บทที่ 289 สิบสามจ้าวสวรรค์ vs สิบสามราชาเสือดาว

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

คนคนนี้รวดเร็วมาก ยิ่งไปกว่านั้นปราณหมัดยังไปถึงขั้นที่สามารถทะลวงอากาศฆ่าคนได้แล้ว เย่เทียนเฉินรู้สึกตื่นตะลึงอยู่ในใจแต่กลับไม่ได้ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว ยังคงเดินไปเบื้องหน้าเอี้ยวตัวหลบหมัดปราณของคนผู้นั้น

ตู้ม!

หมัดลมปราณตกลงสู่พื้น โจมตีพื้นจนเกิดเป็นหลุมหมัดหลุมใหญ่เท่ากระสอบทราย ในขณะเดียวกันหมัดของคนผู้นั้นก็ปรากฏเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินแล้ว ห่างจากศีรษะของเย่เทียนเฉินไปไม่ถึงครึ่งเมตร ตอนนี้เองเย่เทียนเฉินเริ่มลงมือแล้วเช่นกัน มือขวากำเบาๆ ปล่อยออกไปอย่างรวดเร็วหาใดเปรียบ

พลั่ก! กรอบ!

เสียงกระดูกหักดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญของคนที่โจมตีเย่เทียนเฉิน เขากระเด็นออกไป ตกในตำแหน่งที่ห่างออกไปสิบเมตร มองเย่เทียนเฉินด้วยความตื่นตะลึงระคนโกรธแค้น แขนขวาทั้งแขนของเขามีเลือดไหลออกมา บิดเบี้ยวจนเปลี่ยนรูปไปแล้ว เพียงแค่หมัดเดียวเขาก็ได้รับการบาดเจ็บรุนแรงถึงขนาดนี้แล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยพบมาก่อนในการต่อสู้

เดิมทีคนคนนี้ก็คือหนึ่งในสิบสามราชาเสือดาวซึ่งแอบซ่อนอยู่ในพงหญ้า เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินพาคนมาสิบสามคน และสุดท้ายก็แยกย้ายกันออกไป เขาจึงคิดว่าเย่เทียนเฉินเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด จึงปรากฏตัวพุ่งโจมตีอย่างรวดเร็ว ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากต่อยไปหนึ่งหมัด เขาจะพบว่าตนเองไปท้าทายคนที่ร้ายกาจที่สุดเข้าแล้ว

ไม่กล่าวไม่ได้ว่า ชายคนนี้สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าสิบสามราชาเสือดาวของตระกูลโอวหยางไม่ได้เลี้ยงเสียข้าวสุก ไม่เพียงแต่ความสามารถของทุกคนจะแข็งแกร่งมาก ทั้งยังรู้จักอดทนอดกลั้นอีกด้วย หากเป็นคนปกติดวลกันหนึ่งหมัดและมือขวาเสียหายรุนแรง ถ้าไม่กรีดร้องก็ต้องรีบวิ่งหนีไป แต่คนคนนี้กลับไม่ได้ทำ

“แกเป็นใคร?” ชายคนนั้นมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วถามขึ้นอย่างดุดัน

“หลังจากวันนี้ บนโลกใบนี้จะไม่มีสิบสามราชาเสือดาวอย่างพวกแกอีก จะต้องตายทั้งหมด!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

“หึ กลัวก็แต่ว่าแกจะไม่มีความสามารถ…”

ชายคนนั้นยังไม่ทันพูดจบ เย่เทียนเฉินก็มาถึงเบื้องหน้าของเขาแล้ว มือขวาจับคอเขาเอาไว้ เขาไม่อาจพูดอะไรได้อีกและยังไม่ทันพูดจบด้วยซ้ำ เนื่องจากในตอนที่มือขวาของเขาควักมีดออกมาเล่มหนึ่งด้วยปฏิกิริยาอันว่องไว คอของเขาก็ถูกเย่เทียนเฉินหักทิ้งไปแล้ว

เสียงกรอบดังขึ้น เย่เทียนเฉินโยนศพของชายคนนั้นลงพื้น มองไปยังสถานที่ที่สูงที่สุดของโรงงานรกร้างที่อยู่ไม่ไกล ที่นั่นมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง เป็นชายร่างผอมเล็กน้อย ในตอนที่เย่เทียนเฉินดวลกับชายที่เป็นคนของสิบสามราชาเสือดาวคนนี้ ชายร่างผอมล้วนมองตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็คือเถี่ยเป้า คนที่เคยสู้กับอาชูร่าเมื่อสอบปีก่อนโดยที่ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ

“ทำไม? แกยังไม่ลงมืออีกเหรอ รอฉันฆ่าลูกน้องทั้งหมดของแกก่อนหรือไง?” เย่เทียนเฉินพูดกับเถี่ยเป้าด้วยรอยยิ้มบางเบา

“แกไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก ฉันอยากจะรู้นักว่าแกแข็งแกร่งขนาดไหน อาชูร่าถึงได้ตายอยู่ในน้ำมือของแก!” ในน้ำเสียงของเถี่ยเป้าเต็มไปด้วยความสงสัยเขาไม่เชื่อว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งจนถึงกับฆ่าอาชูร่าได้

“ไม่ พูดให้ถูกต้องก็คืออาชูร่านั่งละสังขารไปด้วยตัวเอง เป็นการฆ่าตัวตาย ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าเขา ระหว่างฉันกับเขายังไม่รู้แพ้รู้ชนะ เขาแข็งแกร่งมาก เป็นอาวุโสที่ควรค่าแก่การนับถือคนหนึ่ง!” เย่เทียนเฉินยิ้มแล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

“แกเป็นศัตรูกับตระกูลโอวหยาง และยังทำให้ฉันไม่มีโอกาสได้สู้กับอาชูร่าอีกครั้ง ดังนั้นแกต้องตาย!” เถี่ยเป้าพูดอย่างเย็นชา

“ลองดูสักหน่อยก็แล้วกัน ฉันคิดว่าผลลัพธ์คงจะปรากฏขึ้นเร็วมาก สุดท้ายจะเป็นสิบสามราชาเสือดาวของแกแข็งแกร่ง หรือว่าจะเป็นสิบสามจ้าวสวรรค์ของฉันแข็งแกร่งกันแน่!” เย่เทียนเฉินพูดเสียงเย็น

“งั้นก็มาลองดูสักหน่อย!”

พูดจบเถี่ยเป้าก็หายไปจากบนหลังคาของโรงงานรกร้าง เดินลงมาเบื้องล่าง เย่เทียนเฉินเองก็เดินไปข้างหน้าพลางเด็ดใบหญ้าด้านข้างมาคาบเอาไว้ในปาก ท่าทางอันธพาลเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเถี่ยเป้า แต่เขากำลังผ่อนคลายตัวเองไม่ให้เคร่งเครียด การต่อสู้กับอาชูร่าทำให้สองมือของเย่เทียนเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่จะมากจะน้อยก็ส่งผลกระทบอยู่บ้าง ดังนั้นการต่อสู้กับเถี่ยเป้านี้ เย่เทียนเฉินจะต้องมีอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน แต่มาถึงขั้นนี้แล้วเขาเองก็ไม่มีตัวเลือก ศัตรูไม่มีที่ว่างมาปรึกษากับเขาแน่นอน

ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปในโรงงานรกร้าง พบว่าทางโรงงานรกร้างเป็นห้องเปล่าห้องใหญ่ ใหญ่ประมาณหลายพันตารางเมตร รอบมีเครื่องจักรที่ไม่ได้ใช้งานอยู่จำนวนหนึ่ง เถี่ยเป้านั่งหันหน้าให้เขาอยู่บนเครื่องจักรใหญ่ตัวหนึ่ง มองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชา

“ตระกูลเย่มีลูกหลานอย่างแกออกมาได้ เชื่อว่าคนของตระกูลเย่คงจะดีใจมากเพียงแต่น่าเสียดายที่วันนี้แกถูกกำหนดให้ตาย!” เถี่ยเป้าเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา

“ลองดูสักหน่อยเถอะ ฉันยุ่งมากไม่มีเวลาเล่นกับแกหรอก!” เย่เทียนเฉินพูดพลางยักไหล่

เถี่ยเป้าขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนจากบนเครื่องจักร แต่กลับไม่ได้รีบร้อน ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือ แน่นอนว่าย่อมมีขีดจำกัดที่ไม่อาจแตะต้องได้ แต่เขาก็ไม่ได้ถูกกระตุ้นให้โกรธได้ง่ายถึงขนาดนั้น

“สิบปีก่อนหน้านี้ฉันต่อสู้กับอาชูร่า ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ สิบปีต่อมาก็มีการพัฒนาฝีมือขึ้น เดิมทีฉันคิดจะไปที่มณฑลชวนเพื่อต่อสู้กับอาชูร่าอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าแกจะพาคนไปฆ่าล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ทำลายการต่อสู้ระหว่างฉันกับอาชูร่า ดังนั้นต่อให้เป็นเพราะเหตุผลนี้ฉันก็ต้องฆ่าแก!”

