ตอนที่ 296 ไข่แฝด

แม่ครัวยอดเซียน

หลิวหลีลูบไข่ที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่อย่างเบามือ

“เด็กน้อย เจ้าอยู่ในท้องแม่คงจะกินดีมากทีเดียว ดูสิ ไข่ของเจ้าใหญ่กว่าอาจื่อฉีของเจ้าในตอนนั้นตั้งเยอะ ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งเลย เจ้าว่าแม่ของเจ้าจะคลอดเจ้าออกมาได้หรือ”

ดูเหมือนเด็กน้อยจะสัมผัสได้ถึงหลิวหลี นางรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านเปลือกไข่ อืม สัมผัสดีทีเดียว

“ว่าแต่ เด็กน้อย ต้องเลี้ยงเจ้าอย่างไรล่ะ อยากได้อะไร?” หลิวหลีกังวล นี่ไม่ใช่เด็กด้วยซ้ำ เป็นไข่ ต้องให้กินอะไร

“คุณพระ ใหญ่ขนาดนี้เลยหรือเนี่ย เป็นเด็กดีนะ” เอ๋าเฟิงตกใจกับขนาดของไข่ใบนี้ เด็กนี่ต้องแข็งแรงกำยำมากแน่

“บรรพชนเอ๋าเฟิง ต้องดูแลเด็กคนนี้อย่างไร ข้าเคยแต่ดูแลจื่อฉีที่ฟักตัวออกมาแล้ว จากสภาพไข่ใบนี้ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะดูแลอย่างไร” หลิวหลีกังวลเล็กน้อย นางไม่มีประสบการณ์ดูแลไข่มาก่อน ควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

“ไม่เป็นไรให้เข้าหอกาลเวลาด้วยกัน ฟักตัวออกมาเร็วหน่อยก็เรียบร้อย หลิวหลี ข้าขอขอบคุณเจ้ามาก” เอ๋าเฟิงทอดถอนใจ ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายหลิวหลีจะช่วยลูกของเอ๋าเฟิงและอิงเสวี่ยไว้ได้ ไข่ฟองใหญ่ขนาดนี้ น้อยคนนักจะคลอดออกมาได้ นังหนูทำได้อย่างไรกัน

“ไม่ๆ ไม่เป็นไร ข้าก็รอคอยการมาถึงของเด็กคนนี้อยู่เหมือนกัน” นางชอบมากเลยล่ะ โดยเฉพาะความรู้สึกที่สัมผัสได้เมื่อครู่ทั้งที่เปลือกไข่ขวางกั้น นางชอบมากจริงๆ

“นังหนู ข้าถามเจ้าได้หรือไม่ว่าเจ้าทำคลอดได้อย่างไร ผู้บำเพ็ญหญิงที่มีประสบการณ์ล้วนบอกว่าไม่อาจทำคลอดได้” ได้เรียนรู้สักนิด ไม่แน่ว่าอสูรเทพอย่างพวกเขาอาจมีคนมากขึ้น

“เรื่องนี้ ข้าพูดไม่ถูกจริงๆ หากข้าบอกไปแล้ว คาดว่าพวกเจ้าต้องเกลียดข้าแน่ ไม่พูดดีกว่า” หลิวหลีส่ายหน้า พูดจาไร้สาระไปได้ แม้จะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรแต่สุดท้ายก็ยังเป็นคนโบราณ คนโบราณจะรับวิธีคลอดลูกเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า ร่างกายเนื้อหนัง บิดามารดามอบให้ ห้ามทำร้าย แต่นางกรีดมีดลงบนท้องของอิงเสวี่ยอย่างแท้จริง

ไม่ว่าเอ๋าเฟิงจะถามอย่างไร หลิวหลีก็ไม่ปริหากจนสุดท้ายก็อุ้มไข่ไปยังหอกาลเวลา

“อิงเสวี่ย เจ้าดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เอ๋าเลี่ยมองดูอิงเสวี่ยที่กำลังหน้าซีดร่างกายอ่อนแออย่างเป็นกังวลใจ ฮูหยินของเขาต้องลำบากแล้ว

