ตอนที่ 1394 เผ่าผู้ใช้เวท (6) / ตอนที่ 1395 เผ่าผู้ใช้เวท (7)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1394 เผ่าผู้ใช้เวท (6)

 

 

“หัวหน้าเผ่า” ดวงตาของเด็กสาวชุดขาวเป็นประกายขณะแย้มยิ้ม “เมื่อวานนี้ข้าได้ทำนายอนาคตของเผ่าผู้ใช้เวทแล้วเห็นว่าจะมีเด็กสาวที่ชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏตัวขึ้นและทำลายเผ่าผู้ใช้เวท หัวหน้าเผ่า ท่านส่งคนไปที่แดนลับแลแล้วสังหารอวิ๋นลั่วเฟิงเสีย!”

 

 

เมื่อนางพูดจบ ความเกลียดชังเข้ากระดูกของนางก็สะท้อนอยู่ในนัยน์ตา เห็นได้ชัดว่านางเกลียดอวิ๋นลั่วเฟิงและอยากให้นางตาย หัวหน้าเผ่าไม่ได้สังเกตท่าทางแปลกประหลาดของเด็กสาว เขาขมวดคิ้วถาม “ท่านนักบวชหญิงแน่ใจหรือว่าเด็กสาวที่ชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงจะทำลายเผ่าผู้ใช้เวท”

 

 

“ข้าเป็นนักบวชหญิง ในเมื่อข้าพูดเช่นนั้นก็ต้องเป็นแบบนั้นสิ! เจ้าไม่ต้องการปกป้องความสงบสุขของเผ่าผู้ใช้เวทหรือ” เด็กสาวชุดขาวส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้ายังนับถือข้าเป็นนักบวชหญิงอยู่ก็ไปสังหารอวิ๋นลั่วเฟิง! ข้าจะปกป้องความเป็นอยู่ของเผ่าผู้ใช้เวทของเจ้าไปพันปี”

 

 

หลังจากพูดจบ เด็กสาวก็เดินเข้าไปขอบฟ้าแล้วสะบัดเสื้อก่อนหายไปจากสายตาของชายวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาโกรธจัด เขากำหมัดแน่นแล้วพยายามอย่างมากในการระงับอารมณ์โกรธในใจ “ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าผู้ใช้เวทและเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์! แต่ข้ากลับต้องมารับใช้เด็กสาวธรรมดา ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามีฐานะเป็นนักบวชหญิง ข้าคงไล่ตะเพิดเจ้าออกจากเผ่าผู้ใช้เวทนานแล้ว!”

 

 

นักบวชหญิงคนนี้เพิ่งมาถึงเผ่าผู้ใช้เวทได้ไม่นาน เผ่าผู้ใช้เวทตามหานักบวชหญิงมาหลายปีแต่พวกเขาไม่คิดว่าจะพบนางในแดนลับแล…

 

 

 

 

เด็กสาวชุดขาวไม่ได้จากไปไหนไกล นางเดินเข้าช่องว่างแคบๆ แล้วจ้องภาพที่สะท้อนผิวน้ำขึ้นมา ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเย็นเยียบ

 

 

ดูความสำเร็จในตอนนี้ของข้าสิ ไม่ว่าเจ้าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าก็เป็นแค่นายหญิงของหอคอยเล็กๆ ในนครอนันต์! แต่ข้า ข้าเป็นถึงนักบวชหญิงที่มีอำนาจไร้ขีดจำกัด! ชั่วชีวิตนี้เจ้าไม่มีทางอยู่เหนือกว่าข้าได้!

 

 

ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ที่นี่ นางก็จะเดาได้ว่าเด็กสาวคนนี้หลบหนีมาจากตระกูลโอวในนครอนันต์ นางคือโอวหย่า!

 

 

รวมถึงเป็นสตรีที่หนานกงอวิ๋นอี้เคยชื่นชอบอีกด้วย!

