ตอนที่ 294 คะแนนเต็มทั้งหมด! แฮ็กระบบอย่างราบรื่น!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

“นี่ปากกา” คณบดีเจียงยื่นปากกาในมือให้ฉินหร่าน

ฉินหร่านรับปากกามามองดู ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง

ไม่ได้เขียนทันที เพียงแค่ก้มหน้าพลิกเอกสารสี่แผ่น ล้วนแต่เป็นวิชาเอกของปีหนึ่ง

ตั้งแต่ฟิสิกส์มหาวิทยาลัยไปจนถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดูถึงเอกสารข้อสอบโปรแกรมคอมพิวเตอร์แผ่นสุดท้าย ฉินหร่านชะงักมือลงครู่หนึ่ง

“แน่นอน เอกสารข้อสอบแผ่นสุดท้ายทำให้คนที่ไม่เคยเรียนถึงกับพูดไม่ออก” โจวอิ่งมองออกว่าฉินหร่านกำลังลังเล ในขณะนั้นเขาแค่หาเอกสารสอบที่ผู้สอนปีหนึ่งอยากจะบ้าตายมากที่สุด “ดังนั้นพูดได้ว่าหลักสูตรของปีหนึ่งไม่ใช่ว่าเธอ…”

“ไม่ใช่” ยกมือขึ้นไปมา เอานิ้วเคาะปากกา ถามอย่างตั้งใจ “เอกสารข้อสอบแผ่นสุดท้ายนี่ต้องทำในคอมพิวเตอร์ มีโปรแกรมอยู่ข้างใน”

คณบดีเจียงถือถ้วยชา ยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ใช้คอมพิวเตอร์ของฉัน ใช้ของฉันได้เลย”

ฉินหร่านพยักหน้าขอบคุณ “โอเค”

เอกสารข้อสอบเหล่านี้ต้องทำในคอมพิวเตอร์ เวลาทำข้อสอบของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงในทุกปีจะต้องเปิดห้องคอมพิวเตอร์สำหรับสอบเป็นพิเศษ ครึ่งหนึ่งของการสอบเป็นการทำระบบโปรแกรม

จะทำยังไงถ้าต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งที่โปรแกรมในโจทย์ยังไม่มี โจวอิ่งยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง ในตอนแรกอยากบอกฉินหร่านว่าไปทำที่ห้องคอมพิวเตอร์ได้ แต่เมื่อเห็นฉินหร่านพูดอย่างเรียบง่ายว่า “โอเค” เขาก็เปลี่ยนใจทันทีและไม่ได้บอกกล่าวไป เทพเจ้าอาวุโสพยุงถ้วยชาไว้อย่างใจเย็น

ให้เธอประมาทกับวิศวกรรมอัตโนมัติ!

อีกด้านหนึ่งฉินฮั่นชิวดูตื่นตระหนก ถามเฉิงมู่ซ้ำไปซ้ำมาว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่

แต่ฉินหลิงกลับนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่ข้างเฉิงเจวี้ยนอย่างใจเย็น

เฉิงมู่พูดปลอบฉินฮั่นชิวแล้วก้มหน้าดูเกมในโทรศัพท์ของฉินหลิง

เกม Hopscotch เกมหนึ่ง

ท่าทางไร้เดียงสา ดูแล้วน่าสนใจดี

เฉิงมู่รู้สึกว่าเหมาะกับเขา จึงถามเขาเสียงเบา “เกมนี้ของเธอคือเกมอะไร ดาวน์โหลดได้ที่ไหน”

ฉินหลิงมองเฉิงมู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย หยุดลง ทั้งยังส่งสายตาไปที่ร่มกันแดดมีระบายในมือของเขา ไม่รู้ต้องพูดกลับด้วยน้ำเสียงแบบไหน “ดาวน์โหลดไม่ได้ เป็นโปรแกรมที่พี่สาวเขียนขึ้น”

เฉิงมู่ “…อ้อ”

เขาลูบที่ใบหน้า แล้วหันหน้ากลับ

เสียงของทั้งสองคนเบา ฉินฮั่นชิวไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เพียงแค่ก้มมองฉินหลิง ทำไมเขาไม่กังวลในพี่สาวเขาล่ะ

