บทที่ 14 เอ็มม่า มอร์ติสต้องการเปลี่ยนแปลง
ณ ทะเลสาบเดียวกัน ศาลาเดียวกัน แต่หลังจากก้าวออกไปและข้ามสะพานมาแล้ว เขาก็มาถึงโลกใบใหม่
สิ่งที่ทักทายเป็นอย่างแรกคือ…
อากาศแห่งอิสรภาพ! o(*≧▽≦)ツ┏━┓
นักเรียนไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎของสถาบันอีกต่อไป การ์ดเมจิกหมวดแต่งตัวสามารถทำให้ร่างกายคุณมีสีสันได้
“เจ้าชุดนักเรียน! จงหายไปซะ!”
ดาร์กเห็นแม้กระทั่งเด็กนักเรียนหญิงที่ชอบแกล้งทำเป็นจริงจัง กรีดร้องออกมาทันที
ยูนิฟอร์มซึ่งปกปิดทุกส่วนสำคัญบนร่างกายของเธอ ถูกเปลี่ยนเป็นชุดเดรสลายลูกไม้สีดำพร้อมแขนเสื้อพองที่เผยให้เห็นไหล่และไหปลาร้าของเด็กหญิง
รุ่นพี่อีกคนที่ดูเหมือนนักเรียนดีเด่นก็หวีผมด้วยการ์ดเมจิกเพื่อเปลี่ยนทรงผมจากทรงหน้าม้าเป็นทรงดำขลับผมตรงยามเดินลงจากสะพาน
ชุดนักเรียนของเธอกลายเป็นชุดสูทขนาดเล็กซึ่งสามารถอวดรูปร่างของเธอได้
การ์ดเวทมนตร์ในมือของเด็กหญิงนั้นกลายเป็นดอกกุหลาบสีแดงสด
จากนั้นเธอก็สอดดอกกุหลาบสีแดงเข้าไปในกระเป๋าหน้าอกและเดินจากไปอย่างสง่างาม ไร้ซึ่งท่าทางเนิร์ด ๆ ที่เคยมีให้เห็นก่อนหน้านี้
แต่งตัว เล่น ออกเดต ช็อปปิง ดื่ม ร้องเพลง เต้นรำ…
ถนนนักเดินทางเป็นเหมือนกับแดนสวรรค์ที่ผิดแปลกไปจากสถาบันเซนต์แมเรียนอย่างสิ้นเชิง เพราะมันมีทุกสิ่งที่สถาบันเซนต์แมเรียนไม่มี!
และเพื่อจะเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้อย่างเต็มที่ สิ่งจำเป็นที่นักเรียนต้องมี คือคะแนนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
…
แม้ว่าถ้วยบ้านจะจัดขึ้นทุกปีการศึกษา แต่ก็ไม่มีใครยับยั้งชั่งใจตั้งแต่ช่วงต้นเทอมเพื่อปลายเทอมได้
มันมีคำกล่าวในสถาบันเซนต์แมเรียนที่ใช้ไม่ได้กับคนหมู่มากว่า ‘ยิ่งคุณใช้มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งได้รับมากขึ้นเท่านั้น!’
เพราะเนื่องจากมีนักเรียนต้นแบบเพียงไม่กี่คน หลายคนจึงใช้คำนี้เป็นข้ออ้างเพื่อโน้มน้าวตนเองให้ใช้จ่ายมากเท่าที่พวกเขาต้องการ
แน่นอนว่ายังมีพวกที่ซื้อของไม่ได้ด้วยซ้ำ
…
ตอนที่ดาร์กเดินวนรอบถนนนักเดินทาง เขาก็เห็นเวอร์เธอร์และโรเบิร์ตอีกครั้ง ทั้งสองกำลังเดินออกจากร้านขายของเล่นด้วยความหงุดหงิด
เห็นได้ชัดว่าคะแนนที่โดนหักไปนั้นไม่เพียงพอที่จะซื้อของเล่นที่พวกเขาต้องการได้
ดาร์กไม่มีเวลาสนใจคนอื่นมากนัก เขาแค่เหลือบมองแล้วเดินจากไป
เป็นผลให้ไม่เห็นเอ็มม่า มอร์ติส นักเรียนผู้ทำคะแนนได้เยอะอีกคนหนึ่งซึ่งบังเอิญผ่านมา กำลังถูกนักเรียนที่ด้อยกว่าสองคนเข้าไปพัวพัน
…
ตอนแรกเอ็มม่ามาที่ถนนนักเดินทางก็เพื่อหาหนังสือเบ็ดเตล็ดบางเล่มที่ไม่มีในห้องสมุดของสถาบัน แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็เห็นดาร์กที่ดูเหมือนจะมองหาอะไรบางอย่างระหว่างทางจึงเดินตามไปอย่างไม่รู้ตัว
และมันจบลงด้วยการเข้าไปพัวพันกับเวอร์เธอร์และโรเบิร์ต
เอ็มม่าพูดด้วยความหงุดหงิดและโกรธเคืองว่า “ปัญหาคือพวกนายมีคะแนนไม่พอ? คนปกติเขาควรจะมีสี่ร้อยแปดสิบคะแนนอยู่แล้วนี่ ต่อให้จะไม่ได้คะแนนเป็นรางวัลเลยสักครั้งก็เถอะ แล้วพวกนายล่ะ?”