 

 

ตอนนั้นตระกูลโอวถูกทำลายโดยอวิ๋นลั่วเฟิง แต่โอวหย่าสาารถหลบหนีเหตุการณ์เลวร้ายนั่นไปไปได้เพราะนางมุ่งหน้าไปที่ตระกูลของคู่หมั้นนาง หลังจากนั้นนางก็กลัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะตามมาที่ตระกูลคู่หมั้นนาง นางจึงขโมยปิ่นจากน้องสาวคู่หมั้นแล้ววางแผนหลบหนี

 

 

ใครเล่าจะคิดว่าน้องสาวคู่หมั้นนางจะรู้ว่านางขโมยปิ่น ดังนั้นเพื่อปกป้องไม่ให้คนอื่นรู้ นางจึงแทงคอน้องสาวคู่หมั้นแล้วรีบหนีมา และเพราะถูกตามล่าตลอดการเดินทาง นางจึงไม่กล้าขายปิ่นแล้วเก็บเอาไว้ นางไม่คาดคิดว่าปิ่นนี้จะเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเป็นนักบวชหญิงของเผ่าผู้ใช้เวท!

 

 

โอวหย่าสัมผัสปิ่นบนศีรษะเบาๆ แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งดูโอ้อวด ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตา

 

 

นอกจากปิ่นแล้ว รอยสักบนร่างนางก็เป็นเหตุผลที่นางมาถึงที่นี่ได้ ตอนนั้นนางเห็นปานรูปพระจันทร์บนหน้าอกของน้องสาวคู่หมั้นแล้วเห็นว่าสวยดีจึงหาคนมาสักลงบนตัวนาง แล้วก็เป็นเพราะรอยสักนี่แหละที่พิสูจน์ว่านางเป็นนักบวชหญิง…

 

 

“อวิ๋นลั่วเฟิง! สถานะของข้าตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเอาชนะได้อีกต่อไป! ความเจ็บปวดที่เจ้าทำกับตระกูลโอว วันหนึ่งข้าจะเอาคืนเจ้า! รวมถึงตระกูลหวงบ้านั่นด้วย! ข้าแค่ขโมยปิ่นของหวงอิงอิง เหตุใดพวกเขาต้องตามล่าข้าเอาเป็นเอาตายด้วย”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1395 เผ่าผู้ใช้เวท (7)

 

 

“ยิ่งไปกว่านั้น” โอวหย่าหยุดไปชั่วครู่ก่อนพูดต่อพร้อมส่งเสียงขึ้นจมูก “ถ้าหากหวงอิงอิงไม่ล่วงรู้ว่าข้าขโมยปิ่นแล้ววางแผนจะส่งข้าไปที่ตำหนักลงทัณฑ์เพื่อรับโทษ ข้าก็คงไม่บังเอิญสังหารนาง!”

 

 

ตั้งแต่ตั้นจนจบ โอวหย่าไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นผู้ผิดเลยแม้แต่น้อย นางโยนความผิดทุกอย่างให้คนอื่น ปกติแล้วสิ่งนี้จะอยู่ภายในความคิดนางเท่านั้น หากเผ่าผู้ใช้เวทรู้ว่านางขโมยปิ่นมา นางก็จะเสียฐานะนี้ไปและตายอย่างอเนจอนาถแน่นอน!

 

 

“ตอนที่อยู่ในตระกูลโอว ข้าต้องแสร้งทำตัวดีแล้วสวมหน้ากากใส่คนอื่นอยู่ตลอด มีแค่วิธีนี้ ข้าถึงจะขึ้นไปอยู่เหนือผู้อื่นได้ แต่ตอนนี้ ด้วยฐานะนักบวชหญิงของเผ่าผู้ใช้เวท ข้าไม่ต้องทำตัวเสแสร้งอีกต่อไปแล้วตำแหน่งของข้าก็อยู่สูงที่สุด ใครที่ไม่ฟังคำสั่งข้าก็ต้องตาย!”