คนที่มีความสุขที่สุดตอนที่มาเมืองหลวงไม่ใช่ฉินหลิงหรอกเหรอ

**

ตอนที่เธอเขียน โจวอิ่งและคณบดีเจียงพูดคุยกับเฉิงเจวี้ยนอยู่อีกฝั่ง

ฉินหร่านเขียนตามลำดับเอกสาร

ตอนเริ่มแรกเขียนฟิสิกส์มหาวิทยาลัย เนื้อหาปีหนึ่งไม่ได้ลงลึกมากเกินไป แต่คนตั้งคำถามเจ้าเล่ห์จริงๆ นักเรียนคนไหนไม่ตั้งใจฟังเนื้อหา ตั้งใจศึกษาในวิชานี้ ง่ายมากที่จะตกหลุมพราง

ฉินหร่านเคยอ่านหนังสือของลู่จือสิง เขียนอย่างคล่องแคล่ว

เอกสารข้อสอบมหาวิทยาลัยไม่เหมือนกับมัธยมปลาย แต่คำถามของเอกสารข้อสอบไม่ได้เยอะไปกว่ามัธยมปลายมากนัก มีเพียงคำถามใหญ่สี่ข้อที่เปอร์เซ็นต์คะแนนสูง

ฉินหร่านทำฟิสิกส์มหาวิทยาลัยเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง

วิศวกรรมระบบไฟฟ้าและการควบคุมอัจฉริยะไม่ได้ซับซ้อนไปกว่าฟิสิกส์มหาวิทยาลัยมากนัก โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า ภาพรวมแผนผังวงจร แค่มองก็รู้แล้ว

เอกสารสองแผ่นเสร็จภายในไม่ถึงสี่สิบนาที

ชั่วโมงกว่า เธอเขียนเสร็จไปสามแผ่น แล้วจึงเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ “คณบดีเจียง ขอยืมคอมพิวเตอร์ของคุณหน่อยนะ”

คณบดีเจียงผงะไปชั่วครู่ “เธอเขียนเอกสารสามแผ่นเสร็จแล้วเหรอ”

นี่ผ่านไปไม่นานเองนะ!

ฉินหร่านหรี่ตา เริ่มจากป้อนรหัสวิเคราะห์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ บอกตอบ “อือ” แล้วเริ่มดำเนินการในคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ของคณบดีเจียงมีแค่ซอฟต์แวร์ของสำนักงาน เธอจึงเปิดโปรแกรม Editor

ในคอมพิวเตอร์ไม่มีโปรแกรมที่โจทย์ต้องการ เธอจึงสร้างโปรแกรมกึ่งสำเร็จรูปขึ้นมาอันหนึ่งตามที่โจทย์บอกไว้

ทางฝั่งนี้ โจวอิ่งวางถ้วยชาในมือ เดินมาหาฉินหร่านหยิบเอาเอกสารสามแผ่นของเธอที่เขียนไปหมดแล้ว

เขาไม่มีเวลาศึกษาโจทย์ จึงติดต่อผู้สอนปีหนึ่งในครั้งที่แล้วเพื่อเอาคำตอบ

ผู้สอนครั้งที่แล้วปวดหัวแทบตาย นำเอาเอกสารข้อสอบมาอย่างยากเย็น และต้องเริ่มหาคำตอบจากฐานข้อมูล ไม่ถึงสองนาทีก็ส่งให้โจวอิ่ง

โจวอิ่งนั่งลง วางโทรศัพท์ไว้ด้านหนึ่ง ไม่ได้หยิบปากกา แค่ดูเอกสารข้อสอบเทียบกับคำตอบ

ท่าทางเขาดูสงบ มองดูไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่สงบในตอนแรกค่อยๆ แตกตื่น ท่าทีที่ไม่ใส่ใจก็เปลี่ยนไป เขาค่อยๆ นั่งตัวตรง

คณบดีเจียงมองดูท่าทีของโจวอิ่ง อดไม่ได้ที่จะมองเขา “ด็อกเตอร์โจว”

