Ch.96 – ดวลปืน

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.96 – ดวลปืน

 

เดิมทีฉินเฟิงคิดว่าคนพวกนี้ แต่ละคนคงมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่อยากจะทำงานหนักเสี่ยงอันตราย แต่อันที่จริงแล้วมันยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นคือ-

 

-อย่างที่เคยได้กล่าวไปในตอนก่อนๆ ว่าเมืองเฉิงหยางต้องการที่จะติดตั้งอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพมิติในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นในอนาคต บริเวณเทือกเขาพ่อแม่ลูกจึงมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าอาจมีการก่อตั้งเมืองเกิดขึ้น เหมือนกับสถานที่ชุมชนทางตอนเหนืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

หมายความว่าอะไรรู้ไหม? หมายความว่าก็จะมีผู้ใช้พลังย้ายมาประจำการที่นี่น่ะสิ และผลประโยชน์จากการได้รับตำแหน่ง ‘ผู้ว่าการ’ ของที่นี่ย่อมเป็นจำนวนมหาศาล

 

ด้วยเหตุนี้เอง หัวใจของทุกคนเลยไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พวกเขาต่างไม้ไว้ใจซึ่งกันและกัน ระแวงว่าอีกฝ่ายจะสามารถคว้าผลประโยชน์ก้อนใหญ่ไป

 

เมื่อไม่กี่วันก่อน เทศมนตรีของเมืองเฉิงหยางโคตรจะรู้สึกอารมณ์เสียกับเรื่องพวกนี้ เขาเลยกล่าวออกไปแค่ว่า : ‘งั้นใครสามารถทำผลงานในแนวหน้าได้ดีที่สุด มีเครดิตมากที่สุด คนๆนั้นก็กลายเป็นผู้การเขตใหม่นี้ไปเลยก็แล้วกัน!’

 

ส่งผลให้สถานการณ์ภายในสงบลง แต่กลายเป็นทุกฝ่ายต่างรอคอยให้อีกฝ่ายชิงลงมือก่อน และคนแรกที่เด่นสะดุดตา ก็จะตกเป็นเป้าหมายของคนที่เหลือแทน

 

เพียงแต่ว่าใครมันจะไปคิด ว่าในวันเดียว สมดุลที่ว่าจะถูกทำลายลง โดยคนที่เป็นผู้ใช้พลังในเลเวล G!

 

แน่นอน ว่าพวกเขาทราบดีว่าความแข็งแกร่งของฉินเฟิงไม่ใช่เลเวล G ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยอมให้ฉินเฟิงลงมือสังหารชุดคลุมดำกระหายเลือด!

 

….

 

ในเวลานี้ ฉินเฟิงยังไม่ล่วงรู้ถึงความคิดของทุกคน แต่อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่มีเวลามามัวสนใจที่จะก้มลงมองอุปกรณ์สื่อสาร

 

ขณะที่คนจากปลายของของฉินเฟิง แทบจะกลายเป็นบ้าอยู่แล้ว

 

และคนๆนั้นคือเติ้งเหนียน!

 

ฉินเฟิงเป็นนักเรียนของเขา และไม่รู้ว่าต้องรอคอยอีกกี่ปี อัจฉริยะเช่นนี้ถึงจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในสถาบัน ดังนั้นบุคคลแสนล้ำค่าเช่นนี้ เติ้งเหนียนย่อมไม่สามารถสูญเสียไปได้

 

ในตอนแรกที่เห็นว่าฉินเฟิงสามารถต่อกรกับชุดคลุมดำกระหายเลือดได้ เติ้งเหนียนรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจมากจริงๆ แต่พอลองย้อนนึกถึงคำสั่งก่อนหน้านี้ของเทศมนตรีเมืองเฉิงหยาง เขาก็ตระหนักได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีที่กำลังเกิดขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงกลับไม่ยอมกดตอบรับสายสื่อสาร

 

“ไม่ดีแล้ว ฉันจะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องร้ายเกิดขึ้นกับฉินเฟิง!”

