บทที่ 264 ประจัญหน้าปราสาทใต้พิภพชั้น 2

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 264 ประจัญหน้าปราสาทใต้พิภพชั้น 2

“พี่เซียว ฉันได้ข่าวใหม่มาล่ะ!”

เซียวเฟิงเพิ่งออกจากนครศักดิ์สิทธิ์และกำลังวุ่นอยู่กับการจัดการมอนสเตอร์ที่อยู่บริเวณชั้น 2 ของปราสาทใต้พิภพ ขณะที่เฉียนโตวโตวโทรหา

“ข่าวอะไร?” เขาไม่สามารถคาดเดาได้จึงถามออกไปโดยที่ตาก็ยังจ้องอยู่กับการแยกชิ้นส่วนไอเทมระดับทั่ว ๆ ไปด้วยสกิลหลอมไอเทมไปด้วย

“วิธีที่จะสามารถเปิดเผยศัตรูที่ล่องหนได้ยังไงล่ะคะ!” เธอพูดต่อด้วยเสียงที่เบาลงราวกับจะขอคำชม

“ว่ายังไงนะ? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลย!”

แต่ตอนนี้เซียวเฟิงกลับไม่ได้คิดถึงเรื่องกล่าวชมแล้ว เขากำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหานเฟิงที่ถ่อย ๆ น่ะค่ะ พี่รู้ใช่ไหมว่าพวกฮันเตอร์เลเวล 20 น่ะจะมีสกิล ‘สัจจะวิสัย’ ที่ไว้ใช้แก้ทางพวกตัวล่องหนได้ ไม่นานมานี้ฉันเพิ่งจะใช้ทักษะการตรวจสอบตัวตนของฉันไปตรวจสอบความสามารถในอาชีพของเขามา แล้วถึงได้เห็นว่าเขาได้เรียนรู้สกิลสัจจะวิสัยเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเลเวลของมันก็ค่อนข้างสูงเลยด้วย น่าจะสามารถปะทะกับมอนสเตอร์หรือใช้ส่องทะลุไอเทมล่องหนระดับเทพเจ้าได้เลย” เฉียนโตวโตวพูด

“หานเฟิงงั้นเหรอ? ได้สิ ตอนนี้เขาอยู่กับเธอหรือเปล่า? ถ้ายังไงบอกเขาให้ไปรอที่จุดวาร์ปเมืองเทียนหลงก็แล้วกัน” เซียวเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไป

“ใช่ค่ะ เขาเพิ่งจะมาฝากขายไอเทมแล้วเพิ่งตกลงราคากันเสร็จ ถ้ายังไงฉันจะเอาคำพูดของพี่เซียวไปบอกเขาให้นะคะ” เฉียนโตวโตวพูดจบก็วางสายเพื่อไปทำตามที่บอกไว้

หลังจากที่จัดการมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเร็วสูงสุดและเก็บไอเทมที่มีค่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวเฟิงก็ใช้ใบวาร์ปพาตัวเองกลับไปยังเมืองเทียนหลงอย่างไม่รอช้า

“ลูกพี่ ฉันได้ยินมาว่าลูกพี่หาฉันอยู่เหรอ?”

หานเฟิงที่รออยู่ที่จุดวาร์ปรีบเดินเข้ามาหา หลังเห็นว่าเซียวเฟิงวาร์ปมาแล้ว

“สัจจะวิสัยของนายมองเห็นสกิลล่องหนได้ระดับไหน?” เซียวเฟิงรีบถามทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา

ไอเทมของหานเฟิงนั้นไม่ได้แย่เลย ยังไงซะเขาก็มีไอเทมระดับเทพเจ้ามาจากกิจกรรมเซิร์ฟเวอร์ล่าสมบัตินั้นด้วย ดังนั้นไอเทมทั้งตัวของเขาจึงดีกว่าซือเยี่ยจิ๋งตอนนี้เสียอีก มันประกอบไปด้วยไอเทมระดับทองทั้งตัว ยกเว้นส่วนของเครื่องประดับที่ผสมกับระดับเงินและระดับน้ำเงินบ้าง