“พวกแกสองคนเป็นคู่เกย์กันหรือไง?” เย่เทียนเฉินพูดหยอกล้อ

“แก…”

เมื่อคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินถูกกล่าวออกมาก็เกือบจะทำให้เถี่ยเป้ากระอักเลือด ในตอนที่คนคนหนึ่งที่โหดเหี้ยม มาดเท่และเต็มไปด้วยไอสังหาร กำลังพูดจาโหดร้ายใส่ผู้อื่นอยู่ อีกคนกลับพูดประโยคไร้สาระแบบนี้ออกมาได้ เกรงว่าจะทำให้ผู้คนร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ กระทั่งโกรธเกรี้ยวดุจสายฟ้าขึ้นมา

“เป็นเกย์ก็ไม่มีอะไรน่าอาย ทุกคนเข้าใจ แต่อย่าเสียใจไปเลย หากต้องการไปเจออาชูร่าแกก็สามารถจัดการตัวเองได้!” เย่เทียนเฉินพูดขัดคำพูดของเถี่ยเป้าอีกครั้ง

“เย่เทียนเฉิน ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าแกเป็นคนที่ชอบรนหาที่ตายจริงๆ!” เถี่ยเป้ากำมือของตนแน่น มองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความโหดเหี้ยมแล้วพูดขึ้น

“งั้นเหรอ? แกมีความสามารถแบบนั้นหรือไง? แกมั่นใจหรือไงว่าจะสามารถฆ่าฉันได้? จะประเมินตัวเองสูงไปหรือเปล่า?”

ชั่วพริบตานั้น เองนิสัยของเย่เทียนเฉินก็พลิกกลับไปร้อยแปดสิบองศา เริ่มต้นด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้ม ตามมาด้วยการพูดจาไร้สาระ สุดท้ายก็ดูถูก ช่างทำให้เถี่ยเป้ารู้สึกอยากจะทรุดจริงๆ ตกลงแล้วหมอนี่เป็นคนอย่างไรกันแน่ มีนิสัยอย่างไรกันแน่? ทำให้เขามองไม่ออกเกินไปแล้ว

ตู้มๆๆ…

เถี่ยเป้าถูกกระตุ้นให้โกรธเข้าแล้ว ปล่อยหมัดซัดลงไปที่พื้น ทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึงยิ่งกว่าฉากระเบิดในหนังภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ซะอีก มีระเบิดเกิดขึ้นระลอกหนึ่ง ระเบิดติดต่อกันโดยมุ่งมาทางเย่เทียนเฉิน ทำให้ผู้คนไม่กล้าเชื่อเลยจริงๆ เพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้นก็มีอำนาจแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ ตอนนี้เย่เทียนเฉินเข้าใจกระจ่างชัดแล้วว่า ความสามารถของเถี่ยเป้าเทียบเท่าได้กับอาชูร่าเลยทีเดียว

เพี๊ยะ!

เย่เทียนเฉินตบฝ่ามือลงไปบนพื้น มีกำแพงดินโผล่ขึ้นมาจากพื้น ขวางหมัดนี้ของเถี่ยเป้าเอาไว้ หลังจากเสียงดังสนั่นผ่านไป หมัดของเถี่ยเป้าก็แปรเปลี่ยน  กำแพงดินที่เย่เทียนเฉินใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษธาตุดินกระตุ้นขึ้นมาก็ถูกทำลายเป็นผุยผง

“ที่แท้แกเองก็เป็นผู้มีพลังพิเศษนี่เอง เคล็ดวิชาพลังพิเศษของอาชูร่าแข็งแกร่งมากแต่ก็ถูกฉันทำลายลงได้ วันนี้แกต้องตายแน่นอน!” เถี่ยเป้าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา

ตอนนี้เองเย่เทียนเฉินเข้าใจกระจ่างชัดแล้วว่า ความสามารถของเถี่ยเป้าแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะพลังภายในของเขาที่ไปถึงขั้นปล่อยออกมาและเก็บกลับไปได้อย่างอิสระแล้ว ถึงขั้นที่สามารถสร้างพลังการโจมตีและฆ่าฟันอันรุนแรงในการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้แล้ว คนแบบนี้น่าหวาดกลัวมาก พูดง่ายๆ ก็คือเพียงแค่ตบคุณเบาๆ ก็สามารถทำลายชีพจรทั้งร่างของคุณจนตายได้แล้ว