เวอร์เธอร์ตอบอย่างเขินอาย “ฉันมีแค่สองร้อยห้าสิบ…”
โรเบิร์ตหน้าแดงอีกครั้ง “เอ็มม่า เราแค่อยากขอยืมห้าคะแนนจากเธอ มันง่ายสำหรับเธอใช่ไหม? เราจะคืนส่วนนี้ให้ตอนเริ่มเรียนในวันจันทร์เลย!”
เวอร์เธอร์เหลือบมองที่หมากรุกเวทมนตร์ตัวใหม่ในร้าน และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เราขาดแค่ห้าแต้มเอง!”
เอ็มม่ามองดูเพื่อนร่วมชั้นที่รู้จักกันในนาม ‘บุตรแห่งวีรบุรุษ’ แล้วรู้สึกแย่เล็กน้อย
ทันใดนั้นความคิดก็ผุดขึ้นมา
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอีกครั้ง และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันให้ยืมได้ แต่พวกนายต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า และทุกวันที่คืนคะแนนล่าช้า พวกนายจะต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่าของคะแนนเดิม! ก็คือวันที่สองต้องจ่ายเป็นสองเท่าของวันแรก วันที่สามคือสองเท่าของวันที่สอง และต่อ ๆ ไปอีก ฉันรับเงินแค่รวดเดียวเท่านั้น ถ้าพวกนายตกลง ฉันจะให้นายยืมและลงนามสัญญาด้วยการ์ดคัดสรร!”
โรเบิร์ตตกลงทันทีโดยไม่ได้คิด “พรุ่งนี้ฉันจะจ่ายให้เธอสิบคะแนน พรุ่งนี้ยี่สิบคะแนน และวันจันทร์สี่สิบคะแนน นั่นหมายความว่าคาบเรียนสองคาบสำหรับคนคนหนึ่ง ไม่มีปัญหา!”
แม้เวอร์เธอร์จะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ความกระตือรือร้นในการซื้อหมากรุกเวทมนตร์ทำให้เขาเพิกเฉยต่อความแปลกประหลาดนี้โดยไม่รู้ตัว
เด็กชายทั้งสองลงนามในสัญญาด้วยการ์ดคัดสรรเพื่อเป็นหลักฐาน จากนั้นก็รีบเข้าไปในร้านขายของเล่นเพื่อซื้อหมากรุกเวทมนตร์ตัวล่าสุดที่สามารถร้องเพลงและแร็ปได้!
…
ขณะเดียวกัน…
หลังจากเดินไปมาเป็นเวลานาน ในที่สุดดาร์กก็พบร้านที่เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือเวทมนตร์ นั่นคือร้านมอร์แกน
ถนนนักเดินทางเต็มไปด้วยร้านขายของชำมากมายซึ่งสามารถซื้อของถูก ๆ ได้ทุกแห่ง
แต่ [เครื่องหยดสมองวิเศษ] เป็นเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุที่ต้องการความเป็นมืออาชีพสูงมาก และราคาก็แพงมากเช่นกัน ทั้งยังซื้อได้แค่ในร้านค้าเฉพาะทางเท่านั้น
ดาร์กค้นหาอยู่นานก่อนจะพบร้านมอร์แกนในช่องว่างระหว่างร้านเครื่องประดับสองแห่ง
เขาผลักประตูไม้ที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมเข้าไป ทันใดนั้นกลิ่นอับชื้นก็โชยเข้ามาในจมูก
“เจ้าตัวเล็ก ห้ามแตะต้องอะไรทั้งนั้น หากทำสินค้าของเราเสียหาย เธอชดใช้ไม่ไหวหรอกนะ”
มอร์แกนตาเดียวซึ่งยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ทำแค่เปิดผ้าปิดตาออกและมองดูก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่าดาร์กเป็นนักเรียนใหม่อย่างแน่นอน
เดือนเดียว นักเรียนใหม่จะหาคะแนนได้เท่าไหร่กัน?