“สกิลสัจจะวิสัยเหรอ? สกิลนั่นของฉันเป็นของตอบแทนที่ได้จากการเปิดอาชีพลับได้ เพราะงั้นมันน่าจะอยู่ระดับเทพเจ้าเลยมั้งนะ” หานเฟิงอธิบาย

“ระดับเทพเจ้า? แค่นั้นก็พอแล้ว มาช่วยฉันกำจัดบอสที่ล่องหนได้ตลอดเวลาที” ความหวังปรากฏในใจเซียวเฟิงอีกครั้งขณะพูด

“ได้เลยลูกพี่”

หานเฟิงรีบตอบรับด้วยความตื่นเต้น แต่ไหนแต่ไร การกำจัดบอสเองก็ถือเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจผู้เล่นทุกคนอยู่แล้ว และครั้งนี้มันยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขาจะได้อยู่ปาร์ตี้เดียวกับเซียวเฟิงอีก

ขนาดผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียยังต้องมาหาคนช่วยปราบบอส แสดงว่าบอสตัวนี้คงจะเทียบกับบอสตัวเล็กทั่ว ๆ ไปไม่ได้แน่ ๆ

และเมื่อคิดถึงไอเทมที่มันจะดร็อป หานเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะไปปราบบอสตัวที่ว่านี้เร็ว ๆ เสียแล้ว

จะเป็นอะไรกันนะ ไอเทมระดับเทพเหรอ? หรือเป็นระดับอาร์ติแฟกต์เลย? ไม่มั้ง…

ไม่นานนัก เซียวเฟิงและหานเฟิงก็เปิดจุดวาร์ปและมุ่งหน้าสู่ภูเขากระดูกกันในทันที

ระหว่างการเดินทางนั้นต้องใช้เวลามากขึ้นนิดหน่อยเพราะหานเฟิงไม่ได้มีสัตว์ขี่ใด ๆ เขาจำเป็นต้องวิ่งด้วยตนเองมาตลอดทาง จากเรื่องที่เขาเล่ามา สรุปได้ว่าการที่เขาไม่สามารถใช้สัตว์ขี่ได้นั้น เป็นเพราะคลาสเรนเจอร์ของเขาเองมีข้อห้ามด้านการใช้สัตว์ขี่ กระนั้นแล้วก็สามารถทดแทนด้วยความแข็งแกร่งของการเป็นอาชีพลับมาแทน

ถึงแม้เซียวเฟิงจะมีทักษะการขี่สัตว์ระดับสูงซึ่งสามารถทำให้เขาสามารถขี่สัตว์กับคนอื่นได้ แต่สำหรับเซียวเฟิงแล้ว การที่ต้องมาขี่ม้ากับผู้ชายด้วยกันเองมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องสักเท่าไหร่ ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ยอมทำเช่นนั้น และยอมที่จะไม่เรียกเสี่ยวเสวียมาเพื่อวิ่งไปกับหานเฟิง

โชคยังดีที่ความเร็วของหานเฟิงนั้นเร็วพอจะตามเซียวเฟิงที่มีค่าความคล่องตัวระดับสูงได้ อย่างน้อย ๆ มันก็ช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางได้ระดับหนึ่ง

หลังจากที่ฝ่ากลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มาเก็บเลเวลที่ภูเขากระดูกแห่งนี้มาแล้ว พวกเขาก็มาถึงทางเข้ามหาสุสานใต้พิภพ

“นี่มัน แผนที่ลับ! ลูกพี่ ไอ้บอสตัวนี้ที่ต้องไปเจอมันไม่ง่ายแน่ ๆ เลย ใช่ไหม?”

ด้วยแววตาที่เฉียบคม มันทำให้หานเฟิงสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่เห็นแผนที่ของมหาสุสานใต้พิภพแห่งนี้ว่ามันเป็นแผนที่ระดับสูง เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจและตื่นเต้นมากขึ้นอีกระดับ

“พวกเราอาจจะได้อาร์ติแฟกต์กันจากที่นี่” เซียวเฟิงไม่ได้จงใจจะล่อลวง แต่ยังไงเสียเดี๋ยวอีกฝ่ายก็ต้องรู้เองอยู่ดีหลังจากอาร์ติแฟกต์มันดร็อปลงมาแล้ว

“พระเจ้า! อาร์ติแฟกต์เลยเหรอ!”

หานเฟิงพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำใจตัวเองให้สงบ แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขาก็ยังเป็นประกายขณะที่จ้องมองไปยังเซียวเฟิงอยู่เรื่อย ๆ ด้วย

“เอ่อ ลูกพี่… ฉันขอส่วนแบ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการปราบบอสด้วยได้หรือเปล่า? แบบว่าถ้ามีไอเทมระดับเทพเจ้าที่ไม่ได้ดีอะไรนักดร็อปลงมาหรืออะไรที่ลูกพี่ไม่ใช้ ฉันขอได้ไหม?”

“ฉันต้องการแค่อาร์ติแฟกต์ เพราะงั้นถ้าหากมีอะไรที่ไม่ใช่อาร์ติแฟกต์ดร็อปลงมา นายก็เอาไปได้เลย” เซียวเฟิงพูดเรื่อยเปื่อย ยังไงเสียนี่ก็ไม่น่าจะมีไอเทมระดับเทพเจ้าดร็อปลงมาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงกล้าตกลงกับหานเฟิงอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก

“เยี่ยมไปเลย! ลูกพี่ ฉันจะติดตามลูกพี่ตลอดไป! จะไม่มีวันหักหลังลูกพี่เด็ดขาด!” เมื่อได้รับคำยินยอม หานเฟิงก็เริ่มกล่าวชื่นชมเซียวเฟิง

“เลิกพูดมากได้แล้ว เราต้องลงมือเดี๋ยวนี้ เพราะถ้ากำจัดมอนสเตอร์ในชั้นที่ 1 ทั้งหมดไม่ได้ ก็จะไม่สามารถไปชั้นที่ 2 ต่อได้ เพราะงั้นนายแค่รวมมันเข้ามาไว้เป็นกลุ่ม ๆ ก็พอไม่ต้องช่วยโจมตี” เซียวเฟิงเดินนำเข้าไปยังชั้น 1 ของปราสาทใต้พิภพก่อน

ที่แห่งนี้ไม่มีผู้เล่นอื่นอยู่เลย อันที่จริงแผนที่ลับอย่างมหาสุสานใต้พิภพนั้นก็เป็นเรื่องอะไรที่ค่อนข้างจัดการได้ยากพอตัวเลย แม้แต่เซียวเฟิงเองยังต้องระวังตัวเป็นอย่างมากและใช้ความพยายามระดับสูงในการเอาตัวรอดจากที่นี่ไปในครั้งแรกที่มา

ตอนนี้เองก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีใครสามารถเอาตัวรอดไปจากแผนที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ระดับสูงที่มีเลเวลสูงกว่า 20 แต่ไม่ถึง 30 เพราะด้วยระดับเลเวลนี้มันทำให้พวกมันแต่ละตัวเทียบเท่าบอสได้เลย ซึ่งเซียวเฟิงเองก็ทำไม่ได้…

อย่างไรก็ตาม ที่เซียวเฟิงสามารถหลบรอดไปได้ก็เพราะการหาตำแหน่งยืนกับการซ่อนตัวเพื่อทยอยเก็บทีละตัวและมันง่ายต่อการกำจัดมอนสเตอร์ภายในนี้มากกว่า

หากเป็นผู้เล่นคนอื่น ๆ คงเลือกที่จะรออยู่ที่ทางเข้าแผนที่เพื่อให้ใครสักคนไปล่อมอนสเตอร์ออกมาเพื่อฆ่ามันทีละตัวด้วยวิธีต่าง ๆ นานา แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปในแผนที่ก่อนแล้ว ก็จะไม่สามารถออกมาได้อีกในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ บางทีอาจจะตายหลังจากเข้าไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นเองด้วย เพราะฉะนั้นหากจะใช้วิธีนี้จริง ๆ จำเป็นต้องหาจุดยืนภายในให้ดีและล่อมันไปจัดการด้านในนั้นแทน

แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน อย่างน้อย ๆ คนในปาร์ตี้นั้น ๆ ก็ต้องมีความสามารถและการทำงานเป็นทีมที่ดี แค่หนึ่งหรือสองคนน่ะ เอาชนะมันไม่ได้หรอก

ต่อให้เป็นเดอะวูล์ฟเองก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกดี ๆ กับการที่จะหามุมยืนที่ตนเองปลอดภัย รวมไปถึงใช้ประโยชน์จากฝีมือของเซียวเฟิงไปด้วย…

เมื่อตอนที่พวกเขาเข้ามายังแผนที่นี้ มอนสเตอร์ที่อยู่ชั้นที่ 1 นั้นถูกฆ่าไปเกือบจะหมดแล้ว เพราะงั้นพวกเขาจึงสามารถเดินสำรวจแผนที่แห่งนี้ไปได้มากกว่ากลุ่มอื่น

อย่างที่รู้กันว่าแผนที่ลับเช่นนี้เป็นอะไรที่ยากมาก ๆ ที่จะผ่านไปได้ หลัก ๆ ก็เพราะที่แบบนี้มีมอนสเตอร์ดุร้ายมากเกินไป ขนาดกิลด์ขนาดใหญ่อย่างเดอะวูล์ฟที่มีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นถึงผู้เล่นระดับสูงยังหยุดอยู่แค่ชั้น 2 และไม่กล้าเข้าไปลึกมากกว่านั้น แถมพวกเขายังอยู่แค่ด้านหน้าทางเข้าด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงบอสด้านในที่จะปรากฏหลังเจอมอนสเตอร์ธรรมดาหมดแล้วเลย

ความหฤโหดและดุร้ายของบอสนั้นจัดว่าน่ากลัวมาก ๆ สำหรับเซียวเฟิงนั้นเรียกว่ายาก แต่ถ้าสำหรับผู้เล่นทั่วไปแล้วมันถือว่าหายนะเลยก็ว่าได้ ไม่งั้นแล้วคงมีน้อยทีมนักที่โดนบอสเป่ากระจุยไปทั้งทีมจนต้องยอมแพ้ไป

ยกตัวอย่างแผนที่ใหม่สำหรับเหล่าผู้เล่นเลเวล 25 ที่ถูกเปิดขึ้นในฐานะดันเจี้ยน บอสเลเวล 25 สามารถจัดการปาร์ตี้ผู้เล่นเลเวล 20 ที่เก่งกาจได้ง่าย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติหากจำเป็นต้องใช้ผู้เล่นมากมายเพื่อหาทางเอาชนะบอสและพิชิตดันเจี้ยนนั้นได้

ด้วยเหตุนี้ ความน่ากลัวของบอสเลเวล 30 นั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกล่าวถึงได้เลย แล้วยิ่งในแผนที่ระดับสูงเช่นนี้ด้วย บอสเลเวล 30 จะไม่อยู่ตัวเดียวแน่ ๆ

เห็นได้ชัดที่สุดก็ที่ชั้น 1 ของปราสาทใต้พิภพ ที่นั่นมีบอสเลเวล 30 อยู่ด้วยกันมากกว่า 4 ตัวเสียอีก แถมบอสพวกนี้ยังมีสกิลที่ทำให้ผู้เล่นหวาดกลัวระดับเงินอีก เพราะงั้นแล้วต่อให้ผู้เล่นมาเป็นหมื่นคน มันก็สามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ

“พระเจ้า! ลูกพี่ ทำไมที่นี่มีบอสเยอะจัง! แถมมอนสเตอร์ก็ยังมาเกาะกลุ่มกันหนาอีก! มันยากเกินไปแล้ว พวกเราจะชนะมันได้จริง ๆ เหรอเนี่ย!?”