“ไม่เป็นไร ลูกของเราเกิดมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ดีจริงๆ ไม่รู้ว่าลูกกินอยู่อย่างไรถึงได้กลายเป็นไข่ฟองใหญ่ขนาดนั้น” เมื่ออิงเสวี่ยคิดว่าไข่ขนาดมหึมาอยู่ในท้องของตนก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าที่นางกินเยอะจนจะคลอดไม่ได้ก็อยู่ในการคาดการณ์ของหลิวหลีด้วยเช่นกัน

“ข้าไม่เห็น โชคดีที่ข้าได้นังหนู เมื่อครู่ที่ผู้บำเพ็ญหญิงออกมา ข้าประสาทเสียจนเกือบจะบุกเข้าไป แล้วก็ถูกเจ้าเด็กเวิ่นเทียนขวางไว้ ดีที่เขาขวางข้าไว้ ไม่อย่างนั้น ไม่แน่ข้าอาจจะทำเสียเรื่องหมด” เอ๋าเลี่ยยังคงหวาดกลัวและพูดออกมา

“เจ้านี่นะ ดีที่เจ้าไม่ได้เข้าไป ไม่อย่างนั้นข้ากับลูกอาจมีอันตรายได้” อิงเสวี่ยกลัวเล็กน้อย หากเอ๋าเลี่ยเข้าไปเห็นหลิวหลีผ่าท้องนาง เขาต้องรับไม่ไหวแน่

“ทำไม หรือว่านังหนูนั่นทำอะไรน่ากลัวๆเช่นนั้นหรือ?” เมื่อได้ยินคำพูดของอิงเสวี่ย เอ๋าเลี่ยก็เข้าใจทันทีว่านังหนูไม่ได้ใช้วิธีทำคลอดแบบปกติ

“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ เจ้ารู้ไหมว่าลูกของเราคลอดออกมาอย่างไร? หลิวหลีผนึกประสาทสัมผัสทั้งห้าของข้าแล้วผ่าท้องของข้าให้เปิดออก หยิบลูกของข้าออกมา แล้วใช้วิชาเซียนผสานบาดแผลอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยังบาดเจ็บถึงลมปราณ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยพวกเราก็สามารถคอยดูลูกเติบโตได้” คำพูดที่อิ่งเสวี่ยพูดออกมาทำให้เอ๋าเลี่ยเงียบงัน ก็ถูก หากตอนนั้นเขาเข้าไปเห็นหลิวหลีผ่าท้องอิงเสวี่ยจริงๆ เขาก็ไม่อาจรับรองได้ว่าตนจะทำอะไรลงไปบ้าง โชคดีที่เขาไม่ได้เข้าไป โชคดีที่อิงเสวี่ยและลูกไม่เป็นอะไร โชคดีที่นังหนูช่างใจกล้านัก

“น้องหญิง บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าหลิวหลีไม่ใช่คนในโลกเดียวกันกับเรา ทั้งที่นางอายุขัยน้อยกว่าเราตั้งมากขนาดนั้นแต่กลับเข้าใจเรื่องมากมาย ข้ารู้สึกว่าอันที่จริงนางเป็นผู้ยิ่งใหญ่กลับชาติมาเกิด” เอ๋าเลี่ยพูด หลิวหลีเก่งกาจเกินไปจริงๆ

“พอพูดเช่นนี้แล้ว ข้าก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน” อิงเสวี่ยก็รู้สึกเช่นนี้ ความคิดและการกระทำที่อุกอาจแบบนาง ไม่ใช่ทุกคนจะใจกล้าเช่นนั้นได้ ความรู้สึกแบบนั้นราวกับนางเคยเห็นมาก่อน

“พวกเราอย่าเพิ่งพูดเลย ลูกก็คลอดออกมาแล้ว ตอนนี้เจ้าต้องทำตัวให้แข็งแรง ส่วนลูกของเรา หลิวหลีจะต้องดูแลได้เป็นอย่างดีแน่ ข้าเพิ่งรู้ว่าหลิวหลีเป็นคนเลี้ยงดูจื่อฉีมาจนโต สั่งสอนเลี้ยงดูเป็นอย่างดี” เอ๋าเลี่ยเล่าเรื่องจื่อฉี เพื่อให้อิงเสวี่ยสบายใจ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี อิงเสวี่ยรีบเข้าฌาณเพื่อรักษาตนเอง จื่อฉีเป็นอย่างไรนางย่อมรู้ดี เห็นการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันของจื่อฉีและมู่มู่ แล้วยังวิธีการแก้ปัญหาและปฏิบัติกับผู้อื่นของจื่อฉี อิงเสวี่ยก็เข้าใจ หลิวหลีเลี้ยงเด็กเก่งมาก