 

เติ้งเหนียนคว้าไมค์ประกาศเตือนภัยที่สามารถแพร่กระจายเสียงตามสายไปทั่วทั้งพื้นที่ได้โดยตรง

 

“ฉินเฟิง หยุดความตั้งใจที่จะฆ่ามันเดี๋ยวนี้ รีบถอนตัวออกจากตำแหน่งของเธอซะ!”

 

การเตือนภัยสาธารณะเช่นนี้ เป็นเหมือนกันกับในตอนพื้นที่เพาะปลูก ที่ประกาศทั้งพื้นที่ว่าสัตว์ร้ายบุกเข้ามาแล้ว แต่ปัจจุบัน มันกลับประกาศเพื่อสื่อสารไปยังคนเพียงคนเดียวโดยตรง

 

และแน่นอน ว่าข้อเสียของเรื่องนี้นั้นชัดเจนมาก เพราะในเวลานี้ ทุกคนที่เข้าร่วมปฏิบัติการปิดล้อมและปราบปรามกองทัพซากศพในเทือกเขาพ่อแม่ลูกต่างก็ได้ยินข้อความดังกล่าว

 

ฉินเฟิงเป็นคนดังของที่นี่ แล้วจู่ๆก็มีเสียงแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องกับเขาดังขึ้น ทุกคนจึงอดสงสัยไม่ได้

 

ยังไงก็ตาม หลังจากฉินเฟิงได้รับข้อความ เขาก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเติ้งเหนียนถึงบังคับให้เขาทำแบบนั้น

 

แต่ในช่วงเวลาต่อมา สองหูขอิงฉินเฟิงก็ได้ยินถึงเสียงแหวกอากาศจากระยะไกล -เป็นกระสุนปืนใหญ่สีแดงที่ลอยมายังตำแหน่งทิศทางนี้ และกำลังโค้งลงเป็นรูปพาราโบล่า

 

สีหน้าของฉินเฟิงหม่นทะมึนลงทันที

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่ากระสุนปืนใหญ่เบื้องหน้า กำลังยิงตรงมายังทิศทางของฉินเฟิง

 

“พวกมันคิดจะทำบ้าอะไร?”

 

โดรนยังคงถ่ายภาพอยู่บนท้องฟ้า ดังนั้นคนเหล่านั้นย่อมกระจ่างแก่ใจว่าเขาอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาก็ยังเลือกยิงกระสุนปืนใหญ่ที่ทรงอานุภาพเข้ามา —ใช่ต้องการให้ฉินเฟิงตายไปพร้อมๆกับชุดคลุมดำกระหายเลือดหรือไม่?

 

แต่เมื่อลองย้อนนึกดูถึงคำเตือนของเติ้งเหนียน ฉินเฟิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่เขายังไม่ล่วงรู้

 

แต่ … นั่นมันไม่เพียงพอที่จะระงับความโกรธเกรี้ยวของเขา!

 

-บังอาจมาก กล้ามาแทงข้างหลังฉันได้อย่างไร!!!

 

ฉินเฟิงเดือดดาลอย่างถึงที่สุด

 

ไม่รอช้า เจ้าตัวชักปืนพลังงานออกจากเอวทันที ง้างมันขึ้น และยิงออกไปหลายนัด

 

โผล๊ะ โผล๊ะ โผล๊ะ!

 

โดรนทั้งหมดที่อยู่บนท้องฟ้าร่วงตกลงมา

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน กระสุนก็กำลังจะตกลงมาถึงพื้น ทางฝั่งชุดคลุมดำพลันกลายเป็นเงามืด มุดหายกลืนไปกับพื้นดินอย่างกระทันหัน

 

“เสี่ยวไป๋ รีบพาฉันหนีไปเร็วเข้า!”

 

เมื่อไร้ซึ่งกล้องสังเกตการณ์จากโดรน ฉินเฟิงก็ยอมให้ไป๋หลีลงมือในที่สุด

 

“รับทราบ!”

 

ไป๋หลีพาฉินเฟิง เทเลพอร์ตหายวับไปจากสถานที่เดียวกันอย่างรวดเร็ว

 

ตูมมมมมมม!

