ตอนที่ 1390 เผ่าผู้ใช้เวท (2) / ตอนที่ 1391 เผ่าผู้ใช้เวท (3)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1390 เผ่าผู้ใช้เวท (2)

 

 

นี่เป็นเรื่องเดียวที่นางเสียดาย

 

 

“แต่ถึงแม้ว่าข้าจะมาตายที่นี่ ข้าก็จะใช้ทุกอย่างเพื่อทวงเวลาให้พวกเขา”

 

 

พลังของหงหลวนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่นางละทิ้งสัญญาณเตือนแล้วปลดปล่อยพลังเฮือกสุดท้ายออกมา พลังของนางกลายเป็นมังกรมากมายบนท้องฟ้าแล้วพุ่งเข้าใส่ยอดฝีมือทั้งหลาย โชคร้ายที่หงหลวนอ่อนแอเกินไป พลังที่เหลืออยู่ของนางเหมือนน้ำในแก้วกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล ไม่นานจึงโดนดูดกลืนหายไปทันที

 

 

“ข้าขอโทษ ข้าทำดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าได้” หงหลวนซวนเซ สุดท้ายนางก็ทนไม่ไหว ศีรษะของนางเอนล้มลงพื้น กระบี่ในมือนางเองก็ร่วงกระทบพื้นจนเกิดเสียงดัง

 

 

ทว่าอยู่ๆ ก็มีมือยื่นมารับตัวนางไว้จากด้านหลังแล้วดึงตัวหงหลวนไว้ หงหลวนตกใจ นางลืมตาขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างในอาภรณ์ขาวดุจเทพเซียนปรากฏขึ้นตรงหน้านาง เส้นผมสีดำขลับของคนตรงหน้าปลิวไปตามสายลม เกิดเป็นภาพอันงดงาม

 

 

“อวิ๋นลั่วเฟิง…” เมื่อเห็นว่าคนที่ดึงนางไว้เป็นใคร รอยยิ้มบางก็ปรากฏบนริมฝีปากของหงหลวน เสียงของนางเบาจนแทบไม่ได้ยินท่ามกลางเสียงดังรอบข้าง “เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือ”

 

 

นางทำสำเร็จแล้ว…

 

 

นางรักษาสัญญาไว้ได้!

 

 

“หงหลวน เจ้าทำงานหนักมา นอนเถอะ ตอนที่เจ้าตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยแล้ว”

 

 

“ตกลง” เมื่อได้ยินดังนั้น หงหลวนก็หลับตา นางเหนื่อยมากจริงๆ เหนื่อยจนถึงกระดูก นางจึงหลับไปทันทีแม้จะยังไม่ได้ล้มตัวนอน

 

 

“เสี่ยวโม่ พานางเข้าไปพักข้างใน” อวิ๋นลั่วเฟิงส่งหงหลวนให้เสี่ยวโม่เป็นอย่างแรกก่อนหันไปมองกลุ่มคนด้านหลังนาง

 

 

“เฟิงเอ๋อร์…” ชุดคลุมสีดำของชายหนุ่มสะบัดไปในอากาศ ใบหน้าเขานิ่งสนิทเหมือนปกติ ไม่ปรากฏร่องรอยทางอารมณ์ใดๆ ยกเว้นว่าเขาจะอยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิงแม้คนพวกนี้จะมาเพื่อสังหารเขาก็ตาม…

 

 

“พวกเขามาที่นี่เพราะข้า ดังนั้น…ข้าจะสังหารพวกเขาด้วยมือข้าเอง!”

 

 

ตูม!

 

 

พริบตาเดียวกลิ่นอายเคร่งเครียดและฆ่าฟันอันทรงพลังก็ระเบิดออกจากตัวของชายหนุ่ม

 

 

ทุกคนชะงัก “จักรพรรดิปีศาจ…เขาผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิปราชญ์แล้วหรือนี่”

 

 

เป็นไปไม่ได้!

