บทที่ 427 หลักฐาน ย่อมมีอยู่แล้ว / บทที่ 428 หลุดพ้นความตาย Ink Stone_Romance
บทที่ 427 หลักฐาน ย่อมมีอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสทุกท่านของตระกูลซือไม่พอใจกับคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น แต่สิ่งที่เธอพูดกลับเป็นความจริง ตระกูลซือในเวลานี้ ยังไม่อาจต่อกรกับกุหลาบแห่งความตายได้
ซือหมิงหลี่ที่อยู่ไม่ไกล ลอบกัดฟันกรอด ผู้หญิงคนนี้…
“ฉันถึงพูดว่า ปู่สี่ไม่มีสมอง…หรือว่ามีแผนการอย่างอื่น คิดอยากให้ตระกูลซือตกอยู่ในสภาพไม่มีทางจะฟื้นคืนได้กันแน่?”
“เธอกล้าว่าฉันไม่มีสมองเรอะ…บังอาจนักนะ!” แววตาของซือหมิงหลี่วาวโรจน์
“ในเมื่อปู่สี่มีสมอง ถ้าอย่างนั้นก็จงใจทำร้ายตระกูลซือเหรอคะ?” สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นไม่เปลี่ยนแปลง
“เธอ…!” ซือหมิงหลี่กัดฟันกรอด “ฉันไม่ลับฝีปากกับเธอแล้ว ในเมื่อเธอบอกว่าสวี่อี้เป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ต้องมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้น ต่อให้เป็นหัวหน้าตระกูลก็ล้างความผิดเขาไม่ได้!”
“หลักฐาน ย่อมมีอยู่แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นกวาดสายตามองทุกคนในห้อง จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้าที่คุณเก้าจะออกเดินทาง ฉันรู้มาว่าพันธมิตรเลือดจะเล่นงานกับตระกูลซือ”
วินาทีที่เสียงของเยี่ยหวันหวั่นจบลง เสียงฮือฮาพลันดังไปทั่วห้อง!
เธอรู้อย่างนั้นเหรอ?
เธอรู้ได้อย่างไร?
ถ้าหากไม่ใช่คนของฝ่ายตรงข้าม จะรู้แผนการของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร?
หรือว่าเป็นหนอนบ่อนไส้ของพันธมิตรเลือด?
“เธอรู้ได้อย่างไร?” ซือหมิงหลี่ถาม
เฮอะ เขาอยากจะดูสิว่า ยัยเด็กคนนี้จะแต่งเรื่องอย่างไร!
ถึงได้กล้าพังแผนการของเขา เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยพูดต่อไปด้วยความมั่นใจ “ก็ต้องมีคนบอกฉันสิ”
มีคนบอกเธอ?
ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย ก็ได้ยินหวันหวั่นกล่าวต่อไปว่า “เมื่ออาทิตย์ก่อน มีคนคนหนึ่งมาหาฉัน บอกฉันว่า ระหว่างการเดินทางไปประเทศ B ของคุณเก้าจะถูกพันธมิตรเลือดลอบฆ่า ให้ฉันขัดขวางการเดินทางครั้งนี้ให้ได้ แล้วยังบอกว่าถ้าหากขัดขวางไม่ได้จริงๆ ก็ให้แต่งตัวเป็นกุหลาบอะไรนั่น องค์กรที่พันธมิตรเลือดหวาดกลัวที่สุด
ข้อมูลที่ฉันรู้เกี่ยวกับพันธมิตรเลือดรวมถึงกุหลาบแห่งความตายทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คนคนนั้นบอกฉัน”
เยี่ยหวันหวั่นหยุดเล็กน้อย มองไปทางสวี่อี้แล้วพูดว่า “เดิมที่จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร จนกระทั่งเมื่อครู่ที่พวกคุณนำหลักฐานออกมากล่าวหาว่าสวี่อี้สมคบคิดกับพันธมิตรเลือด ฉันถึงได้รู้ว่า คนที่มาแจ้งข่าวกับฉันวันนั้น ที่แท้ก็คือสายลับที่พ่อบ้านสวี่พูดถึงคนนั้น สายลับคนนั้นคงจะยังไม่ตาย แล้วยังรู้ถึงแผนการของพันธมิตรเลือด ก็เลยรีบมารายงาน!”
