เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ร้องขออะไรอีก ทั้งไม่กล้าร้องขอมากขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาหวังก็คือ เขายังมีประโยชน์ให้หลอกใช้ในสายตาของนางบ้าง และต้องไม่ด้อยค่าไปกว่าประโยชน์ของเป่ยเฉินอี้ เช่นนั้น…ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ในการเดิมพันนี้…นางจะเลือกเขา
เยี่ยเม่ยฟังแล้วหลับตาลง
รู้สึกปวดหนึบที่จมูกทว่าไม่ปล่อยให้เขาจับได้ นางหลับตาลง เอ่ยคำพูดที่ใจดำอำมหิตขึ้นไปอีก “หากข้าเลือกท่านจริง ข้าไม่หยุดแค่หลอกใช้ท่านเท่านั้น ข้ายังจะทำตามคำพูดของท่าน…หลังเรื่องเสร็จสิ้นแล้วก็สังหารท่านโดยไม่ลังเล!”
นางฆ่าเขาลงจริงหรือ
นางเองก็ไม่รู้ นางคิดว่าตัวเองน่าจะทำไม่ลง แต่ว่า….หากพูดไปแล้วช่วยลบความคิดของเขา บีบให้เขาถอยไปได้ก็ไม่ใช่ไม่ดี
นางรู้ว่าเขาเกลียดเป่ยเฉินเซี่ยว เกลียดเสด็จพ่อของเขา แต่ว่าเพราะภารกิจอันยิ่งใหญ่ของนางในภายหน้า เขาต้องก้มหัวให้กับคนที่เขาเคยเกลียดแค้น ทำเรื่องที่เขาไม่อยากทำ ซ้ำสุดท้ายยังต้องส่งคนในตระกูลเขาสู่หนทางแห่งความตายด้วย…
ความจริงนางไม่ยินยอม ไม่ยินยอมทำให้ชีวิตเขาวุ่นวาย นางทำร้ายจิตใจเขาแล้ว นางไม่อยากให้อนาคตเขาต้องแบกรับคำก่นด่าเป็นคนทรยศบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อนาง
ดังนั้นนางยอมเป็นคนไร้หัวใจ ใจดำอำมหิตขึ้นเพื่อบีบให้เขาจากไป
จากนั้น
หลังจากเยี่ยเม่ยเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มเยาะตัวเอง มองแผ่นหลังของนาง ค่อยๆ กล่าวว่า “ชีวิตคนเราสุดท้ายก็ต้องตาย การตายในมือเจ้า สำหรับเยี่ยนแล้วคือความโชคดีไม่มีอะไรเปรียบได้!”
ชั่วขณะนั้น เยี่ยเม่ยพลันเกิดความคิดหันกลับไปด่าว่าเขา
ว่าเขาเป็นตัวโง่งม เป็นเจ้าทึ่ม ด่าให้เขาได้สติ
แต่ว่า…
นางไม่กล้าและทำไม่ได้เช่นกัน
สุดท้ายหลังจากเงียบไปสักพัก เยี่ยเม่ยเอ่ยปาก “ท่านยอมแพ้เถอะ ท่านมีวงศ์ตระกูลของท่าน ทั้งมีเส้นทางของท่าน ระหว่างท่านกับข้าจบสิ้นกันไปนานแล้ว อันที่จริงท่านควรแค้นข้าด้วยซ้ำ แค้นที่ข้าหลอกลวงความรู้สึกท่านเพราะภารกิจของตัวเอง แค้นที่มาถึงวันนี้ข้ายังคงคิดสังหารท่าน…หาใช่ทำเช่นนี้ตอนนี้ มาขอร้องให้ข้าหลอกใช้ท่านต่อไปอีก”
เมื่อนางกล่าวจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกอดนางจากด้านหลังอีกครั้ง เอ่ยเบาๆ “หากเป็นไปได้ ข้ายินดีละทิ้งแซ่นี้ ไม่ว่าจะแซ่อะไรก็ดี เปลี่ยนเป็นจงเจิ้งตามเจ้าก็ได้…เจ้าเคยบอกว่าเจ้าแซ่ป๋าย เช่นนั้นแซ่ป๋ายก็ได้ เยี่ยเม่ย ขอเพียงเจ้าไม่ผลักไสเยี่ยน ไม่ว่าเรื่องอันใดเยี่ยนก็ยอมทำ ผลลัพธ์เป็นเช่นไร เยี่ยนแบกรับเอง!”
