ตอนที่ 604 มอนสเตอร์ประหลาด Ink Stone_Fantasy
สายลมปฐมบทแห่งความโกลาหลพัดกระหน่ำไม่หยุดยั้ง
ท่ามกลางกระแสมิติ ทุกสิ่งอย่างดูวุ่นวายและสับสน
บางครั้งก็มีบางสิ่งบางอย่างที่แสนพิสดารปรากฏขึ้น และไม่นานก็หายไป
กู่ฉิงซานถูกฉุดดึงโดยอำนาจที่มองไม่เห็น ลอยไปอย่างต่อเนื่องในทิศทางที่ถูกกำหนดเอาไว้
แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะร่างจิต แต่บนตัวของกู่ฉิงซานก็ยังเปล่งแสงจรัสเล็กน้อย ส่งผลให้เขาบรรยากาศรอบตัวเขาแผ่กลิ่นอายสง่างาม ชวนให้น่าเคารพนับถือออกมา
“เอะ? เจ้าตามมาด้วยทำไม?” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย
ภายในรังสีแสง เกราะรบเทพบรรพกาลตอบ “ร่างมนุษย์เป็นเพียงที่อยู่อาศัย จิตวิญญาณต่างหากคือสิ่งที่ควรค่าแก่การปกป้อง ดังนั้นข้าจึงตามมาคุ้มครองเจ้า จนกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะสิ้นสุดลง”
“ช่างน่านับถือจริงๆ เมื่อเทียบกันแล้ว คำพูดของเจ้าฟังดูซื่อสัตย์ยิ่งกว่าพวกเรามนุษย์เสียอีก” กู่ฉิงซานยกย่อง
“นั่นย่อมแน่นอน เพราะพวกมนุษย์น่ะมักจะไม่ค่อยรักษาสัญญาของพวกเขา” เกราะเทพกล่าว
กู่ฉิงซานถึงกับพูดไม่ออก
ในเวลานั้นเอง เสียงของฉานนู่ก็ดังออกมาจากดาบขุนเขาเทวะหกโลกา
“นายน้อย พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกัน?” เธอถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไปหาสหาย” กู่ฉิงซานตอบ
ดาบพิภพเอ่ยถามบ้าง “เป็นสหายอย่างแท้จริง หรือว่าแค่สหายในนามเท่านั้น?”
“เป็นเพื่อนแท้ และเขายังเคยช่วยเหลือข้าเอาไว้หลายครั้ง” กู่ฉิงซานกล่าว
ระหว่างสนทนา ตัวเขาก็เริ่มที่จะบินเร็วขึ้น บ่งบอกได้ถึงแรงฉุดดึงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อร่างจิตสัมผัสได้ถึงแรงฉุดดึงที่รุนแรงเกินกว่าในครั้งที่ผ่านๆ มา กู่ฉิงซานก็พยายามรับรู้ และตระหนักได้ถึงความวิตกกังวลเล็กน้อยจากมัน
“ฉานนู่ ดาบพิภพ บางทีอาจจะเกิดการต่อสู้ขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็ได้ จงเตรียมตัวให้พร้อมไว้เสีย” กู่ฉิงซานกล่าว
สองดาบตอบรับพร้อมกันคำหนึ่ง ยืนยันว่าพวกมันรับรู้แล้ว
กู่ฉิงซานค่อยๆ จมลงสู่ห้วงความคิด
ทันใดนั้น เขาก็นึกได้ถึงคำพูดของร่างใหญ่ในครั้งล่าสุดที่ได้พบกัน
“เจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว ข้าสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของมอนสเตอร์ที่น่าขนลุก มอนสเตอร์ตนนี้น่าขวัญผวายิ่งกว่ามอนสเตอร์ทั้งหมดทั้งมวลที่เคยพบเจอมา และมันกำลังเข้าใกล้โลกที่ข้าถูกจองจำใบนี้”
ประโยคดังกล่าว คือสิ่งที่ร่างใหญ่ได้บอกแก่เขาในเวลานั้น
กู่ฉิงซานรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังที่เล็ดลอดออกมาจากน้ำเสียงของมัน
แม้จักถูกขังมายาวนานกว่าหนึ่งแสนปี แต่ร่างใหญ่ก็เคยช่วยเหลือตัวกู่ฉิงซานเอาไว้มากมาย
แม้กระทั่ง ‘ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต’ ก็ยังถูกสอนโดยมัน
ดังนั้น ตราบใดที่เป็นอะไรที่สามารถทำได้ เขาก็เต็มใจที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย!
