อาณาจักรซีเฉียนและจยาเซียนมีเมืองสุ่ยหันคั่นกลาง หากซีเฉียนประกาศสงครามก่อน ต้องขอเส้นผ่านทางจากเมืองสุ่ยหัน และถือเป็นการเดินทางไกลที่ยากลำบาก พลทหารจะเสียขวัญได้ หากออกรบกับอาณาจักรจยาเซียนคงจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแน่นอน ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงจุดอ่อนนี้ ทางที่ดีที่สุดคือการโจมตีเมืองสุ่ยหันก่อน ทว่า แม้เมืองสุ่ยหันจะอ่อนแอ แต่หากสู้รบกันจริงๆ อาณาจักรซีเฉียนก็จะต้องได้รับความสูญเสียเช่นกัน ท้ายสุดแล้ว อาณาจักรจยาเซียนจะได้เปรียบที่สุด!
ฮ่องเต้ซีเฉียนได้ตัดสินใจในใจแล้วว่าลู่เจี้ยจงใจทำให้เขาโกรธเพื่อที่จะให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนและตกหลุมพรางที่ราชวงศ์จยาเซียนวางไว้ในที่สุด!
ดังนั้นเขามิอาจติดกับนั้นได้!
“ไสหัวออกไป! ไสหัวออกไปให้หมด!” จู่ๆ ฮ่องเต้ซีเฉียนก็เกรี้ยวโกรธขึ้น
พอเห็นความโกรธของฮ่องเต้ซีเฉียน คนอื่นๆ ก็ได้เดินจากไปทีละคน
ขณะที่ เฉียนจวิ้นและเฉียนลี่กำลังจะเดินจากไป กลับถูกเขาเรียกไว้ “พวกเจ้าสองคน ช่วงนี้อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับองค์หญิงเสวียนเทียน!”
แววตาของเฉียนลี่และเฉียนจวิ้นหม่นหมองพร้อมๆ กัน และทำได้เพียงทำตามคำสั่งแล้วถอยออกไป
…
หลังจากเดินออกจากพระราชวังซีเฉียน ลู่เจี้ยก็พาเจียงหลีไปที่รถม้าซึ่งรออยู่หน้าประตูพระราชวัง
เจียงเฮ่าและลู่เสวียนถูกเฟิงสิงอวิ๋นที่เดินตามหลังมาเรียกไว้
แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้น้องสาวของเขาใกล้ชิดกับลู่เจี้ยมากเกินไป แต่ฉากในพระราชวังซีเฉียน ทำให้ เจียงเฮ่าไม่สามารถรั้งเจียงหลีไม่ให้ขึ้นรถม้าไปได้
เขาถอนหายใจเงียบๆ พลางมองไปที่รถม้าด้วยความกังวลก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเฟิงสิงอวิ๋น
“เจ้ารู้แผนการของฮ่องเต้ซีเฉียนได้อย่างไร” บนรถม้า ดวงตาที่สดใสของเจียงหลีจับจ้องไปที่ใบหน้าของลู่เจี้ยที่เกือบจะทำให้อาณาจักรของพวกเขาได้รับความเสียหาย
นางมิได้โง่ถึงขนาดที่มองไม่ออกว่ากาปรากฏตัวของลู่เจี้ยนั้น ตั้งใจมาช่วยแก้ไขปัญหาอันยุ่งเหยิงตรงหน้าของนาง
“ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลย” ลู่เจี้ยตอบลวกๆ
นอกจากบุคคลทั้งสองบนรถม้าแล้ว ยังมีที่ว่างเหลืออยู่ แต่หลังจากได้ยินคำตอบนั้นจากปากของเขาแล้ว เจียงหลีก็โค้งมุมปากยิ้มและเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้สึกเขินอาย
ตอนนี้ หญิงสาวได้อยู่ในอ้อมแขนเขาแล้ว ทำให้ร่างกายของลู่เจี้ยถึงกับแข็งทื่อ
ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวเล็กน้อย หญิงสาวใจกล้าคนนี้มุทะลุและทำในสิ่งที่ท้าทายความยับยั้งชั่งใจของเขาอีกแล้ว
“ท่านอาโปรดรักนวลสงวนตัวด้วย” ลู่เจี้ยเตือนนางด้วยเสียงแหบแห้ง
รอยยิ้มบนมุมปากของเจียงหลีกลับชัดเจนยิ่งขึ้น นางไม่ได้ถอยห่าง แต่กลับทำมือคารวะโค้งในอ้อมอกเขา “หลานชายคนดี อารู้สึกเหนื่อย ให้อาพิงสักหน่อย และไม่ต้องห่วงนะ อาไม่ทำอะไรเกินเลยแน่นอน”
มุมปากของลู่เจี้ยกระตุกอย่างรุนแรง
หากเขาทำได้ เขาอยากจะลงโทษผู้หญิงใจกล้าคนนี้อย่างสาสมที่มาท้าทายเขาเสมอๆ!