จริง ๆ หานเฟิงก็เริ่มประหลาดใจตั้งแต่เข้ามาที่ชั้นแรกของปราสาทใต้พิภพแล้ว เพราะรอบ ๆ ตัวเขามีแต่อันเดดเต็มไปหมด ในท้ายสุดเขาจึงตัดสินใจกลืนน้ำลายและเอ่ยถามออกมา

จะให้เขาสามารถรวมตัวพวกมันมาได้ยังไง? ในฐานะที่เป็นนักธนู ร่างกายที่บอบบางของเขาสามารถถูกบอสฆ่าในการโจมตีครั้งเดียวหรืออาจจะถูกกลุ่มมอนสเตอร์เหล่านี้เข้ามารุมโจมตีจนตายได้ตลอดเวลาแน่

“งั้นก็แค่ทำตัวให้อยู่รอดปลอดภัยเข้าไว้”

ยังไงซะเซียวเฟิงก็ไม่ได้หวังว่าคนคนนี้จะมาช่วยเขาปราบมอนสเตอร์อยู่แล้ว สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจริง ๆ ก็คือสกิลสัจจะวิสัยของอีกฝ่ายต่างหาก

หลังจากพูดนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วเซียวเฟิงก็วิ่งเข้าใส่กลุ่มมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วยัดสกิลโฮลี่ไลท์ใส่ในทันที ผลของสกิลมันทำให้เหล่ามอนสเตอร์และบอสในระยะสายตาได้รับความเสียหายไปพร้อม ๆ กันหมด

-1,203!

-1,203!

-1,476!

-24,360!

-2,011!

-1,643!

-30,253!

กลุ่มตัวเลขสีแดงปรากฏขึ้นเหนือหัวเหล่ามอนสเตอร์และบอสในปราสาทใต้พิภพชั้นที่ 1 ซึ่งหานเฟิงเห็นภาพนี้เต็มสองตา เขานั้นอยากจะรีบออกจากที่แห่งนี้ไปด้วยความกลัว แต่ภาพของค่าความเสียหายได้ทำให้เขาชะงักไปด้วยความงงงวยโดยที่พูดอะไรไม่ออกไป…

เท่าที่สายตาเขาจะมองเห็น ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์นับพันจะถูกโจมตี แต่พลังชีวิตของพวกมันก็ลดลงอย่างรวดเร็วด้วย

“หู้ย! ลูกพี่สุดยอด! ฉันประทับใจจริง ๆ!” เมื่อสติกลับมาแล้ว หานเฟิงก็ตะโกนขึ้นเสียงดังจากด้านหลัง

สกิลโฮลี่ไลท์ของเซียวเฟิงนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 3 แล้ว ซึ่งมันทำให้ประสิทธิภาพในการฮีลของมันเพิ่มขึ้นเป็น 20% และผนวกกับมีค่าจิตวิญญาณสูงกว่า 200 หน่วย ค่าความเสียหายจึงไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งสกิลนี้สามารถรักษาได้แรงขึ้นขนาดไหน มันก็จะโจมตีศัตรูแรงขึ้นเท่านั้นด้วย

เพียงแค่สิบนาที กลุ่มมอนสเตอร์ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของปราสาทใต้พิภพก็แทบจะถูกจัดการหมดแล้วด้วยฝีมือเซียวเฟิงคนเดียว ในขณะเดียวกัน พอมอนสเตอร์เริ่มเจือจางลง หานเฟิงก็เริ่มทำหน้าที่ตัวล่อเรียกมอนสเตอร์ให้มารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ยังไงซะสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือมอนสเตอร์ปริมาณมหาศาล ถ้ามีแค่นี้ล่ะก็ ไม่เป็นอันตรายหรอก

รวม ๆ เวลาเก็บไอเทมและเหรียญเงินต่าง ๆ ที่ดร็อปลงมาจากมอนสเตอร์เหล่านั้น การจัดการเคลียร์ชั้นที่ 1 ของปราสาทใต้พิภพนั้นใช้เวลาไปแล้วครึ่งชั่วโมง

และในที่นี้… หานเฟิงก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุด เพราะตอนนี้ในกระเป๋าเขาเต็มไปด้วยเหรียญทองและไอเทมมากมายอีกหลายชิ้น ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นค่าประสบการณ์ปริมาณมหาศาลจนเขาเลเวลอัปได้ 1 เลเวล!