 

 

ถ้ามีผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ปรากฏขึ้นในแผ่นดิน ท้องฟ้าจะต้องแปรปรวน แล้วจักรพรรดิปีศาจจะผ่านด่านขั้นจักรพรรดิปราชญ์เงียบๆ โดยไม่มีสัญญาณเตือนได้อย่างไร หงหลวนเลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิปราชญ์เพราะกินยาบางอย่างเข้าไป ดังนั้นพลังของนางถึงไม่เสถียรแล้วใช้พลังของผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ได้ไม่เต็มที่ ไม่อย่างนั้นนางคงสามารถจัดการคนพวกนี้ได้ภายในเวลาแค่เจ็ดนาที ไม่ต้องถึงสิบห้านาทีหรอก! แต่ชายหน้าพวกเขาเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์จริงๆ! แล้วคนที่แข็งแกร่งที่สุดใหม่หมู่พวกเขาก็เป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ระดับสูงเท่านั้น!

 

 

“หนี!” ทุกคนมองหน้ากันแล้วหันหลังหนีอย่างไม่ลังเล แต่อวิ๋นเซียวจะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้อย่างไร

 

 

ตูม!

 

 

พวกเขาก้าวออกไปได้เพียงสองสามก้าวเพลิงรุนแรงก็เกิดขึ้นใต้เท้าพวกเขาจนเกิดเป็นแสงสีชาดทั่วท้องฟ้า เสียงร้องโหยหวนของพวกเขาสั่นสะเทือนไปทั่วอากาศ

 

 

มณฑลคูหลงเคยเป็นมณฑลเล็กๆ ที่เงียบสงบโดยเฉพาะเมื่อชาวบ้านย้ายออกไปหลังจากจักรพรรดิปีศามาถึง แต่ตอนนี้มณฑลคูหลงถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงขนาดใหญ่ที่ลุกอย่างต่อเนื่องโดยไม่ดับไปหลายวัน แล้วเสียงร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้นจากที่นี่ ทำให้ผู้คนไม่กล้าย่างเท้าเข้ามาในเมืองแม้แต่ก้าวเดียวไปอีกหลายปี

 

 

“อวิ๋นเซียว!” เมื่อเห็นอวิ๋นเซียวตัวเซ อวิ๋นลั่วเฟิงก็รีบเข้าไปพยุงเขา “อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี ปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องนี้ต่อเองเถอะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1391 เผ่าผู้ใช้เวท (3)

 

 

“พวกนี้มีมากเกินไป” อวิ๋นเซียวหันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วตอบอย่างหนักแน่น “ข้าไม่อยากให้ท่านบาดเจ็บ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเพิ่งผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นราชันปราชญ์ไม่นาน ดังนั้นแม้สุดท้ายนางจะสังหารพวกเขาได้หมดแต่นางก็ต้องบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน แล้วเขาก็ไม่มีทางยอมให้นางบาดเจ็บ

 

 

ทันใดนั้นเด็กสาวก็ส่งตัวเองเข้ามาในอ้อมกอดของเขาโดยไม่ลังเล อาจเป็นเพราะว่านางบังเอิญโดนแผลของเขาพอดี เขาเลยส่งเสียงครางอย่างเจ็บปวดก่อนยกแขนขึ้นกอดนางไว้แน่น

 

 

“อวิ๋นเซียว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มีความลับกับข้า!” นางไม่กล้าคิดเลยว่าอวิ๋นเซียวจะต้องเจอเรื่องร้ายแรงขนาดไหนหากนางมาไม่ทันเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะกินน้ำยาจากหัวใจแห่งมันตา เขาก็ยังต้องทนรับความเจ็บปวดแสนสาหัสอยู่ดี การสลบไปในช่วงเวลาแบบนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก ไม่อย่างนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงคงไม่เสี่ยงส่งพลังฌานจากมิติคัมภีร์เซียนให้เขา

 

 

อวิ๋นเซียวเงียบไปชั่วครู่ก่อนตอบ “ตกลง”

 

 

เมื่อได้ยินคำตอบ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มแล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้อง “พวกเราไปกันเถอะ ข้าอยากไปตรวจหงหลวนหน่อย”