กู่ฉิงซานแม้จะมุ่งสมาธิขบคิดอย่างเงียบๆ แต่ก็ยังตื่นตัว เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
ผ่านในช่วงเวลาหนึ่ง
กู่ฉิงซานก็ตระหนักได้ว่ากระแสมิติได้หายไปอย่างสมบูรณ์ และภาพที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น
เป็นอีกครั้งที่เขาได้เข้าสู่โลกที่ไม่รู้จัก
ร่างโครงกระดูกดำจำนวนนับไม่ถ้วนกระจุกตัวกันหนาแน่น เดินไปมาบนพื้นที่โล่งแสนกว้างใหญ่
พวกมันดูเหมือนว่าจะไม่เคยหยุดนิ่งเลย
ขณะเดียวกัน ในใจกลางของโลกใบนี้ ปรากฏให้เห็นถึงเสาทองแดงที่ถูกปักตั้งไว้ มันยาวจนเชื่อมต่อสวรรค์และโลกเข้าด้วยกัน
โดยมีร่างใหญ่ในชุดเกราะดำ ถูกตอกตรึงอยู่บนเสาทองแดงที่ว่า
“ข้ามาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
กู่ฉิงซานที่ลอยอยู่กลางอากาศ ตะโกนถามเสียงดัง
แต่ร่างใหญ่กลับไม่ตอบสนอง
กู่ฉิงซานจึงลองเพ่งสังเกตดู และพบว่ามือข้างหนึ่งของร่างใหญ่ บัดนี้หลงเหลือทิ้งไว้เพียงโครงกระดูกเท่านั้น
ตามห้านิ้วของโครงกระดูก ถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยการกัดแทะที่ดูยุ่งเหยิง
คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างกินเนื้อหนังด้านบนจนหมดสิ้นแล้ว และพยายามที่จะกัดแทะกระดูกต่อ
“เงียบเสียงไว้”
เสียงลึกลับดังขึ้น
กู่ฉิงซานหุบปากลงทันที
เพราะนี่คือเสียงของร่างใหญ่
ภายในสายตาของเขา
เกราะรบสีดำบนร่างใหญ่ จู่ๆ ก็มีเกล็ดส่วนเล็กหลุดออกมา
เกล็ดที่ว่านี้ลอยเข้ามาหากู่ฉิงซาน ก่อนจะเวียนวนรอบตัวเขาอยู่ครู่หนึ่ง
คล้ายกับว่าต้องการที่จะยืนยันตัวตนของเขา
ต่อมา เสียงของร่างใหญ่ก็สะท้อนออกมาจากเกล็ดเกราะอย่างแผ่วเบา
“สถานการณ์ในเวลานี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง”
เสียงของมันเผยถึงความตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“มีตัวอะไรบางอย่างอยู่ในร่างกายของข้า และมันกำลังกัดกินเนื้อของข้า”
ร่างใหญ่เล่าต่อ “ฉะนั้น เพื่อที่จะไม่ให้มันค้นพบถึงจิตวิญญาณของข้า ข้าจึงย้ายจิตมาซ่อนอยู่ในเกราะรบแทน”
กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็เพ่งตรวจสอบไปยังร่างอันใหญ่โตอย่างระแวดระวัง
ไม่นาน เขาก็ค้นพบว่าตรงตำแหน่งหน้าอกของร่างใหญ่ บ่อยครั้งที่เกล็ดเกราะจะเกิดการสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย
บ่งบอกชัดเจนว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในชุดเกราะ
“มันอยู่ตรงตำแหน่งที่ว่านั่นใช่หรือไม่?”