อีกด้านของหอกาลเวลา หลิวหลีเช็ดเหงื่อที่ไม่ได้มีอยู่บนหน้าผาก จริงๆเลย จะให้ป่าวประกาศวิธีนั้นออกไปได้อย่างไร หากไม่ระวังได้จบเห่ทั้งสองชีวิตแน่

“น้องหญิง เจ้าหนีสิ่งใดมา?” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ยถาม ทำเอาหลิวหลีตกใจ

“ท่านพี่ จะไม่ให้ข้าหนีได้อย่างไร วิธีที่ข้าทำนั้น ไม่ใช่ใครก็สามารถใช้ได้ หนึ่งร่างสองชีวิตเลยนะ” ทันทีที่หลิวหลีเห็นว่าเป็นสามีของตนก็พูดออกมาอย่างโล่งอก ตัวนางเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้สำเร็จ อย่างไรเสียนางเคยเห็นตำแหน่ง แต่ไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัสที่น่าจะตกตะลึงของตนเอง ถึงได้ตัดสินใจทำลงไป

“ข้าว่าแล้วเชียวว่าน้องหญิงต้องใช้วิธีที่ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นก็คงไม่หนีแบบนี้” หนานกงเวิ่นเทียนเดาออกว่าวิธีที่หลิวหลีใช้นั้นต่างจากวิธีทั่วไป อาจถึงขั้นที่เป็นวิธีที่ทุกคนรับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นนางคงไม่เก็บเป็นความลับเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปริปาก

“เฮ้อ หากจะให้ข้าทำอีกครั้ง ข้าก็ไม่กล้ารับรองได้ว่าจะทำได้สำเร็จ เด็กน้อย เจ้าโชคดีมากทีเดียว” หลิวหลีตบไข่เบาๆ เด็กน้อยภายในเปลือกไข่คลอเคลียหลิวหลี อืม น่ารักดีทีเดียว

เวลาผ่านล่วงเลยไปโดยที่หลิวหลีหยอกล้อกับไข่ทุกวัน ไม่มีอะไรก็แช่ไข่ลงในน้ำแร่ เล่านิทานให้ไข่ฟัง โดยไม่ทันได้สังเกต จนเริ่มเกิดรอบปริร้าวบนเปลือกไข่ หลิวหลีถึงได้มารู้ทีหลังว่าไข่จะฟักตัวแล้ว จึงรีบเอาไข่ออกไป ทุกคนมองไข่อย่างคาดหวังว่าจะฟักออกเป็นสิ่งใด นางก็ยิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น

เสียงแตกร้าวของเปลือกไข่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเปลือกไข่แตกออกไปชิ้นหนึ่ง ก็มีปีกน้อยๆชื้นแฉะปรากฎออกมา

“หงส์น้อยนี่เอง” เอ๋าเฟิงผิดหวังเล็กน้อย

เมื่อเปลือกไข่ร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเปลือกไข่ก็ถูกดันขึ้นมา เป็นศีรษะของมังกร ทุกคนมองไปทางหลิวหลี สายตาของนางเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา นางแค่พูดไปอย่างนั้นเองจริงๆ เหตุใดถึงได้เป็นมังกรที่มีปีกหงส์ล่ะ แย่แล้ว พอเอ๋าเลี่ยออกมาคงได้ฆ่านางแน่

ไม่มีใครยอมดูต่อแต่ หลิวหลียังคงฝืนดูต่อไป ทำไมถึงได้ตัวเล็กเช่นนี้

หลิวหลีขยับเข้าไปใกล้อีกนิด มังกรน้อยดันเปลือกไข่ออกพอดี ดวงตาโตทั้งคู่นั้นจ้องหลิวหลี

“ท่านแม่” จากนั้นปีกด้านหลังก็ขยับ ศีรษะมังกรโค้งไปทางด้านข้าง แล้วศีรษะของหงส์น้อยก็ปรากฏขึ้น

“ท่านแม่”

หลังจากนั้นหลิวหลีก็ตะลึงขณะมองดูมังกรตัวน้อยปีนป่ายออกมาจากไข่ แล้วยังมีหงส์น้อยอีกตัวหนึ่ง ไข่แฝด