“ท่านทำให้ฮ่องเต้ซีเฉียนโกรธเช่นนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะสั่งฆ่าพวกเราประเดี๋ยวนั้นเลยหรือ” เจียงหลีเงยหน้ามองดูโครงร่างที่สมบูรณ์แบบของเขา
ลู่เจี้ยยิ้มจางๆ และดูมั่นใจ “เขาไม่กล้าหรอก ฮ่องเต้ซีเฉียนเป็นคนคิดมาก หากข้ายิ่งแข็งกร้าว เขาก็ยิ่งระวังและสงสัยว่าข้ามีจุดประสงค์อื่น เมื่อยิ่งสงสัย เขาก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรวู่วาม”
“แล้วสิ่งที่ท่านพูดไปล้วนเป็นเพียงแสดงที่ให้ฮ่องเต้ซีเฉียนดูล่ะสิ” น้ำเสียงของเจียงหลีไม่พอใจเล็กน้อย
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ชั่วครู่นางจะรู้สึกซาบซึ้งไปเพื่ออะไร!
ลู่เจี้ยลดสายตามองนางด้วยดวงตาที่แวววาวประดุจอัญมณีที่งดงาม เจียงหลีเห็นภาพสะท้อนในดวงตาของเขา มันสว่างและชัดเจนมาก
“คำพูดของเจี้ย กลั่นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ”
ตึง!
คำพูดเหล่านี้กระแทกใจของเจียงหลีอย่างรุนแรงภายใต้การจ้องมองของเขา
ความซาบซึ้งรินไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ และค่อยๆ ลามไปที่ดวงตา
แต่ก่อนที่เจียงหลีจะพูดความรู้สึกลึกๆ ออกมา คำพูดถัดไปของลู่เจี้ยกลับผลักความรู้สึกซาบซึ้งนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
“หลีเอ๋อร์เป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งต่อราชวงศ์จยาเซียน”
“เพียงเพราะสิ่งนี้เองหรือ” ใบหน้าของเจียงหลีเคร่งเครียด ดวงตาก็หม่นหมองลงเล็กน้อย
ลู่เจี้ยมองหน้านางอย่างสงสัย และดูเหมือนจะย้อนถามว่า แล้วจะให้เป็นเช่นไรได้เล่า
บ้าชะมัดเลย!
เจียงหลีกัดฟัน เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ตั้งใจทำเช่นนี้ ทนได้ขนาดนี้ ก็ไปบวชเป็นไต้ซือเสียเถิด ยอมอดทนไม่กินสาวเนื้อหอมอย่างข้าได้ ก็ไปกินมังจนตายเสียเลย
เจียงหลีตะโกนในใจและหายใจเข้าลึกๆ บอกกับตัวเองว่าอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขา อย่าคิดเล็กคิดน้อย อย่าคิดเล็กคิดน้อย!
นางเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มและมองไปที่ชายคนนั้นพร้อมเอาอกเอาใจว่า “ท่านดูสิ ข้าอยู่ที่ซีเฉียน ตั้งแต่ฮ่องเต้จนถึงองค์ชายพวกเขาต่างหวังในตัวข้าทั้งนั้น หรือเราถือโอกาสนี้ให้ข้ากลับไปพร้อมท่านจะดีหรือไม่”
ลู่เจี้ยยิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
ภายใต้สายตาแห่งความคาดหวัง เขาก็ค่อยๆ ส่ายหัว “อยู่ต่อและฝึกฝนอย่างไร้กังวลเถิด”
“ไม่เอา! หากกลับไป ข้าจะไม่รอช้าและตั้งใจฝึกฝน” เจียงหลีขัดขืน นางต้องการใช้ชีวิตอยู่กับเขาในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต และบอกกับเขาว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหน นางก็จะรอคอยเขากลับมา
แต่ทว่าตอนนี้นางจะบอกกับเขาเช่นไร ท่านอยู่ได้ไม่นานแล้ว ดังนั้น นางถึงอยากกลับไปอย่างนั้นหรือ
“แน่ใจแล้วหรือ” ลู่เจี้ยถามกลับ
“อืม! ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ลู่เจี้ยจ้องมองไปที่ดวงตาของนางที่มิอาจคาดเดาได้ เหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ระหว่างที่เจียงหลีรออย่างประหม่าอยู่นั้น ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปที่สถาบันไป๋หยวนเพื่อเก็บข้าวของ”
“จริงๆ หรือ” เจียงหลีอุทานด้วยความประหลาดใจ
แต่ทว่า กลับปรากฏความไม่แน่ใจในดวงตาของเขา การตัดสินใจของลู่เจี้ยเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“หลีเอ๋อร์ ไม่เชื่อข้าหรือ” ลู่เจี้ยมองไปที่นางด้วยสีหน้าจริงจัง
คำเหล่านี้ ทำให้เจียงหลีถึงกับขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปาก นางจะไม่เชื่อลู่เจี้ยได้อย่างไร กล่าวอีกนัยหคือในโลกแห่งนี้คนที่นางไว้ใจที่สุดก็คือเขา
รถม้าขับไปจนถึงหน้าประตูของสถาบันไป๋หยวน
เมื่อทั้งสองลงจากรถ พระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว คนในสถาบันจึงมีจำนวนไม่มาก บ้างก็ไปกินข้าว บ้างก็กำลังฝึกฝนอยู่ ทำให้ดูเงียบๆ ไปมาก
เจียงหลีพาลู่เจี้ยกลับไปยังที่พักเป่ยย่วน
“ท่านนั่งรอข้าก่อน ข้าใกล้เสร็จแล้ว” เจียงหลีพูดกับลู่เจี้ยและหันหลังกลับไปที่ห้องพัก แล้วค้นหาป้ายอาญาสิทธิ์ที่สามารถเก็บหินวิญญาณได้
จะจากที่นี่ไปแล้ว ทรัพยากรทั้งหมดที่ได้มา ต้องนำกลับไปบางส่วน
เพียงแต่ แค่เพียงพริบตาที่เจียงหลีเดินออกมาก็พบว่าลู่เจี้ยไม่ได้นั่งรออยู่ในห้อง แต่กลับยืนอยู่นอกห้องแล้ว
ความวิตกกังวลเกิดขึ้นในหัวใจ
เจียงหลีเดินไปที่ประตู “ลู่เจี้ย ท่านกำลังทำอะไรอยู่ด้านนอก”
ตูม!
หลังจากนั้น เมื่อนางเดินไปที่ประตู พลังอันยิ่งใหญ่ก็ได้ผลักนางกลับไป
เจียงหลีเบิกตากว้างด้วยความตกใจและมองไปที่ลู่เจี้ยด้วยความเหลือเชื่อ “ท่านทำอะไรกันแน่”
ลู่เจี้ยที่กำลังหันหลังอยู่ค่อยๆ หันหน้าไปสบตานางผ่านประตูที่กั้นทั้งสองไว้ และมองเห็นถึงความโกรธและความตกใจในดวงตาของนาง
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเจียงหลีกลับลุกเป็นไฟด้วยความโมโห
พลังวิญญาณถูกรวบรวมไว้ในมือของนาง
ตูม ตูม ตูม!
พลังวิญญาณที่รุนแรงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องของเจียงหลี
แต่นางกลับไม่สามารถก้าวออกจากห้องนี้ได้
“ลู่เจี้ย! ” เจียงหลีกัดฟันด้วยดวงตาอันเศร้าหมอง “นี่เจ้ากล้าปิดผนึกที่นี่รึ!” หลังจากได้สัมผัสกับมันแล้ว นางก็รู้ว่าห้องแห่งนี้ถูกพลังจิตของลู่เจี้ยปิดกั้นกับโลกภายนอก
“หลีเอ๋อร์ สัญญากับข้านะว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป” ลู่เจี้ยพูดเสียงเบา
…………………..