บทที่ 68 พรสวรรค์ระดับหลุดพ้น

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

250เมตร

230เมตร!

220เมตร!

เย่เทียนก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้าราวกับกําลังเดินเตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมายสายตาของคนอื่นๆกําลังจับจ้องไปที่ยอดฝีมือระดับราชา แทบไม่มีใครสนใจเย่เทียนนอกจากเย่วหลิง

“เย่เทียนกําลังทําอะไร?”

เย่วหลิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับการกระทําของเย่เทียนแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเธอมองไปที่จอมยุทธ์ระดับราชาที่กําลังจะลงมือ

การที่ได้มองดูยอดฝีมือระดับราชาลงมือนั้นเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง แน่นอนว่าไม่ควรพลาด! !!!!

ในที่สุดจอมยุทธระดับราชาก็ลงมือภาพที่ปรากฏขึ้นเห็นเพียงฝ่ามือขนาดใหญ่คู่หนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ฝ่ามือของเขาถูกปกคลุมไปด้วยพลังปราณจนกลายเป็นฝ่ามือโปร่งแสงขนาดใหญ่ มือเปล่าคู่นั้นพุ่งเข้าไปในรอยแยกมิติที่ยาวหนึ่งเมตร

“เปิด!”

จอมยุทธระดับราชาตะโกน

แคร่กแครึก!!!

รอยแยกของมิติที่เดิมที่ไม่ได้ขยายตัวเริ่มแตกออกอีกครั้ง มันเริ่มถูกมือเปล่าฉีกกระชากออกและยิ่งขยายใหญ่ขึ้นจนในที่สุดก็กลายเป็นหลุมด่ายาวห้าเมตรกว้างสองเมตร

อย่างไรก็ทุกคนที่อยู่ที่นี่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในขณะที่กําลังฉีกกระชากหน่วยแยกออกนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ของจอมยุทธระดับราชาถูกทําลายอย่างต่อเนื่องและในที่สุดกลิ่นอายระดับราชาของเขาก็ค่อยๆอ่อนแอลงเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าการพยายามเปิดรอยแยกมิตินี้ค่อนข้างยากสําหรับจอมยุทธระดับราชาดูแล้วเขาคงจะสิ้นเปลืองพลังไปไม่น้อย ในเวลานี้ในที่สุดเย่เทียนก็อยู่ห่างจากจอมยุทธระดับราชาไม่ ถึง200เมตร

ทันใดนั้นเย่เทียนก็ตรวจสอบพรสวรรค์ของราชาหยุนเหอ

[มนุษย์: หยุนเหอ

พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ : หลุดพ้น

พรสวรรค์ด้านมิติ : ระดับเริ่มต้น]

“เอ่? เขามีพรสวรรค์ด้านมิติด้วย!”

เย่เทียนประหลาดใจมาก

เท่าที่เขารู้ มิติและเวลานั้นเป็นสิ่งลึกลับมาก มันเป็นพรสวรรค์สองประเภทที่เหนือชั้นที่สุดเหนือพรสวรรค์ทั่วไป นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนได้พบกับผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์ด้านมิติ

พูดตามตรง เขาต้องการที่จะคัดลอกพรสวรรค์ด้านมิตินี้ แต่เขาก็กัดฟันและเลือกคัดลอกพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของราชาหยุนเหอ

พรสวรรค์ด้านมิติระดับเริ่มต้นอาจเป็นเรื่องมหัศจรรย์แต่พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นนั้นมีค่ามากกว่าเพราะมันเป็นพรสวรรค์ที่ใช้ปูทางสําหรับอนาคต

นอกจากนี้สัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ด้านมิติก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแค่ต้องค้นหามันให้เจอ มันก็ยังไม่สาย

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การคัดลอกพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นนั้นคุ้มค่ากว่ามาก

เมื่อเย่เทียนได้จําลองพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของราชาหยุนเหอแล้วไม่นานราชาหยุนเหอก็หายวับไป