 

 

ดวงตานางเป็นประกายสังหาร แล้วนางก็หัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ เห็นได้ชัดว่านางมีความสุขกับชีวิตตัวเองตอนนี้มาก

 

 

 

 

หุบเขาผู้ใช้เวท

 

 

มีเมืองเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวาตั้งอยู่ที่ตีนเขา ผู้อยู่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นทั้งซื่อสัตย์และเรียบง่าย รวมถึงตัวเมืองก็เห็นได้ชัดว่าเจริญรุ่งเรือง

 

 

“เสี่ยวโม่ พวกเราหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของหุบเขาผู้ใช้เวทอย่างรอบคอบกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางเบาๆ ดวงตาเป็นประกาย

 

 

ต้องขอบคุณที่ชาวเมืองใสซื่อมาก อวิ๋นลั่วเฟิงจึงเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดในหุบเขาผู้ใช้เวทได้อย่างรวดเร็ว ภายในหุบเขาผู้ใช้เวทมีจุดอันตรายหลายแห่ง ถ้าใครก็ตามที่ไม่รู้เรื่องพื้นที่นี้ดีแล้วหลงเข้ามา พวกเขาต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นแน่นอน อีกอย่าง ถึงแม้วิชาปรสิตของเผ่าผู้ใช้เวทจะไม่ทำให้คนตกอยู่ในอันตราย แต่ก็ทำให้พวกเขาติดพิษถึงตายได้! แล้วนี่ก็คือพลังอันแสนน่ากลัวของเผ่าผู้ใช้เวท!

 

 

“เสี่ยวโม่ ดูเหมือนว่าเราต้องเตรียมตัวเต็มที่ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปเผ่าผู้ใช้เวท” ดวงตาอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายก่อนมุมปากนางจะยกขึ้นเผยรอยยิ้มเฉื่อยชา “พวกเราหาที่พักกันก่อนเถอะ”

 

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายชราท่าทางสุภาพที่อยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงก็แนะนำอวิ๋นลั่วเฟิงพร้อมหัวเราะเบาๆ “แม่นาง ที่เมืองของพวกเราไม่มีโรงเตี๊ยมหรอกนะดังนั้นถ้าเจ้าอยากพักผ่อน เจ้าก็มาที่บ้านข้าได้ บ้านข้าไม่ได้มีคนเยอะ นอกจากข้าแล้วก็มีแค่คุณหนูตัวน้อยที่ข้าเพิ่งรับมาไม่นาน”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงใคร่ครวญสักครู่แล้วพยักหน้าเบาๆ “รบกวนแล้ว”

 

 

ความแข็งแกร่งของชายชราธรรมดามาก แล้วก็ไม่มีท่าทางคุกคามนาง แต่ถึงอย่างนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่ได้ผ่อนปรนการเฝ้าระวังและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

 

 

“แม่นาง ที่นี่คือจวนของข้าเอง” ชายชราหยุดแล้วเปิดประตูไม้เก่าๆ แล้วเชิญอวิ๋นลั่วเฟิงกับเสี่ยวโม่เข้าข้างใน ตอนนั้นก็มีเด็กผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ในห้องแล้ว ใบหน้าของนางมีผ้าคลุมหน้าปิดไว้ มีแค่ดวงตามืดมัวและไร้ชีวิตของนางที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเท่านั้นที่เห็น

 

 

อาจจะเป็นเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู นางจึงเงยหน้าขึ้น และเมื่อนางเห็นสตรีชุดขาวยืนอยู่หน้าประตู นางก็ชะงักไปอย่างงุนงงชั่วครู่ก่อนจะรีบลุกพรวดพราดแล้วพุ่งเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิงประหนึ่งสายฟ้า

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงสัมผัสถึงเจตนาสังหารจากตัวเด็กหญิงไม่ได้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ขยับไปไหนแล้วมองเด็กหญิงสวมผ้าคลุมเงียบๆ ดูเหมือนคอของเด็กสาวจะมีปัญหาบางอย่าง จึงมีแต่เสียงที่เข้าใจไม่ได้ออกมาพร้อมแสดงท่าทางและความรู้สึกผ่านทางดวงตาเหมือนกับว่านางต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงมองนางอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถาม “เจ้ารู้จักข้างั้นหรือ”

 

 

เมื่อได้ยินคำถาม เด็กหญิงก็พยักหน้าอย่างแรงแล้วดวงนางก็เป็นประกาย ทันใดนั้นนางก็หยิบเศษกระดาษออกมาจากแล้วเขียนข้อความสั้นๆ ลงไป

 

 

‘อวิ๋นลั่วเฟิง ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า!’