กู่ฉิงซานชี้ปลายดาบไปตรงบริเวณหน้าอกของร่างใหญ่
เขาลองกวาดจิตสัมผัสเทวะออกไป แต่ก็ถูกขัดขวางเอาไว้โดยบางสิ่ง มิอาจเข้าไปในร่างใหญ่ได้
แต่ชัดเจนว่ามีตัวอะไรอยู่ตรงบริเวณหน้าอกอย่างแน่นอน
“ถูกต้อง ตอนนี้มันอยู่ในตำแหน่งหัวใจของข้า และกำลังฉีกกัดผนังหัวใจภายนอกอยู่ ข้าสงสัยว่ามันอาจจะสนใจในหัวใจของข้าก็เป็นได้”
“แล้วเหตุใดท่านถึงไม่ตอบโต้มันกลับเล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เจ้าก็รู้นี่ว่าเป็นเพราะร่างของข้าถูกตอกตรึงติดกับเสาทองแดง ข้าจึงไม่สามารถลงมือโจมตีมายังเสาได้ และอีกอย่างหากข้าลงมือ การดำรงอยู่ที่ว่านั่นก็จะรู้สึกตัวได้ในทันที ว่าดวงจิตของข้ายังไม่จากไป”
“เมื่อข้าถูกค้นพบ เรื่องราวหลังจากที่ว่านั่นก็คงจะไม่มีหนทางให้แก้ไขใดๆ อีกต่อไปแล้ว”
กู่ฉิงซานถาม “ด้วยเหตุนี้ ท่านเลยทำได้แค่ยอมให้ร่างกายตัวเองถูกกินโดยสิ่งนั้น?”
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”
กู่ฉิงซาน “พอจะบอกข้าได้หรือไม่ ว่าสิ่งที่กำลังกัดกินร่างท่านอยู่คือตัวอะไร?”
“มันเป็นสิ่งที่มิอาจทำความเข้าใจได้ ข้าเดาว่ามันไม่ได้อยู่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น” ร่างใหญ่กล่าว
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?” กู่ฉิงซานสงสัย
“เพราะตัวมันไม่สอดคล้องกับลักษณะชีวิตใดๆ เลยในโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้นเลย” ร่างใหญ่อธิบาย
กู่ฉิงซานตกตะลึง
แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคี้ยวก็ดังขึ้นมาจากภายในร่างใหญ่
“มันแข็งแกร่งรึเปล่า?” กู่ฉิงซานถาม
“ในความรู้สึกของข้า เมื่อเทียบกับตัวเจ้าในปัจจุบัน มันอาจจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย แต่ตรงจุดนี้ ข้ายังไม่สามารถรับประกันได้ เพราะมันเป็นการดำรงอยู่อันแปลกประหลาดที่ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อนเช่นกัน” ร่างใหญ่กล่าว
กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก “เข้าใจแล้ว ข้าจะลองดู”
ร่างใหญ่เงียบไปครู่หนึ่ง จึงกล่าว “แบบนั้นไม่ดีหรอก ข้าว่าเจ้าช่วยนำจิตวิญญาณของข้า หนีไปด้วยกันจะเป็นการดีกว่า”
กู่ฉิงซาน “นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีหรอก อ้างอิงตามความรู้ความเข้าใจของข้า หากท่านหลงเหลือเพียงจิตวิญญาณ หลังจากนั้นมา ทุกสิ่งอย่างที่ท่านมีคงจำต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง”
ร่างใหญ่ถอนหายใจ “แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะข้าไม่เพียงไม่อาจทราบว่ามันมาจากที่ใด แต่กระทั่งจิตวิญญาณของข้าก็ยังรู้สึกหวาดกลัวในมัน”
“ท่านน่ะหรือหวาดกลัว? เมื่อครู่ไม่ใช่ท่านบอกว่ามันแข็งแกร่งกว่าข้าไม่มากนักหรอกหรือ?”