“โชคดีที่เราจําลองได้ทันเวลา มิฉะนั้นเราคงพลาดพรสวรรค์ระดับหลุดพ้น”

เย่เทียนกล่าวด้วยความยินดี

จากนั้นเขาก็เดินกลับไปหาเย่วหลิงอีกครั้ง

“นั่นมันระดับราชา เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้500ปี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกเพิ่งผ่านไปแค่ 100ปีเท่านั้น 500ปีช่างยาวนานนัก!” เย่วหลิงถอนหายใจ

“ฉัยสงสัยว่า ฉันจะกลายเป็นราชาในชีวิตนี้ได้หรือไม่?”

แม้ว่าเธอจะได้สมบัติและยกระดับพรสวรรค์ของเธอให้กลายเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงสุดแต่โอกาสที่เธอจะได้เป็นราชาก็ยังน้อยกว่า 10%

แม้แต่ที่ฐานทัพทะเลมาร มีผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงเพียงไม่กี่คนที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ได้แต่ระดับพลังของพวกเขาก็จะหยุดอยู่เพียงแค่นั้นส่วนผู้ที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดก็มีจํานวนเพียงน้อยนิดที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับราชาได้หนทางยากเย็นแสนเข็ญความเป็นไปได้น้อยเกินไป

“อย่าคิดมากไป ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ!”

เย่เทียนกล่าว

“ใช่ ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ!”เย่วหลิงรู้สึกดีขึ้นมาอีกครั้ง “อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็สามารถเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้อายุขัยของพวกเราสามารถยืนได้ถึง 200 ปีในขณะที่นักรบผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ไปตลอดชีวิตนับประสาอะไรกับบางคนที่เกิดมาแล้วไม่สามารถเป็นนักรบได้ เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วพวกเรานับว่าโชคดีกว่ามาก!”

“ใช่ พวกเราโชคดีมาก!”

เย่เทียนเห็นด้วย

เพราะเขาเป็นคนที่โชคดีเหนือกว่าคนอื่นๆมากที่สามารถปลูกพรสวรรค์ในการคัดลอกได้เขาจึงค่อยๆก้าวขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้

หากเขาไม่มีพรสวรรค์ในการคัดลอก ต่อให้เขาข้ามมิติมาแล้วอย่างไร? เขาทําได้เพียงพึ่งพาพรสวรรค์ของเขาเท่านั้น ไม่มีทางที่จะสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้ตลอดชีวิตแม้แต่ระดับนักรบชั้นยอดก็อย่าได้หวัง

“เตรียมตัวเข้าสู่เขตแดนลับ!”

ปรมาจารย์จากตระกูลใหญ่กล่าวกับผู้ฝึกยุทธทุกคน

ปรมาจารย์เย่วเฟิงหันไปเตือนนักรบผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเย่วว่า “หลังจากเข้าสู่เขตแดนลับแล้วพวกเจ้าพยายามหาคนจากตระกูลเดียวกันมารวมกลุ่มกันมันจะช่วยให้พวกเจ้าปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้พวกเจ้าสามารถอยู่ในเขตแดนลับได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และหากเกินหนึ่งเดือนแล้วพวกเจ้าไม่สามารถออกมาได้เจ้าจะต้องรอไปอีกสิบปีข้างหน้าเขตแดนลับมีกฏลึกลับคอย บงการอยู่ไม่มีทางที่พวกเจ้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตประมาจารย์ได้ พวกเจ้าอย่าได้หวังพึ่งโชคลาภด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น 10 ปี ผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้นพบเจ้าคงจะรู้ดี

“ผู้อาวุโส พวกเราเข้าใจแล้ว!”

นักรบผู้เชี่ยวชาญตระกูลเย่วตอบรับ

ทันใดนั้น

เย่วหลิงส่งนาฬิกาให้เย่เทียน “นี่คือเครื่องมือติดต่อ แม้ว่าเราจะเข้าสู่เขตแดนลับแล้วเราก็สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อตรวจจับตําแหน่งของอีกฝ่ายได้เมื่อเข้าสู่เขตแดนลับเราจะถูกเคลื่อนย้ายไปคนละที่ทันทีเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราต้องมารวมตัวกันโดยเร็วที่สุด”

“อืม ผมเข้าใจแล้ว!”