มอร์แกนเข้าใจชัดเจนในเรื่องนี้มาก
เขาเอ่ยปากไล่ดาร์กอย่างไร้มารยาท “ของที่ถูกที่สุดในร้านเรามีมูลค่าหลายพันคะแนน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถจ่ายได้ในฐานะนักเรียนใหม่”
ดาร์กเหลือบมองไปยังกลุ่มหลอดทดลองบนหิ้งแล้วถามว่า “หลอดทดลองพวกนี้มีค่าหนึ่งพันคะแนนด้วยเหรอ?”
“เอ่อ…”
มอร์แกนตาเดียวนิ่งงันกับคำถามนี้ และใช้เวลานานกว่าเขาจะตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “แล้วทำไมหลอดทดลองเวทมนตร์ที่มีอุณหภูมิคงที่ชุดนี้จะมีค่าหนึ่งพันคะแนนไม่ได้ล่ะ?”
ดาร์กถามต่อ “แล้วบีกเกอร์นี่ล่ะ? กระติกน้ำนี่ด้วย? จานระเหยนี่ยังไง?”
มอร์แกนตาเดียวทุบเคาน์เตอร์ “ไม่ใช่เรื่องของแก!”
ดาร์กส่ายหัวของเขา ดูเหมือนเจ้าของร้านจะอารมณ์ไม่ดีไหนจะยังทำตัวเหมือนเด็กอีก หรือบางทีเขาคงอยู่ในช่วงวันนั้นของเดือน?
ดาร์กหยุดล้อเล่นกับมอร์แกนตาเดียวและมองขึ้นไปบนชั้นวาง
หากมีหลอดทดลองและบีกเกอร์ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ขายเครื่องหยดใช่ไหม?
“เบ้าหลอมเปลวไฟ ตะเกียงแอลกอฮอล์วิญญาณปีศาจ เครื่องแยกเวทมนตร์… แท่งแก้วที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เครื่องหยดพลังเวทมนตร์…”
เครื่องหยดพลังเวทมนตร์นี้น่าจะเป็นของที่ด้อยกว่าเครื่องหยดสมองวิเศษ เพราะมันดูดซับพลังเวทมนตร์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เครื่องหยดเป็นหลอดสั้น ๆ ที่มีรูที่ปลายด้านหนึ่งและลูกยางที่ปลายอีกด้านหนึ่ง ใช้ในการวัดของเหลวตามจำนวนหยด
แต่ในกระบวนการสร้างการ์ดเวทมนตร์ มันมักจะใช้เพื่อดูดซับพลังเวทมนตร์ ความรู้ ความคิด… และแม้แต่วิญญาณ!
ตามตำนาน ว่ากันว่าเคยมีจอมเวทคนหนึ่งถ่ายเทวิญญาณของเขาเข้าไปในการ์ดเวทมนตร์เพื่อสร้างสปิริตที่มีสติปัญญาระดับสาม!
เครื่องหยดสมองวิเศษที่ดาร์กต้องการนั้นมีระดับต่ำกว่าเครื่องหยดที่ดูดซับวิญญาณได้
มันไม่ใช่ของหายากชนิดที่หาซื้อไม่ได้
แต่บนชั้นวางนี้กลับไม่มีให้เห็นเลยจริง ๆ!
เขาต้องเดินไปที่เคาน์เตอร์และปลุกมอร์แกนตาเดียวที่แกล้งหลับอย่างงุ่มง่าม
“สวัสดีครับเจ้าของร้าน คุณมีเครื่องหยดสมองวิเศษบ้างไหม?”
มอร์แกนตาเดียวไม่เงยหน้าขึ้น “นักเรียนใหม่อยากได้ของแบบนั้นไปทำไม?”
ดาร์กยังคงรักษามารยาทที่จำเป็น “เพื่อการทดลอง”
มอร์แกนตาเดียวเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางแปลก ๆ แต่ก็ยังพูดว่า “รอเดี๋ยวก่อน ฉันจะไปดูข้างใน”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบเครื่องหยดสมองวิเศษออกมา ทว่ารูปร่างหน้าตาออกจะไม่ค่อยดีนัก