บทที่ 423 โจรในบ้านยากจะป้องกัน / บทที่ 424 ตีขาสองข้างเขาให้หัก Ink Stone_Romance
บทที่ 423 โจรในบ้านยากจะป้องกัน
“เฮอะ!” ซือหมิงหรงค่อนแคะเสียงเย็นชา “สวี่ฉางคุน ถึงเวลานี้แล้วนายยังกล้ามาพูดแทนสวี่อี้ เรื่องนี้คนทั้งตระกูลสวี่สะบัดหนีไม่พ้นหรอก!”
สวี่ฉางคุนโกรธหน้าแดงโต้แย้งตรงนั้น “ลูกชายของผม ทำไมผมจะไม่เข้าใจ!”
“นายเข้าใจ?” ซือหมิงหรงโยนซองเอกสารสีน้ำตาลใส่เท้าของสวี่ฉางคุน
สวี่ฉางคุนรีบก้มตัวลงไปเก็บซองเอกสารขึ้นมา พลิกอ่านอย่างละเอียด
แต่ทุกหน้าที่พลิกอ่าน สีหน้าของสวี่ฉางคุนจะหม่นหมองลงส่วนหนึ่ง กระทั่งอ่านข้อมูลในซองเอกสารหมดแล้ว หน้าซีดเพราะความตกใจ ขาพลันอ่อนแรงเซพับถอยหลังไปหลายก้าว มองสวี่อี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“สวี่อี้…แก…แก…” ดวงใจอันหนักแน่นของสวี่ฉางคุนในที่สุดก็หวั่นไหวเสียแล้ว
ไม่ว่าสวี่อี้จะถูกปรักปรำหรือไม่ แต่ว่าข้อมูลเอกสารฉบับนี้ไม่ใช่ของปลอม ต่อให้ตอนนี้มีซือเยี่ยหานออกหน้าช่วยพูดแทนสวี่อี้ ก็เปล่าประโยชน์…
“พ่อ ผมถูกปรักปรำ ผมไม่ได้ทำจริงๆ…ผมไม่ได้ทำ!”
ได้เห็นสีหน้าสงสัยและหัวใจที่แตกสลาย สวี่อี้จมดิ่งสู่ความสิ้นหวัง แม้แต่พ่อของเขา ก็…
สวี่ฉางคุนส่ายหน้า รอยยิ้มขมขื่นสีหน้าเปี่ยมไปด้วยการดูถูกตัวเอง หันมองคุณหญิงย่าพลางกล่าว “เป็นเพราะผมสวี่ฉางคุนสอนลูกไม่ดี…ขอโทษคุณหญิงย่า ขอโทษนายท่าน และก็ต้องขอโทษตระกูลซือ…คุณหญิงย่าจะลงโทษสวี่อี้อย่างไร ผม…ไม่มี…ข้อตำหนิ…”
สวี่ฉางคุนพูดจบ ร่างทรุดราวกับชราภาพขึ้นไปอีกสิบปี ถอยหลังออกไปไกลไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก…
“สวี่อี้ นายจะยอมรับผิดไหม!” ซือหมิงหรงผู้อาวุโสเคราขาวชี้สวี่อี้ พลางตะคอกด้วยความโมโห
“ผม…ผมไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น!” สวี่อี้ส่ายหน้าปฎิเสธไม่ยอมรับเด็ดขาด
เวลานี้เอง ดวงตาของคุณหญิงย่าที่มองสวี่อี้เต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างที่สุดและความโมโหสุดขีด เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เขายังจะไม่ยอมรับผิดอีก
ช่างเป็น…ป้องกันเป็นพันเป็นหมื่นวิธี…แต่สำหรับโจรในบ้านนั้นยากจะป้องกันได้!
“สวี่อี้ น้ำใจที่ฉันมีให้ตระกูลสวี่ของพวกนายก็มีไม่น้อย นายอยู่ข้างกายเจ้าเก้ามาหลายปีขนาดนี้ ฉันเองเห็นนายเป็นคนที่น่าเชื่อใจมากที่สุดมาโดยตลอด จึงให้นายเป็นคนดูแลเจ้าเก้า ทว่าไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะเป็นคนที่วางมีดเร่งเอาชีวิตไว้ข้างกายเจ้าเก้าด้วยมือของฉันเอง!
นายมันช่าง…ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ! คนพวกนั้นเสนอประโยชน์อะไรให้กับนายกันแน่? ถึงทำให้นายละทิ้งมโนธรรมความเป็นคนไปได้!”