ฟังเยี่ยหวันหวั่นเล่าจบ ทุกคนล้วนนิ่งอึ้ง
นี่มันหักมุมได้สุดยอดมาก…
ที่แท้ความจริงก็เป็นอย่างนี้นี่เองน่ะเหรอ?
แม้แต่สวี่อี้ยังอึ้ง
เพียงแต่ว่า ใจของสวี่อี้กลับรู้ดีว่า สายลับคนนั้น ถูกฆ่าไปตั้งนานแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นตั้งใจคิดจะปกป้องตัวเขา…
ท่ามกลางความเงียบสงัด ซือหมิงหลี่ตวาดเสียงกร้าวด้วยความโกรธ “เพ้อเจ้อเหลวไหล มีช่องโหว่เต็มไปหมด!”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้นนิ่งๆ “ไม่รู้ว่าคำพูดของฉันมีปัญหาตรงไหนหรือคะ รบกวนปู่สี่ชี้แนะด้วย”
ซือหมิงหลี่ฟึดฟัด “น่าหัวเราะ! ต่อให้สายลับต้องการรายงานข้อมูล ไม่ไปหาสวี่อี้ ไม่ไปหาหลิวอิ่ง ทำไมถึงต้องไปหาเธอ! เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”
เยี่ยหวันหวั่นมองไปที่ซือหมิงหลี่อย่างเฉยชา สายตานั้นแฝงความดูแคลนอยู่เป็นนัย “สายลับคนนั้นแกล้งตายแล้วหายตัวไปอย่างกะทันหัน ทางพันธมิตรเลือดจะต้องเจออะไรเข้าแน่ๆ อีกทั้งต้องถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด เขาจะไปหาสวี่อี้กับหลิวอิ่งได้อย่างไร? มีแค่ฉันที่เป็นคนข้างกายคุณชายเก้าและไม่มีการป้องกันตัวมากที่สุด เขาก็ต้องมาหาฉันอยู่แล้ว”
………………………………………………………..
บทที่ 428 หลุดพ้นความตาย
ซือหมิงหลี่ยิ้มเย็น ถามอีกว่า “ดี ต่อให้นี่จะสามารถอธิบายเรื่องทั้งหมดได้! ถ้าอย่างนั้นเมื่อครู่เธอบอกว่าสายลับคนนี้มาหาเธอตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แล้วยังบอกว่าคนของพันธมิตรเลือดจะลอบฆ่าหัวหน้าตระกูล ถ้าอย่างนั้นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่รายงานทันที แล้วเพิ่งจะมาพูดเอาตอนนี้?”
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจอีกครั้งด้วยใบหน้าผิดหวัง “ปู่สี่คะ ต่อให้เป็นเด็กสามขวบยังรู้เลยว่าจะเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้าง่ายๆ ไม่ได้ น่าเสียดายที่ปู่สี่กลับไม่เข้าใจ”
ไม่รอให้ซือหมิงหลี่พูดต่อ เยี่ยหวันหวั่นก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ตอนนั้นคนคนนั้นโผล่มาจากไหนไม่รู้ หลังจากบอกเรื่องเหล่านั้นเสร็จก็ไร้ซึ่งข่าวคราวอีก ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นมิตรหรือศัตรู? รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้จงใจหลอกใช้ฉันไปขัดขวางคุณเก้าเพื่อทำลายการเจรจาครั้งนี้?
สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนั้น ก็มีแค่คอยเตือนคุณเก้าว่าการเดินทางไปประเทศ B ครั้งนี้อาจจะมีอันตราย ให้เขาระวังตัวให้มากขึ้น
แต่ไม่ว่าสิ่งที่คนคนนั้นบอกจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เตรียมการไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องดี ดังนั้นเพื่อที่จะป้องกันเหตุไม่คาดคิด ฉันก็เลยเตรียมอุปกรณ์ปลอมตัวตามที่คนคนนั้นบอกไว้ให้พร้อม ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ!