นางก้มหน้าลง มองท่อนแขนเขาที่โอบเอวนางไว้
หลังจากนางเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยว่า “อย่างนั้นท่านรู้หรือไม่ว่า ข้าเป็นคนของกูเยว่อู๋เหินแล้ว”
จากคำพูดนี้ของนาง ทำให้นางสัมผัสได้ว่าท่อนแขนเขาสั่นไหวไปเล็กน้อย
นางยิ่งเข้าใจว่าคำพูดเช่นนี้ของนางส่งผลกระทบกับจิตใจเขา ดังนั้นนางจึงเอ่ยต่อว่า “ท่านก็รู้ กูเยว่อู๋เหินอยู่ข้างกายข้างที่ชายแดนเป็นเวลาสามเดือน ข้าเองก็ชอบเขา พวกเรามีเวลาที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เขาทำให้ข้าผ่อนคลายมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเขา หรือว่าการกระทำบนเตียงของเขา…”
“พอแล้ว!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตัดบทเสียงแข็ง
เขาพลิกกายนางกลับมา กดนางเข้าที่กรอบหน้าต่าง กดจูบอย่างหนักหน่วง
ยามที่ริมฝีปากกระทบกัน เขาลงมืออย่างหนักหน่วง เยี่ยเม่ยรับรู้ถึงความโกรธของเขา เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ไม่อาจบอกว่าไม่ใส่ใจได้ทั้งนั้น หากไม่ใส่ใจ นั่นคือการโกหก
เขาจูบนางอย่างรุนแรง
ทั้งรุนแรง ทั้งแฝงด้วยโทสะ ทั้งเจือด้วยความอิจฉา และปน…ความโศกเศร้า
เยี่ยเม่ยไม่ได้ปฏิเสธเขาเลย
นี่ถือเป็นการสนิทแนบชิดที่สุดของพวกเขาในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
หลังจากจูบนี้ผ่านไป ลมหายใจของทั้งคู่ก็สับสนอยู่บ้าง
เขายื่นมือออกมาลูบริมฝีปากบวมแดงเพราะถูกจูบ น้ำเสียงอ่อนโยนแกมขอร้อง “อย่าพูดถึงเขาอีกได้หรือไม่”
นางอยากให้เขาอิจฉาจนคลุ้มคลั่งหรือไง
เยี่ยเม่ยจ้องดวงตาของเขา ฝืนใจแข็งเอ่ยต่อว่า “ท่านควรจำได้ว่า ที่หอสังเกตการณ์วันนั้น พวกเราจูบกันต่อหน้าท่าน ดังนั้นข้าไม่ได้โกหก พวกเราทำเรื่องแบบนั้นแล้ว ซ้ำไม่ใช่ครั้งเดียวอีกด้วย!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้
เขาบีบบ่าของนางอย่างรุนแรง จนนางรู้สึกเจ็บปวดที่กระบอกตาเขาแดงก่ำ กัดฟันมองสตรีเบื้องหน้า
เขาจับจ้องสตรีไร้หัวจิตหัวใจ น้ำเสียงพลันสูงขึ้นเอ่ยอย่างดุดันว่า “พอแล้ว! เยี่ยเม่ย เจ้าจงฟังไว้ ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะทำไปกี่ครั้งแล้ว ข้าไม่สนว่าเจ้าจะผ่านผู้ชายมากี่คน หรือเคยคลอดลูกให้ใครมาก่อน สรุปคือข้าต้องการแต่งกับเจ้า! หากเจ้าไม่อยากให้ข้าสังหารเขา ก็อย่าเอ่ยถึงเขาอีก ได้หรือไม่”