 

กระสุนปืนใหญ่ตกลงกลางจุดที่ฉินเฟิงเคยยืนอยู่พอดิบพอดี เปลวเพลิงระเบิด ลุกโหมเป็นดอกเห็ดอย่างกระทันหัน -หากฉินเฟิงยังยืนอยู่ที่นั่น ต่อให้เขาไม่ตาย ก็คงถูกไฟคลอกสาหัสทั้งตัว

 

มันเป็นกระสุนระเบิดที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก

 

“คิดว่ามีแค่แกคนเดียวรึไงที่ยิงเป็น?”

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา เริ่มระดมพลังสมาธิของเขาบ้าง

 

ต้องไม่ลืมนะว่า พลังสมาธิของผู้ใช้อบิลิตี้น่ะแข็งแกร่งยิ่งกว่าของมือปืนซะอีก

 

“เสี่ยวไป๋ เอาปืนใหญ่ระยะไกล ซิลเวอร์วันออกมา!”

 

“อันนี้น่ะหรอ?”

 

ไป๋หลีหยิบกระบอกปืนใหญ่สีเงินขาวที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรครึ่งออกมาจากพื้นที่มิติ รูปลักษณ์ของมันแทบจะไม่แตกต่างจากแขนของหุ่นยนต์ ปัจจุบันกำลังสาดแสงของจักรกลออกมา

 

ฉินเฟิงพรวดเข้าไป คว้าจับและสวมใส่มันอย่างชำนิชำนาญ ในเวลาเพียงห้าวินาที ตัวกระบอกปืนใหญ่ก็ประทับอยู่บนแขนซ้ายของเขาแล้ว*

 

*(ถ้าจินตนาการไม่ออก ให้นึกภาพปืนของร็อคแมน)

 

กระบอกปืนใหญ่ยกสูงขึ้น ขณะเดียวกันมือขวาของเขาก็เอื้อมไปกระแทกใส่ปุ่มสีแดงตัวโตๆบนมัน

 

ตูม!

 

ปากกระบอกปืนส่งเสียงคำราม กระสุนสีส้มพุ่งทะยานออกไป

 

ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของมือปืนเลเวล E ที่อยู่บนเนินเขาห่างไกลออกไปหลายลี้ก็พลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

 

เพราะเขารู้สึกได้ว่าตนเองกำลังถูกล็อคเป้าโดยพลังสมาธิ!

 

ต่อมา กระสุนปืนใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา และทิศทางเป้าหมายของมัน ก็คือจุดที่เขาอยู่เป๊ะๆ ไม่มีคลาดเคลื่อน!

 

“ชิบหายแล้ว!”

 

มือปืนเลเวล E คนนี้ คือตัวตนที่เพิ่งลอบโจมตีฉินเฟิง แต่ในเวลานี้ ฉินเฟิงกลับเป็นฝ่ายลอบโจมตีเขาสวนกลับมา นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลยจริงๆ

 

แต่จะให้กระโดดหนีดูท่าว่าคงไม่ทัน มือปืนที่ยังอยู่ในสภาพเตรียมเล็ง ยกปากกระบอกปืนขึ้น และยิงกระสุน เปรี้ยง! เข้าปะทะหักล้างกับกระสุนของฉินเฟิงกลางอากาศทันที

 

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงที่อยู่ไกลออกไปเผยรอยยิ้มเยาะ

 

“จงหมุน!”

 

พลังสมาธิโถมเข้าควบคุม กระสุนปืนใหญ่สีส้มของฉินเฟิงจู่ๆก็ม้วนเป็นวงอย่างกระทันหัน โฉบหลบ ฝ่ากระสุนแดงเข้ามา มุ่งเป้าร่วงตกลงใส่มือปืนเลเวล E ดังเดิม!

 

“สารเลว!”