“ปัญหาไม่ใช่เรื่องความแข็งแกร่ง ปัญหามิได้อยู่ที่มัน แต่ปัญหาน่ะอยู่ที่ตัวข้าเอง – ข้าน่ะรู้มากเกินไป ดังนั้นข้าจึงพอที่จะสามารถคาดเดาถึงเจ้าสิ่งนั้นออกไปได้ในหลากหลายรูปแบบ และไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาชนิดใดที่ผุดเข้ามา มันก็ล้วนทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง” หลังจากที่ร่างใหญ่กล่าวจบ มันก็หุบปากเงียบ
“ตราบใดที่ในเรื่องความแข็งแกร่งไม่ใช่ปัญหา ข้าก็ไม่สนใจแล้ว ท่านแค่คอยเฝ้าดูข้าสังหารมันก็พอ”
ขณะกล่าว กู่ฉิงซานก็เปิดหน้าต่างเทพสงคราม และดึงตัวเลือกบางอย่างออกมา
“คุณได้รับสิทธิ์ในการเสริมพลังหนึ่งเท่า”
“คุณได้รับสิทธิ์ในการเสริมพลังหนึ่งเท่า”
“คุณได้รับสิทธิ์ในการเสริมพลังหนึ่งเท่า”
“คุณได้รับสิทธิ์ในการเสริมพลังหนึ่งเท่า”
“คุณได้รับสิทธิ์ในการเสริมพลังหนึ่งเท่า”
“คุณได้รับสิทธิ์ในการเสริมพลังหนึ่งเท่า”
“คุณได้รับสิทธิ์ในการเสริมพลังหนึ่งเท่า”
“โปรดทำการเลือกสกิลที่เหมาะสมสำหรับการเสริมพลังด้วย”
เจ้าพวกนี้คือสิ่งที่เขาได้รับมาในตอนที่อยู่บนโลกชั้นใต้ดิน เป็นความสามารถสั่งสมแต้มพลังที่ได้มาจากการกำจัดกองทัพสัตว์ประหลาดผี
ในแต่ละภารกิจต่อเนื่องของเทพสงคราม กู่ฉิงซานจะได้รับสถานะสั่งสมแต้มพลังวิญญาณ
ซึ่งนี่คือความแตกต่างระหว่างภารกิจเทพสงครามและภารกิจแห่งโชคชะตา
“ศัตรูมีเพียงหนึ่งเท่านั้น”
กู่ฉิงซานพึมพำ
เขาปัดตัวเลือกทั้งหมด ให้มันไปเสริมแกร่งให้แก่กลืนกินหวนกลับ
เพราะกลืนกินหวนกลับ คือเทคนิคดาบลอบสังหารที่ทรงพลังที่สุดของเขา
บนหน้าต่างเทพสงคราม หนึ่งบรรทัดแสงปรากฏขึ้นมา
“สกิลของคุณ: กลืนกินหวนกลับ ได้รับการเสริมแกร่งขึ้นเป็นสิบสองเท่าแล้ว”
“อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณใช้สกิลนี้ และปลดปล่อยมันอีกครั้ง พลังโจมตีของมันจะกลับคืนสู่ระดับปกติ”
“เมื่อคุณต้องการจะใช้สกิลนี้ คุณจะต้องจ่ายหนึ่งพันแต้มพลังวิญญาณ คุณตกลงหรือไม่?”
“ฉันตกลง ถ้าจะใช้เมื่อไหร่เดี๋ยวจะจ่ายเอง แต่ตอนนี้ขอหยั่งเชิงกับมันดูก่อน”
ว่าจบ พอเตรียมตัวพร้อม กู่ฉิงซานก็สั่งการในความคิดทันที
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาลอยออกไป และเคาะลงบนตำแหน่งหน้าอกของร่างใหญ่
“เคร้ง!”
บังเกิดเสียงอันคมชัดของดาบยาวเคาะลงบนเกราะรบ
เห็นแค่เพียงการสั่นไหวภายใต้เกราะรบหยุดลงไปครู่หนึ่ง
แต่จากนั้น มันก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าการดำรงอยู่ที่ว่านั่น สำหรับมันแล้วหัวใจของร่างใหญ่ดูจะน่าดึงดูดยิ่งกว่าการคุกคามจากภายนอก
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาสับลงอีกครั้ง
แต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจเลย
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาบินกลับมา
และเปลี่ยนเป็นดาบพิภพ
“ไม่ต้องยั้งมือ” กู่ฉิงซานกล่าว
“เข้าใจแล้ว” ดาบพิภพตอบรับ
มันกวาดไปตามแนวนอน หมุนควงสั่งสมแรงเหวี่ยงสองสามรอบ และเมื่อพรั่งพร้อม มันก็ปล่อยตัวกระแทกเข้าใส่เกราะรบสีดำอย่างแรง
ระเบิดออกด้วยการโจมตีที่หนักกว่า 86.37 ล้านจิน!
ปัง!
