งหมดจะเป็นของขบเคี้ยวหยาบ ๆ เพื่อไม่ให้เกิด [ตะกละ]
และหนังสือที่เขาอ่านก็ไม่ใช่หนังสือเรียนอีกต่อไป แต่เป็นหนังสือเกี่ยวกับ [คู่มือเวทมนตร์] และ [ตำราการปรุงยา] ที่ยืมมาจากห้องสมุดแทน
เพราะหมกมุ่นอยู่กับหนังสือเหล่านั้นเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ค่า [โลภะ] จึงเพิ่มขึ้นช้า ๆ
หลังเลิกเรียนคาบสามในตอนบ่าย เขาก็จะไปห้องสมุดตามปกติ
นอกจากตกใจกับเสน่ห์ของรุ่นพี่สาวตอนพบกันครั้งแรกแล้ว ดาร์กก็ไม่ได้ทำให้เกิด [ราคะ +1] อีกต่อไปเมื่อเขาสบตากับอีกฝ่าย
ถึงอย่างนั้น รูปร่างของแพนดอร่าก็ยังน่าดึงดูดเกินไป ซึ่งมันทำให้ดาร์กตื่นตระหนกอยู่เสมอ
และทุกครั้งที่เขาวิ่งหนีก็มักจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักตามมาจากข้างหลัง นี่ทำให้เขาสงสัยว่าเธอหัวเราะอะไร
…
หากดูจากค่าเจ็ดบาปทั้งหมดแล้ว
[เกียจคร้าน] ถือเป็นตัวที่เขาควบคุมได้ดีที่สุด
ดาร์กไม่คิดว่าเขาจะมีความอุตสาหะเช่นนี้ หลังจากพยายามอย่างหนักมาหนึ่งเดือน ค่า [เกียจคร้าน] ก็ไม่เพิ่มขึ้นเลย และยังลดลงด้วยซ้ำ!
อันดับสองคือค่า [ริษยา]
เพราะหนังสือเรียนของปีหนึ่งง่ายเกินไป พวกพลังเวทมนตร์และความถนัดที่เกี่ยวข้องกันจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นหลังจากที่เลือดของจอมมารเข้าสู่ขั้นปลุกให้ตื่น เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้นำในชั้นเรียนคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชั้นเรียนอัญเชิญ ชั้นเรียนเวทมนตร์ และชั้นเรียนปรุงยาอีกด้วย
คนเดียวที่สามารถเทียบชั้นกับดาร์กในแง่ของความสามารถได้ คือเวอร์เธอร์ ผู้สืบทอดสายเลือดของวีรบุรุษ
แต่เวอร์เธอร์กลับไม่สนใจเรียนเลย
ดาร์กจึงไม่มีใครให้อิจฉา
ยกเว้นบางครั้งเขาอาจจะอารมณ์เสียเล็กน้อยเมื่อเห็นนักเรียนใหม่เล่นกันหรือคุยหัวข้อวัยเดียวกัน ดังนั้น [ริษยา] จึงไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ก็ไม่ได้ลดลงเช่นกัน
แต่ก็มีตัวเลขค่ามหาบาปที่เพิ่มขึ้นตามเวลาในช่วงนี้อยู่…
อีกอารมณ์หนึ่งที่เขาพยายามระงับคือ [โทสะ]!
ใช่ เขาสามารถกำราบ [โทสะ] ได้ทันเวลา แต่ความพิโรธของสายเลือดจอมมารกับระบบผู้ช่วยจอมมารนั้นฝังรากลึกอยู่ในใจของเขาเสมอ และมันก็ยิ่งลึกขึ้นเรื่อย ๆ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจู่ ๆ วันหนึ่งมันก็ระเบิดออกมา?
ดาร์กกังวลเรื่องนี้
[โลภะ] ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม แต่ก็มีอันตรายซ่อนเร้นจากการปะทุอย่างกะทันหัน
ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าค่า [ราคะ] จะไม่น่ากังวลนัก แต่ไดแอนนาก็เริ่มเกาะติดเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จากการรบกวนแค่ดาร์กคนเดียวในตอนที่เธอเพิ่งเริ่มเรียน ไปจนถึงการรบกวนเขากับเด็กผู้หญิงคนอื่นในตอนนี้
แต่ดาร์กไม่สามารถตำหนิใครได้ เพราะเขาขุดหลุมศพของตนขึ้นมาเอง!
ทุกครั้งที่ไดแอนนายืนกรานจะถามคำถามเกี่ยวกับการบ้านของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะบีบใบหน้าเล็ก ๆ นั่น
ผลก็คือ [ราคะ] เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และมีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด!
ดาร์กเคยสงสัยว่ามันจะลดลงอย่างรวดเร็วด้วย [กิจกรรมส่วนตัวของผู้ชายสุขภาพดี] หรือไม่
แต่เขาไม่กล้าลอง เขากลัวว่ามันจะระเบิดในทันที!
และน่าแปลกตรงค่าที่ควบคุมยากสุดคือ [อัตตา]!
เดิมทีดาร์กคิดว่านี่เป็นบาปที่ควบคุมได้ง่ายที่สุด ท้ายที่สุดเขาก็มีความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากอุปนิสัยของชีวิตนี้ชั่วขณะหนึ่ง แต่เขาก็สามารถลดอารมณ์ที่เย่อหยิ่งแบบนั้นได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ดาร์กไม่คิดเลยว่าความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาจะเป็นเชื้อร้ายที่แท้จริง!
เมื่อดูค่า [อัตตา] ที่ทะลุเกินหนึ่งร้อยหน่วยไปได้สำเร็จในสิ้นเดือน และสีของมันยังเปลี่ยนจากแดงสดเป็นม่วงเข้มขึ้น เขาก็ชักรู้สึกไม่ดี
…
บ่ายวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สี่ นักเรียนใหม่จะได้รับอนุญาตให้ออกจากปราสาทเป็นครั้งแรก โดยสามารถไปย่านการค้าและเขตพื้นที่สันทนาการแห่งเดียวภายในเขตสถาบันเซนต์แมเรียนได้ ชื่อของมันคือ ถนนนักเดินทาง!
ดาร์กนับคะแนนของเขาอย่างเงียบ ๆ ซึ่งมีมากกว่านักเรียนใหม่ทั่วไปมาก เขารู้ว่าเวลาของตัวเองกำลังจะหมดลงแล้ว
[1] คนใกล้ชาดติดแดง คนใกล้หมึกติดดำ เป็นคำอุปมา ดังเช่น คนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบไหน หรือใกล้กับอะไร ก็จะติดนิสัยหรือสิ่งนั้นมาด้วย สุภาษิตไทยใช้คำว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”