ด็อกเตอร์โจวไม่ได้สนใจเขา ทั้งยังรีบหยิบเอาเอกสารข้อสอบแผ่นต่อไปขึ้นมา มองดูคำตอบตาแทบไม่กะพริบ

ท่าทางเปลี่ยนเป็นจริงจังไปเสียหมด ทั้งจริงจังรีบเร่งทั้งเปลี่ยนเป็นตะลึงจนตาค้าง

เขา ‘ดีดตัว’ ยืนขึ้น และเทียบข้อสอบสามแผ่นอย่างต่อเนื่อง ด็อกเตอร์โจวสูดหายใจเข้า จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งประโยคหนึ่งให้ผู้สอน…

[คุณแน่ใจนะว่าเอกสารข้อสอบที่เอามามีคนสอบตกมากที่สุด]

ผู้สอนที่ในโทรศัพท์ฝั่งนั้นยังเป็นวัยรุ่น เป็นศิษย์คนก่อนของด็อกเตอร์โจว จึงคิดว่าตัวเองพลาดอะไรไปรึเปล่า ตอบกลับอย่างหวาดระแวง…

[ใช่สิ คุณไม่พอใจกับความยากของคำถามเหรอ ถ้าอย่างนั้นปีนี้ฉันจะคุยกับอาจารย์แต่ละวิชาให้ เพิ่มระดับความยากของข้อสอบ]

โจวอิ่งหยิบเอาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยขึ้นมาดูอีกครั้ง ดูแค่คำถามใหญ่บางตอนท้ายบางข้อ ซึ่งไม่ใช่คำถามที่เรียบง่าย ทั้งอาจารย์ผู้ออกสอบตั้งใจให้ผู้สอบตกหลุมพราง

มหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่เพียงแต่รวบรวมนักศึกษาดีเด่นที่สุดในประเทศ แต่ยังเป็นคนที่ที่โดดเด่นท่ามกลางฝูงชนด้วย ระดับความยากของข้อสอบสามารถทำให้พวกเขาสอบตกไปไม่น้อย

แต่…

โจวอิ่งไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน เขาเพียงแค่อ้าปากค้าง จากนั้นจึงดูกระดาษคำตอบของฉินหร่านซ้ำอีกครั้ง…

เธอทำไม่ผิดสักข้อ…

ทำเอาเขาสงสัยว่าฉินหร่านไปขโมยคำตอบข้อสอบปลายภาคของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมาตอนไหนกัน

นึกถึงคำพูดเรื่องวิชาเอกที่สองของฉินหร่าน โจวอิ่งหันหน้าอย่างเงียบๆ มองไปทางฉินหร่าน รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยยังมีคอมพิวเตอร์…

ในข้อสอบสี่วิชา คอมพิวเตอร์คือสิ่งที่ฉินหร่านถนัดที่สุด

พื้นฐานโปรแกรมของนักเรียนปีหนึ่งมีไว้สำหรับนักเรียนใหม่ผู้เริ่มต้น สำหรับฉินหร่านมันคือปัญหาด้าน APM

โจวอิ่งถามหาคำตอบ เปรียบเทียบคำตอบและใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที ฉินหร่านคืนค่าข้อสอบลงในคอมพิวเตอร์เสร็จทั้งหมดและทำออกมาแล้ว

ใช้มือวางเมาส์ไว้ด้านข้าง มือดันโต๊ะยืนขึ้น มองไปทางโจวอิ่ง “ด็อกเตอร์โจว ฉันทำเสร็จแล้ว”

ฉินหร่านพยักหน้า เธอเอื้อมมือไปเลื่อนเก้าอี้ ก้าวเดินไปด้านข้าง ให้ด็อกเตอร์โจวเข้ามาดู

โจวอิ่งวางเอกสารข้อสอบและโทรศัพท์ เดินไปดูทางฉินหร่าน

มองเห็นคำตอบของระบบทั้งหมดในพริบตา…

ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีสำนักงาน ทำไมโจวอิ่งจะไม่รู้ว่าที่สำนักงานไม่มีระบบแบบนี้!