หลังจากพ้นอันตรายมาได้ ฉันถึงได้มั่นใจว่า คนคนนั้นน่าจะเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่
เดิมทีฉันยังคิดว่ารอให้คุณเก้าฟื้นขึ้นมาแล้วจะพูดกับเขาเรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเมื่อครู่ขึ้น ฉันถึงนึกได้ว่า คนที่บอกข่าวกับฉัน จะต้องเป็นสายลับที่พ่อบ้านสวี่ส่งไปไม่ผิดแน่!”
คำบอกเล่าของเยี่ยหวันหวั่น ถูกต้องตามหลักและมีเหตุผล อธิบายข้อสงสัยทั้งหมด
เหล่าผู้อาวุโสในห้องต่างพากันถอนหายใจยาว แสดงสีหน้าหนักใจ เห็นปฏิกิริยาตอบรับเช่นนั้น ก็ชัดเจนว่าคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นมีความน่าเชื่อถือสูงมาก
ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจอธิบายได้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างเธอมีความสามารถมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร
จนกระทั่งตอนนี้ ใบหน้าซือหมิงหลี่ถึงได้เปลี่ยนสี
อย่างไรแล้วเขาก็คิดไม่ถึงว่า ยัยเด็กคนนี้พูดไปพูดมาจนคลี่คลายกับดักเขาไปได้ แล้วยังทำลายแผนการที่เขาวางมาเนิ่นนานจนไม่เหลือชิ้นดี!
สายลับคนนั้นตายไปแล้วชัดๆ จะวิ่งโร่มาบอกข่าวกับเธอได้อย่างไร?
ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดโกหกเรื่อยเปื่อย!
คุณหญิงย่าที่อยู่ด้านข้างยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นพูดนั้นเชื่อได้ “เป็นอย่างนี้นี่เอง…มิน่าเล่าก่อนหน้านี้เธอถึงได้โวยวายไม่ยอมให้เจ้าเก้าไป แล้วยังจะตามไปให้ได้!”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ใช่ค่ะคุณย่า ที่คุณเก้ารอดมาได้ครั้งนี้ เป็นเพราะสายลับที่พ่อบ้านสวี่ลอบส่งไปแทรกแซงพันธมิตรเลือดมาบอกข่าวได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย!”
คุณหญิงย่าหันไปทางชายหนุ่มเลือดและน้ำตาเปรอะไปทั่วใบหน้ายังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น ผ่านไปนานถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “สวี่อี้…นายลุกขึ้นเถอะ…”
สวี่อี้ตะลึงงันอยู่หลายวินาทีถึงได้รู้สึกตัว ลุกขึ้นยืนราวหุ่นยนต์ “ครับ…”
ทว่าใบหน้าซือหมิงหลี่กลับมืดคล้ำ หางตากระตุกไม่หยุด แต่เวลานี้แม้แต่คุณหญิงย่ายังเชื่อคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นแล้ว เกรงว่าคงจะแตะต้องสวี่อี้กับตระกูลสวี่ไปไม่ได้อีกสักพัก…
“เฮอะๆ…พ่อบ้านสวี่ ที่แท้เรื่องราวก็เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่มันบังเอิญเกินไปจริงๆ ครั้งหน้าจะต้องระวังให้มากกว่านี้ อย่าได้ทำฉลาดจนกลายเป็นเสียเรื่องอีก” มุมปากของซือหมิงหลี่กระตุก
สวี่อี้ปรายตามองซือหมิงหลี่ครั้งหนึ่งแต่ไม่ได้สนใจจะโต้ตอบเขา
ฉินรั่วซีขมวดคิ้ว เธอคิดไม่ถึงว่า เหตุการณ์เข้าตาจน กลับถูกเยี่ยหวันหวั่นแก้ไขได้อย่างชาญฉลาด…
“ขอบคุณ…ขอบคุณคุณหนูเยี่ยมากๆ ที่คืนความบริสุทธิ์ให้ลูกของผม คืนความบริสุทธิ์ให้ตระกูลสวี่!!” ใบหน้าที่ซีดขาวของสวี่ฉางคุน ในที่สุดก็มีเลือดฝาดกลับคืนมา เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจเอ่ยขอบคุณเยี่ยหวันหวั่น
……………………………………………………..