เย่เทียนหยิบนาฬิกาขึ้นมาแล้วถามต่อว่า “อีกหนึ่งเดือนเราจะออกมาได้ยังไง?”

ไม่โทษเขาที่ถามเช่นนี้ เพราะในความจริงแล้วเย่เทียนไม่มีความรู้เกี่ยวกับเขตแดนลับเลย

“ออกมาจากรอยแยกของมิติด้วยเช่นกัน!” เย่วหลิงอธิบาย “เมื่อพวกเราเข้าสู่เขตแดนลับแล้วจะมีคนนสมบัติชิ้นหนึ่งใส่ไว้ในรอยแยกมิติเมื่อเวลานั้นมาถึงแสงประหลาดจะส่องสว่างไปทั่ว เขตแดนลับพวกเราสามารถตัดสินตําแหน่งของรอยแยกมิติได้โดยใช้แสงแปลกประหลาดและค่านวณเวลาให้ออกมาได้ทันเวลา”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

เย่เทียนเข้าใจอย่างถ้วนหน้า

พูดตามตรง รอยแยกมิติเปรียบเสมือนประตูและเส้นทางที่นําพวกเขาจากโลกนี้ ไปสู่อีกมิติหนึ่งเพียงแต่ว่าพวกเขาไม่สามารถกําหนดทิศทางด้วยตนเองได้พลังมิติจะโยนพวกเขากระจายออกไปในเขตแดนลับ

วูบบบ!!!

นักรบคนหนึ่งกระโดดเข้าไปในรอยแยกมิติและหายไป

ไม่นานก็ถึงตานักรบผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเย่ว

เย่เทียนตามเย่วหลิงเข้าไปในรอยแยกมิติ เมื่อเขาเข้าไปในรอยแยกมิติ พลังมิติก็ได้ห่อหุ้มตัวเขาไว้
ตูม!!!

พลังที่พุ่งมาโยนเย่เทียนร่วงลงมาที่ไหนสักแห่งด้วยความมึนงงในเขตแดนลับ

ใกล้ลําธารสายหนึ่ง ร่างของเย่เทียนปรากฏขึ้นที่นี่และกระแทกลงกับพื้นจนเป็นหลุมขนาดใหญ่โชคดีที่เย่เทียนมีร่างกายที่แข็งแรง ถ้าคนธรรมดาตกลงมากระแทกกับพื้นเช่นนี้พวกเขาคงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว

เย่เทียนยืนขึ้นและมองไปรอบ ๆ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอันตรายมากนักเย่เทียนรีบหาสถานที่หลบซ่อนตัว

เขาเตรียมจะเริ่มผสานพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้น

ไม่นานนักเขาก็พบกองหินที่มีช่องขนาดเท่าตัวคน และยากที่จะสังเกตเห็น

ดังนั้นเย่เทียนจึงตัดสินใจแทรกตัวผ่านช่องหินและนั่งขัดสมาธิเริ่มผสานพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้น

อํากกกก!!!

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างกาย

ในเวลานี้เย่เทียนรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไป ในตอนที่เขาหลอมรวมพรสวรรค์ครั้งสุดท้ายการลองรวมพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นนั้นรุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้มากแต่พอคิดถึงประ โยชน์ของมันเย่เทียนก็กัดริมฝีปากพยายามอดทนอย่างถึงที่สุด ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ความเจ็บปวดค่อยๆทุเลาลงเมื่อกระบวนการหลอมรวมเสร็จสิ้น

เย่เทียนมองไปที่ร่างกายที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อจํานวนมาก

สิ่งแรกที่เย่เทียนไม่ได้เป็นการชําระล้างร่างกาย แต่เขารีบตรวจสอบพรสวรรค์ของเขาแทน