เมื่อเห็นฉากนี้ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะกลายมาเป็นแบบนี้ และคิดไม่ถึงเลยว่าฉินหร่านจะทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดคือดูแล้วไม่ใช่ทำได้แบบธรรมดา…

ท่าทางของโจวอิ่งยากที่จะคาดเดา ฉินหร่านเอนพิงโต๊ะ มือสองข้างกอดอก เลิกคิ้ว ครุ่นคิด เหล่มองแล้วพูดขึ้น “เอาแบบนี้ ถ้าคุณรู้สึกว่ายังไม่พอ เอาวิชาอื่นมาให้ฉัน…”

“ไม่!” โจวอิ่งได้สติทันที “พอแล้ว ทุกอย่างพอแล้ว! เธอไม่ต้องทำข้อสอบอื่น!”

เขามองฉินหร่านอย่างจริงจังมาก “เธออยากเรียนวิศวกรรมนิวเคลียร์ใช่ไหม โอเค ได้ วิชานี้ฉันอนุมัติให้เธอ ตอนเปิดเรียนมาเอารายงานกับฉันที่นี่ แต่เธอต้องเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเอกวิชาระบบวิศวกรรมอัตโนมัติ”

“นั่นมันแน่นอน” ฉินหร่านยิ้มอย่างเกียจคร้าน

“เธอไปเถอะ” โจวอิ่งไม่รู้ต้องพูดอะไร เพียงแค่โบกมือ “จำไว้ว่าอีกไม่กี่วันมารายงานตัวให้ตรงเวลา”

เฉิงเจวี้ยนเห็นเหตุการณ์แล้วจึงวางถ้วยในมือลง ลุกขึ้น กล่าวลาคณบดีเจียงอย่างสุภาพ “ถ้าคุณยุ่งอยู่ พวกเราขอตัวก่อน”

คณบดีเจียงไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ด็อกเตอร์เจียงถึงเปลี่ยนความคิด แต่เดาว่าฉินหร่านอาจทำข้อสอบออกมาดี

เขาลุกขึ้น รอฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนและคนอื่นๆ ออกไป แล้วจึงเดินไปที่โต๊ะสำนักงานของตัวเอง เดินไปถามโจวอิ่งไป “เกิดอะไรขึ้น เธอสอบเป็นไงบ้าง”

หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังเปิดอยู่ เป็นหน้าจอโปรแกรมคอมพิวเตอร์

คณบดีเจียงอยู่ในสังกัดภาควิชาฟิสิกส์ ไม่เคยเรียนโปรแกรม เขาเหลือบมอง “โปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ทำเสร็จแล้วเหรอ รอสักพักเดี๋ยวฉันให้อาจารย์คอมพิวเตอร์มาดู…”

สถาบันฟิสิกส์ไม่มีอาจารย์คอมพิวเตอร์ อาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ในชั้นเรียนล้วนแต่เป็นศาสตราจารย์ด้านคอมพิวเตอร์

ดังนั้นคณบดีเจียงจึงพูดเช่นนั้น

โจวอิ่งยืนอยู่กับที่ ตอนแรกไม่รู้จะพูดอะไร ได้ยินคำพูดของคณบดีเจียง เขาได้สติทันที มีปฏิกิริยาตอบกลับรุนแรง “อย่า อย่าส่งให้พวกเขาดู!”

คณบดีเจียงตกใจ ถ้วยในมือเกือบร่วงลง เขาถาม “ท..ทำไมล่ะ”

ทำไมงั้นเหรอ

โจวอิ่งมองคณบดีอย่างยากที่จะอธิบาย “คุณรู้ใช่ไหมว่าในคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีระบบข้อสอบ”

คณบดีเจียงพยักหน้า เรื่องนี้เขารู้อยู่แล้ว

“แล้วท่านไม่เห็นเหรอว่าเธอย้ายเอาข้อสอบในคอมพิวเตอร์ของสำนักวิชาการมาไว้ในคอมพิวเตอร์ของท่านแล้ว!”