ดวงตาเย็นเยียบของคุณหญิงย่าประกายวูบไหว
สวี่อี้บีบข้อต่อนิ้วมือจนซีดขาวพลันกล่าวว่า “คุณหญิงใหญ่ ทุกอย่างที่ผมพูดล้วนเป็นความจริง! พ่อผมรับใช้ข้างกายคุณท่านผู้เฒ่ามานานสามสิบปีด้วยความจงรักภักดี ผมจะกล้าหลบลู่ความภักดีของพ่อได้อย่างไร!”
ซือหมิงหลี่ใช้ฝาถ้วยชาแยกใบชา พลางชำเลืองหางตามองไปทางเขา คล้ายกับมองสัตว์ที่ใกล้ตายแต่ยังพยามยามดิ้นรนไม่เลิก “ฮึ ใครๆ ต่างก็พูดกันว่าผู้ช่วยสวี่เป็นคนฉลาดพูดเข้าได้กับทุกฝ่าย เจอคนแบบไหนก็ใช้ภาษาแบบนั้นพูดคุยได้ เกลี้ยกล่อมให้ทุกคนยอมจำนน แม้แต่นายท่านก็ยังไม่มีการป้องกันนายเลยสักนิด วันนี้ได้เห็นแล้วช่างน่าทึ่งจริงๆ มาถึงขั้นนี้แล้วยังจะพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาได้หน้าตาเฉย หากไม่ใช่เพราะมีหลักฐานชัดเจน แม้แต่ฉันยังรู้สึกซาบซึ้งไปด้วยเลย!”
ซือหมิงหลี่กล่าวเตือนสติข้างหูคุณหญิงย่าต่อไป “สวี่อี้อยู่ข้างกายนายท่านมาหลายปีขนาดนี้ รู้ความลับไปเท่าไรแล้ว? ก่อนหน้านี้ที่นายท่านถูกลอบสังหารมาหลายครั้ง จะเป็นฝีมือของเขากับคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นไปกี่ครั้งแล้ว? เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียด เรียกว่าทำให้คนกลัวจนตัวสั่นงันงกจริงๆ…”
คุณหญิงย่าได้ฟังคำพูดของซือหมิงหลี่แล้ว สีหน้าพลันเย็นชาถึงขีดสุด เอ่ยว่า “สวี่อี้ หากยังมีอะไรจะพูดก็เก็บไว้พูดกับคนบนชั้นศาลเถอะ!”
……………………………………………………………..
บทที่ 424 ตีขาสองข้างเขาให้หัก
ซือหมิงหรงที่อยู่ด้านข้างหน้าตาเครียดขรึม เอ่ยสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “เอาตัวเขาออกไป ทรมานจนกว่าจะสารภาพ ปิดล้อมตระกูลสวี่ ห้ามปล่อยแม้แต่คนเดียว”
เรื่องนี้ได้ใช้การสรุปข้อดีข้อเสียของคนหลังการตายของคนนั้นๆ เป็นการตัดสินชี้ขาดแล้ว ตอนจบเหมือนกับเรื่องราวในชาติก่อน
ในชาติก่อนหลังจากที่สวี่อี้ถูกนำตัวออกไป ตามมาด้วยการที่ซือหมิงหลี่ใช้ข้ออ้างที่ว่าคนตระกูลสวี่พยายามต่อต้านขัดขืน จึงปิดปากทุกคนทันที ไม่ให้เหลือรอดสักชีวิต!
สวี่อี้คงจะเดาได้ว่าตัวเองถูกกำหนดมาแล้ว ครั้งนี้ไม่เพียงแค่ตัวเขา คนทั้งตระกูลของเขาต่างก็หนีไม่พ้นเคราะห์ร้ายในครานี้ อีกอย่างต่อให้นายท่านฟื้นขึ้นมา ก็ไม่อาจปกป้องเขาทั้งหมดได้…
ดังนั้น หลังจากที่ได้ยินคำพูดของคุณหญิงย่าและซือหมิงหรงแล้ว รูม่านตาของสวี่อี้พลันหดเกร็ง
ชายหนุ่มคุกเข่าลงกับพื้น หน้าผากยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด เลือดแดงสดไหลโชกหน้าของเขาอย่างน่ากลัว ไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ ไม่ว่าเขาจะสาบานอย่างไรก็ถูกมองว่าเป็นการเสแสร้งจอมปลอม ต่อให้ตอนนี้เขาตัดสินใจฆ่าตัวตายลงตรงนี้ พวกเขาก็คงเห็นว่าเขาฆ่าตัวตายหนีความผิด…
เขาไม่มีวิธีไหนจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้เลย!
“ไม่ใช่ผม! ผมไม่ได้ทำ! ผมไม่เคยทรยศนายท่าน! คนคนนั้นเป็นสายลับที่ผมให้เข้าไปสอดแนมจริงๆ!”