จริง ๆ แล้วไม่เพียงแค่หานเฟิงหรอกที่ได้ค่าประสบการณ์เยอะ เซียวเฟิงเองก็ได้มาเยอะเช่นกัน นี่เองก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของเขา เพื่อที่จะพิชิตดันเจี้ยนปราสาทใต้พิภพในชั้นที่ 2 ตลอดหลายวันมานี้ เซียวเฟิงพยายามจะทำให้ตนเองเลเวลอัปอยู่เหมือนกัน

สิ่งที่ทำให้หานเฟิงตกใจมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องเวลาที่เสียไป! เขาสามารถเลเวลอัปได้ในเวลาครึ่งชั่วโมง! นี่มันอย่างกับเปิดสูตรโกงเกมเลยนะ!

หานเฟิงในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถึงกลายมาเป็นอันดับ 1 ผู้เล่นในเขตฮัวเซีย ไม่สิ… ดีไม่ดีน่าจะเป็นของทั้งเซิร์ฟเวอร์แล้ว ความสามารถในการเก็บเลเวลของเขานั้นไม่มีใครทัดเทียมได้จริง ๆ!

อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักพวกเขาทั้งสองก็เดินทางไปถึงชั้น 2 ของดันเจี้ยนปราสาทใต้พิภพ หานเฟิงยังอดหัวเราะไม่ได้ นั่นเพราะในกระเป๋าตัวเองนั้นมีช่องเก็บของเพียง 50 ช่องเท่านั้น ซึ่งมันไม่สามารถเพียงพอต่อการเก็บของทั้งหมดที่ดร็อปเมื่อครู่ได้!

ความรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้งมันปรากฏขึ้นมา กระเป๋าที่เต็มนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นไอเทมระดับน้ำเงินที่ไม่ได้ใช้ เอาล่ะ… เห็นทีคงต้องเอาของพวกนี้ทิ้ง แล้วนำไอเทมระดับเงินไปใส่แทน ความรู้สึกที่ต้องลาจากของรักของหวงนั้นมันช่างน่าเจ็บปวดจริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หานเฟิงต้องประสบกับปัญหาของการฆ่ามอนสเตอร์จำนวนมาก ๆ ในคราวเดียว นั่นคือเขาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเก็บเอาไอเทมที่ดร็อป ไอเทมหลาย ๆ ชิ้นจะหายไปในเวลาไม่นานหลังจากที่มันดร็อปลงมาแล้ว ซึ่งไอเทมเหล่านี้กลับคืนสู่ระบบก่อนที่เขาจะได้ยลโฉมมันเสียอีกว่าเป็นอะไร

ที่ชั้น 2 ของดันเจี้ยนปราสาทใต้พิภพนั้นมีจำนวนมอนสเตอร์น้อยลงกว่าชั้น 1 พอสมควร นั่นเพราะเซียวเฟิงมักจะมาเก็บเลเวลที่นี่อยู่ทุก ๆ วัน ดังนั้นแค่สิบนาที มอนสเตอร์ที่น่าสงสารที่เหลือรอดมาได้จึงถูกกำจัดหมดไปเหมือนกัน จากนั้นจึงได้ปรากฏหมอกสีเทาที่คุ้นเคยออกมา

ผู้พิทักษ์นักฆ่าปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว!

__________________________________________________

คำอธิบายเพิ่มเติม

การเปรียบเทียบกันระหว่างระดับของสกิลและระดับของไอเทม

หนังสือสกิลระดับทั่ว ๆ ไป = สกิลขั้นสูง = ระดับน้ำเงิน

หนังสือสกิลระดับกลั่นกรอง = สกิลเลเวล 4 = ระดับเงิน

หนังสือสกิลระดับหายาก = สกิลเลเวล 5 = ระดับทอง

หนังสือสกิลระดับเทพ = สกิลเลเวล 6 = ระดับตำนาน

หนังสือสกิลระดับมหาเทพ = สกิลเลเวล 7 = ระดับเทพเจ้า