 

มือปืนเลเวล E สบถสาปแช่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาตระหนักถึงลางไม่ดี จึงยิงมันออกไปอีกนัดหนึ่งในตำแหน่งเดิม และอีกสองนัดเผื่อกระสุนนรกนี่จะโฉบหลบอีกครั้ง และในที่สุดก็สามารถสกัดกระสุนของฉินเฟิงเอาไว้ได้ก่อนที่มันจะตกลงถึงตัวเขา

 

แต่ก่อนที่มือปืนเลเวล E จะทันได้ผ่อนลมหายใจ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงกระสุนปืนใหญ่แหวกอากาศมาอีกครั้ง และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกที ก็พบว่ากระสุนสีส้ม ‘3ลูก’ กำลังแหวกฝ่าเมฆดอกเห็ดที่เกิดจากแรงระเบิดเมื่อครู่ —แต่ทำไมกัน? ทำไมพลังสมาธิของมือปืนเลเวล E ถึงไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้ตั้งแต่แรก!

 

“หรือว่าจะเป็นการใช้พลังสมาธิเข้าบดบังการรับรู้ … ” มือปืนเลเวล E กล่าวด้วยความว่างเปล่า และวินาทีถัดมา เขาก็ถูกฝังภายใต้กระสุนปืนใหญ่

 

ตูม ตูม ตูมมมมมมม!

 

 

ณ บริเวณตีนภูเขาแม่ ฉินเฟิงหัวเราะหยันด้วยความเย็นชา

 

ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว!

 

ต้องขอบอกว่าการลงมือตอบโต้ของฉินเฟิง ทำให้เหล่ามือปืนหวาดกลัวอย่างแท้จริง

 

เพราะตอนนี้ในแนวหน้า มีมือปืนหลายคนตัดสินใจออกมาเคลื่อนไหว และมือปืนที่เพิ่งถูกฉินเฟิงยิงใส่ก็ไม่ใช่คนเดียวที่คิดลงมือ เพียงแต่ว่ามือเขาดันไวกว่าคนอื่นไปนิดเดียวก็เท่านั้นเอง

 

ในขณะที่คนที่เหลือต่างกำลังเฝ้ารอดูว่าจะเป็นฉินเฟิงหรือชุดคลุมดำกระหายเลือดที่ตกตายลง แล้วจากนั้นค่อยเข้าไปฮุบผลงานที่เหลือ แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าจะมีกระสุนถูกส่งลอยกลับมาหาพวกตนเอง

 

อีกอย่าง หลังการระเบิด กลิ่นอายของทั้งชุดคลุมดำกระหายเลือดและฉินเฟิงล้วนมลายหายไปจากการรับรู้ของพวกเขา ทั้งหมดเลยไม่ทันระวัง รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกล็อคเป้าด้วยพลังสมาธิซะแล้ว

 

“ไอ้ฉินเฟิงนี่ มันเป็นสัตว์ประหลาดขนานแท้ มันครอบครองพลังสมาธิที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน!”

 

“ให้ตายเถอะ เขาเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณไม่ใช่รึไง?”

 

“ตามข้อมูล มันบอกว่าฉินเฟิงเป็นนักเรียนคลาสผู้ใช้อบิลิตี้ของสถาบันเขตเฉิงเป่ย งั้นหมายความว่าพลังพิเศษของเขาต้องไปถึงเลเวล F ด้วยแล้วน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะครอบครองพลังสมาธิมากถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”

 

สำหรับมือปืน พลังสมาธิจะถูกฟูมฟักด้วยพรสวรรค์และสมบัติมากมาย แต่ตอนนี้ ทั้งหมดกลับถูกพลังสมาธิของฉินเฟิงที่เป็นเพียงเลเวล F สะกดข่มเอาไว้!

 

ส่งผลให้ในเวลานี้ มือปืนทุกคนที่คิดจะฉวยโอกาส ไม่อาจทำอะไรได้เลย

 

“แบบนี้ไม่ดีแน่ พวกเราต้องส่งผู้ใช้วรยุทธโบราณไป จะปล่อยให้ฉินเฟิงลงมือสำเร็จไม่ได้!”

 

แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่เอ่ยปากออกมา แต่เหล่าผู้ใช้วรยุทธโบราณก็ได้ทำการติดปีกเครื่องร่อน และบินตรงไปยังทิศทางเทือกเขาพ่อแม่ลูกเรียบร้อยแล้ว

 

บนท้องฟ้า พวกเขาทั้งหมดกำลังตามหาร่องรอยของฉินเฟิง!