เพียงพริบตาสวี่อี้ได้จมหายลงไปในความสิ้นหวังขนาดมหึมา เขาตะโกนลั่นด้วยความโกรธสุดขีด แต่ว่า สิ่งที่ได้เผชิญ กลับมีเพียงดวงตาเย็นชาไม่แยแสคู่แล้วคู่เล่า…
ซือหมิงหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตามกฎของตระกูล ตีขาทั้งสองข้างของเขาให้หักก่อน ค่อยลากตัวไปว่าความที่ชั้นศาล!”
การ์ดร่างสูงใหญ่สองคนหน้าตาเคร่งขรึม มือถือกระบองยาวที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เดินเข้าไปหาสวี่อี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก การ์ดคนหนึ่งในนั้นได้จับตัวสวี่อี้กดไว้กับพื้นราวกับกลัวว่าสวี่อี้จะเสียสติจนทำร้ายคนอื่น
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ หากเธอจำไม่ผิดล่ะก็ ขาข้างนั้นของสวี่อี้ที่พิการคงจะเพราะได้รับบาดเจ็บจากช่วงเวลานี้…
“ปล่อยฉัน…ฉันถูกปรักปรำ ฉันถูกปรับปรำ!” สวี่อี้แผดเสียงร้องอย่างสิ้นหวัง
“ตุ๊บ”!
การ์ดหนุ่มหมดความอดอน ต่อยรัวเข้าที่แก้มของสวี่อี้ไปหลายหมัด กระทั่งสวี่อี้ไม่มีแรงออกเสียงอีกต่อไป
สวี่อี้ในตอนนี้ หลังจากถูกอัดด้วยหมัดหนักหลายครั้ง ใบน้าท่วมไปด้วยเลือด ดวงตาที่เคยมีไหวพริบเฉลียวฉลาด เปลี่ยนเป็นหมองหม่นไร้แววตา
“คิดดูแล้วฉันสวี่อี้…จงรักภักดีต่อนายท่านมาโดยตลอด ไม่เคยปันใจคิดเป็นอื่น…ปฏิบัติต่อคนในตระกูลซือเสมือนเป็นญาติพี่น้อง…แต่ว่าเรื่องราวมาถึงตอนนี้ กลับไม่มีใครสักคนยอมเชื่อฉันเลย…ฮ่าฮ่า…ในเมื่อทุกคนอยากให้ฉันตาย งั้นฉันยังจะมีอะไรให้ต้องอธิบายอีก…”
คล้ายกับยอมจำนวนต่อโชคชะตา สวี่อี้ลั่นหัวเราะราวกับเสียสติ
การ์ดอีกคนที่ในมือถือกระบองยาวอยู่ ยกแขนขวาขึ้นด้วยแรงเต็มกำลัง เสียงของกระบองแหวกกับชั้นอากาศรอบๆ ก่อนที่กระบอกยาวจะหวดลงที่เท้าขวาของสวี่อี้อย่างแรง
“นายท่าน สวี่อี้ไม่อาจอยู่รับใช้ข้างกายท่านได้อีกแล้ว…”
สวี่อี้ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขมขื่น พลันหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
และในขณะนั้นเอง ร่างกายบอบบางร่างหนึ่งได้พุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าไว้
“ปัง!”
กระบองที่มีพลังทำลายให้พินาศย่อยยับกำลังหวดลงมา พลันต้องหยุดชะงักกลางอากาศ
เพราะปลายกระบองอีกด้านได้ถูกมือเล็กๆ ข้างหนึ่งกุมจับไว้แน่น
สวี่อี้ขมวดคิ้วย่น ลืมตาขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ เพียงเสี้ยววินาทีสีหน้าพลันอึ้งชะงักงัน
ผู้หญิงตรงหน้า แม้ว่าจะค่อนข้างบอบบาง ทว่ากลับมาขวางอยู่ตรงหน้าของเขาไว้ราวกับตัวเองร่างใหญ่เหมือนยักษ์ สกัดกระบองที่สามารถตีขาเขาจนหักไว้ได้
การ์ดหนุ่มมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าตกตะลึง พลังของผู้หญิงคนนี้มีมากเกินไปแล้ว…
“นี่…” การ์ดมองไปทางบรรดาผู้อาวุโส
ฐานะของผู้หญิงคนนี้เป็นถึงนายหญิงของตระกูลซือ เวลานี้นายหญิงของตระกูลได้ลุกออกมา เขาเป็นแค่การ์ดตระกูลซือตำแหน่งเล็กๆ คนหนึ่ง ไหนเลยจะกล้าหาเรื่อง
…………………………………………………………..