เขาไม่มั่นใจเลยว่า หากนางยังเอ่ยคำพูดเหล่านี้ต่อไปอีก เขาจะมุ่งไปสังหารกูเยว่อู๋เหินโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้นหรือไม่
แต่ว่า นางจะแค้นเขาตั้งแต่นี้ไปใช่หรือไม่
นางจะแค้นเขาเพื่อกูเยว่อู๋เหิน แค้นเขาไปทั้งชีวิต
“ข้ากับเสด็จอาสามารถช่วยเจ้าได้ กูเยว่อู๋เหินไม่อาจช่วยเจ้าได้!” เขาบีบไหล่นาง เอ่ยออกมาอย่าเกรี้ยวกราด
ตอนนี้โอกาสชนะของเขาคืออะไร
เขาพลันรู้สึกเศร้าสลด โอกาสได้รับชัยชนะของเขา ก็แค่สำหรับนางแล้ว เขามีคุณค่าใช้สอยมากกว่ากูเยว่อู๋เหินเท่านั้นหรือ
กูเยว่อู๋เหินร่ำรวยก็จริง ทั้งยังมีขุมกำลังแข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ แต่ว่าในราชสำนัก อีกฝ่ายไร้อำนาจไร้กำลัง คิดจะก่อสร้างขึ้นมาก็หาใช่เวลาเพียงวันเดียว
ทั้งๆ ที่เขาเตรียมใจรับผลไว้ตั้งแต่ตอนมาแล้ว ผลลัพธ์ที่ว่านางเพียงหลอกใช้เขาเท่านั้น
แต่ว่าเมื่อเรื่องราวเป็นจริง หมากในมือเขาเหลือเพียงแค่นี้ หากบอกว่าไม่เจ็บใจนั่นคือคำโกหก
อันที่จริงเขาเคยหวังว่านางจะจริงใจกับเขา สักน้อยนิดก็ยังดี ขอเพียงแค่ส่วนหนึ่ง หรือว่าครึ่งส่วนก็ได้
แต่ว่าไม่มีเลยสักนิด
นางรักกูเยว่อู๋เหิน ถึงขั้นยามไร้ตำแหน่งฐานะมีความสัมพันธ์กับบุรุษผู้นั้น ชั่วชีวิตของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่เคยริษยาใครมาก่อน ใช่ ริษยา เขาริษยาเจียนจะคลุ้มคลั่ง ริษยาจนแทบอยากฆ่าคน
แต่ว่า…
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
เขายังไม่อาจปล่อยนางไปได้!
สุดท้ายเขาก็ยังเอ่ยเสียงอ่อนลง มองสตรีที่รัก “ขอเพียงเจ้าแต่งกับเยี่ยน เยี่ยนไม่ถือสาที่เจ้ามีเขาอยู่ในใจ…”
“ต่อให้ในท้องข้ามีลูกของเขาน่ะหรือ” เยี่ยเม่ยถามกลับเสียงเย็นชา
เขาสั่นไปเล็กน้อย กำหมัดแน่น จ้องตานาง ฝืนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่! ต่อให้เจ้าตั้งครรภ์ลูกของเขา ข้าก็…!”
“รอข้าสังหารคนของเป่ยเฉินจนหมดสิ้น สังหารท่าน จากนั้นข้าจะอยู่ร่วมกับกูเยว่อู๋เหิน ข้าก็จะลืมท่านที่เคยหลอกใช้ไป นี่คือบทสรุปที่ท่านต้องการอย่างนั้นหรือ”
นางไม่หยุดที่จะท้าทายขีดจำกัดของเขา ทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อให้เขายอมปล่อยมือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังนางเอ่ยจบ กลับยิ้มกอดนางแน่น กระซิบว่า “ไม่ผิด ต่อให้จุดจบเป็นเช่นนี้ก็ดีกว่าข้าเห็นเจ้าแต่งงานกับคนอื่น!”