บังเกิดเสียงหนักทึบ
เกราะรบไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ
ทว่าภายในเกราะกลับเกิดเสียงดังฟู่ๆ ขึ้น
ดาบพิภพบินกลับมา
“ข้าได้ขัดจังหวะการกินของมัน และมันสมควรจะโกรธมาก ข้าคาดว่ามันกำลังจะตอบโต้” ดาบพิภพอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ข้ารู้” กู่ฉิงซานกล่าว
เขามองไปยังเกราะรบสีดำบนร่างใหญ่
เห็นแค่เพียงบนเกราะรบ ไร้ซึ่งการสั่นไหวใดๆ อีกแล้ว
หลังจากนั้นสักพัก เปลือกตาของร่างใหญ่ก็ค่อยยกขึ้น เผยให้เห็นถึงม่านตาสีแดงก่ำ
“นั่นท่านรึเปล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ข้า” ร่างใหญ่ตอบกลับ
“นั่นเป็นเจ้ามอนสเตอร์ตัวที่ว่า”
พอได้รับคำตอบ กู่ฉิงซานก็กุมดาบด้วยสองมือเขาเตรียมพร้อมที่จะรับมือทันที
ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังกึกก้องขึ้น
มันเป็นเสียงของการดำรงอยู่ ที่เหมือนกับว่าจะประหลาดใจ
“เอ…?”
“แปลกนัก” เสียงยังคงพูดต่อ “กู่…ฉิง…ซาน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
กู่ฉิงซานแข็งค้าง
ทำไมฉันถึงมาที่นี่อย่างงั้นหรือ?
ถูกถามในที่แบบนี้เนี่ยนะ?
มันเป็นไปไม่ได้! ไม่น่าจะมีใครที่รู้จักฉัน ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน!
คำถามที่ไม่สามารถอธิบายได้ ผุดเข้ามาในหัวใจของกู่ฉิงซาน
“เมื่อครู่ท่านบอกว่ามันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของโลกเก้าร้อยล้านชั้นใช่ไหม?”
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน” ร่างใหญ่ยืนยันหนักแน่น
“ถ้าอย่างนั้น แล้วเพราะเหตุใดมันถึงรู้ชื่อของข้า?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบในส่วนนั้นเหมือนกัน” เสียงของร่างใหญ่ฟังดูตึงเครียด
แต่ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันนั้นเอง กลับปรากฏถึงมอนสเตอร์ประหลาดตนหนึ่ง คืบคลานออกมาจากดวงตาของร่างใหญ่
“มันมาแล้ว” ร่างใหญ่เตือน
กู่ฉิงซานกุมดาบแน่น และมองออกไป
เห็นแค่เพียงมอนสเตอร์ประหลาด
ทว่ายังไม่มีเวลาที่จะทันได้สำรวจมันอย่างถี่ถ้วน จู่ๆ ความหวาดกลัวก็พลันบาดลึกเข้ามาในหัวใจของเขา
นี่คือปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณของร่างกาย เมื่อทุกคนกำลังย่างกรายเข้าสู่ความตาย!
ในระหว่างนั้นเอง เขาก็อ้าปากกว้าง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถหายใจได้
เงาแห่งความตายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนโอบเข้าปกคลุมตัวเขาเอาไว้
มันเป็นความรู้สึกสิ้นหวัง คล้ายกับจมลงสู่เบื้องลึกของความมืดที่มองไม่เห็น
พริบตานั้นเอง แสงจรัสบนเกราะของทวยเทพก็เปล่งประกายสดใสขึ้นทันใด
ได้ยินแค่เพียงเสียงเตือนของเกราะเทพที่เร่งร้อน “ข้าสัมผัสได้ถึงความตายของเจ้า! ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง แต่จงอย่าลืมว่าตัดขาดเวลา สามารถใช้งานได้แค่สามลมหายใจเท่านั้น!”
ในชั่วพริบตา เกราะเทพก็พลันใช้ออกด้วย ‘คำบัญชาเทพ!’
‘คำบัญชาเทพ: เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณถูกโจมตีอย่างร้ายแรง เกราะรบจะตระหนักได้ถึงโชคชะตาแห่งความตายของคุณ และมันจะใช้ออกด้วย ‘ตัดขาดเวลา’ ทันที’
รังสีแสงอันไร้ขอบเขตระเบิดออกจากตัวกู่ฉิงซาน ปัดเป่าความมืดมิดที่ปกคลุมล้อมรอบตัวเขา
ตลอดทั้งโลกที่ไม่รู้จัก ทุกสิ่งอย่างพลันหยุดนิ่ง
เวลาได้ถูกหยุดลง
ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็มองเห็นถึงคมกล้าของกรงเล็บแหลมที่หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา
และกรงเล็บแหลมที่ว่า…มันอยู่ห่างจากดวงตาของเขาไปเพียงไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตรเท่านั้น!
……………………………………………