 

 

ภายในห้อง เสี่ยวโม่คอยเฝ้าหงหลวนอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันกลับมามอง ใบหน้าเขามีร่องรอยความวิตกกังวล “นายหญิง สถานการณ์ของหงหลวนค่อนข้างร้ายแรง นางกินบางอย่างที่บังคับให้พลังนางเพิ่มขึ้น ทำให้นางต้องเจอผลข้างเคียงที่ทำให้พลังของนางเสื่อมถอย ถึงแม้ว่าท่านจะรักษานางจนหาย ในชีวิตนี้นางก็ไม่สามารถฝึกพลังฌานได้อีกแล้ว”

 

 

เสี่ยวโม่ขมวดคิ้วแน่น ถ้าไม่ใช่เพื่อนายหญิง หงหลวนก็คงไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลขนาดนี้ดังนั้นพวกเขาจึงควรช่วยนางฟื้นพลังไม่ว่าจะเพราะตรรกะหรืออารมณ์ก็ตาม!

 

 

“ข้าจำได้ว่าคัมภีร์เซียนบันทึกไว้ว่ามีสมุนไพรที่ทำให้ฟื้นความแข็งแกร่งของนางกลับมาได้หากมันลดลงเพราะแรงกระตุ้นจากภายนอก” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเงียบไปชั่วครู่ก่อนพูดขึ้น “สมุนไพรนั้นชื่อดอกผู้ใช้เวท!”

 

 

“ดอกผู้ใช้เวท?” ชายหนุ่มชุดน้ำเงินที่เงียบมาตลอดพูดทวนด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

เขาได้สติตอนที่อวิ๋นเซียวส่งสายตามาหาเขา ทำให้เขาได้แต่กระแอมก่อนพูดว่า “นายหญิง ข้าได้ยินเรื่องดอกผู้ใช้เวทมาก่อนขอรับ พวกเขาบอกว่ามันเป็นดอกไม้ที่คอยคุ้มครองเผ่าผู้ใช้เวทขอรับ เผ่าผู้ใช้เวทหลีกเล่ยงการติดต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นข้าเกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะหาดอกผู้ใช้เวทนะขอรับ”

 

 

“เผ่าผู้ใช้เวทอยู่ที่ใด” อวิ๋นลั่วเฟิงถามหลังจากมองหงหลวนที่นอนอยู่บนเตียง

 

 

มองปราดเดียวอวิ๋นเซียวก็รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดินไปยืนข้างนาง ดวงตาเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวงดงามตรงหน้า “ข้าจะไปกับท่านด้วย”

 

 

“อวิ๋นเซียว เจ้าบาดเจ็บและยังไม่หายดี แล้วยังใช้พลังแทบจะทันทีที่ข้าเย็บแผลให้เจ้าเสร็จ ตอนนี้แผลเจ้าจึงแย่ลงกว่าเดิมดังนั้น…” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดไปชั่วครู่ “ครั้งนี้ข้าจะเดินทางไปคนเดียว”

 

 

ถึงแม้ว่านางจะรู้ความกังวลในใจของชายหนุ่ม แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยิ้ม “อวิ๋นเซียว ไม่ต้องห่วง ข้าจะมีชีวิตกลับมาหาเจ้าแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างที่เจ้าไม่ได้อยู่ข้างข้า ข้าก็ผ่านมาได้ด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ เชื่อในตัวข้า ข้าไม่ตายหรอก ไม่มีใครสังหารข้าได้ทั้งนั้น!”

 

 

ดวงตาของอวิ๋นเซียวจ้องหน้านางโดยไม่กะพริบ เขายื่นมือออกมาแล้วใช้นิ้วเรียวของเขาสางผมนางอย่างอ่อนโยน ท่าทางเย็นชาของเขาค่อยๆ อ่อนลง “ข้าจะรอท่านกลับมา” พูดจบอวิ๋นซียวก็กระตุกแขนอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดก่อนก้มลงจูบนางแทบจะในทันที