การดวลกันระหว่างอาชูร่าและเถี่ยเป้า คนหนึ่งคือผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษ อีกคนหนึ่งคือยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ การต่อสู้อันรุนแรงเมื่อสิบปีก่อนยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ สิบปีต่อมาความสามารถของคนทั้งสองไม่อาจนำไปเทียบได้กับเมื่อก่อนแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินพาสิบสามจ้าวสวรรค์ไปฆ่าล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยน เกรงว่าการต่อสู้ของเถี่ยเป้าและอาชูร่าคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะสามารถตัดสินแพ้ชนะได้หรือไม่

ตู้ม!

แม้หมัดแรกจะไม่สามารถโจมตีถูกเย่เทียนเฉินได้ เถี่ยเป้าก็ไม่ได้หยุดโจมตี นี่อยู่ในการคาดเดาของเขา คนที่สามารถต่อสู้กับอาชูร่าได้และทำให้อาชูร่าพ่ายแพ้ได้ หากถูกเขาโจมตีหรือฆ่าตายไปได้ง่ายๆ ขนาดนี้ก็ผิดปกติเกินไปแล้ว

มือขวาของเถี่ยเป้าจับลงบนเครื่องจักรตัวใหญ่ตัวหนึ่ง เพียงพริบตาเดียวกโยนเครื่องจักรหนักหลายตันเข้าใส่เย่เทียนเฉิน ดูแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเข้าปะทะตรงๆ แต่เย่เทียนเฉินยังคงไม่หลบ ในการต่อสู้กับยอดฝีมือ การถอยใดๆ อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงกำหมัดขวาของตนแน่น รวบรวมพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันเข้าไป ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่พลังพิเศษเพิ่งจะไหลเข้าไปในหมัด เย่เทียนเฉินจะรู้สึกว่ามือขวาของตนมีความรู้สึกเจ็บปวดไปถึงกระดูก เขาขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าการต่อสู้กับอาชูร่าจะทำให้แขนทั้งสองได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลยทีเดียว รวมกับที่ร่างกายนี้ยังไม่แข็งแกร่งมากพอ ตอนนี้ก็มาทำการต่อสู้ครั้งใหญ่อีกครั้ง จึงปรากฏแนวโน้มว่าจะยืนหยัดไม่ไหว เถี่ยเป้าไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอาชูร่าเลย การต่อสู้ครั้งนี้อันตรายเป็นอย่างมาก

เพียงแต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่เทียนเฉินไหนเลยจะคิดมากขนาดนั้น เขาฝืนกำหมัดขวาแน่น กระตุ้นพลังพิเศษแล้วกระโดดขึ้นไปสูงหนึ่งเมตรกว่า ใช้หมัดซัดเข้าปะทะกับในเครื่องจักรอันใหญ่โตมโหฬาร

ปัง!

หมัดขวาของเย่เทียนเฉินซัดลงบนเครื่องจักร คล้ายกับโลหะปะทะกัน ทำให้เครื่องจักรที่หนักเป็นตันปลิวออกไป กระเด็นกลับไปที่เถี่ยเป้า เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึง ถ้าหากมีใครอยู่ที่นี่จะต้องตกใจจนปากอ้าตาค้างแน่นอนเครื่องจักรที่หนักหลายตันถึงกับถูกเย่เทียนเฉินและเถี่ยเป้าต่อยไปต่อยมาเหมือนกับเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง สองคนนี้ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?

ตู้ม!

เถี่ยเป้ากระโดดขึ้นมาใช้เท้าถีบลงไปบนเครื่องจักรทำให้มันกระแทกลงบนพื้น  โรงงานรกร้างทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ในขณะเดียวกันเขาก็พุ่งเข้าไปหาเย่เทียนเฉินด้วยความเร็วดุจสายฟ้า จนถึงตอนนี้ความสามารถที่เย่เทียนเฉินแสดงออกมาเหนือจินตนาการของเขาไปแล้ว เขาไม่กล้าลำพองใจอีก

เมื่อเห็นเถี่ยเป้าโจมตีเข้ามาโดยที่อัดแน่นไปด้วยไอสังหาร เย่เทียนเฉินก็ขมวดคิ้ว มองมือขวาของตนที่มีเลือดไหลออกมาจากแขน เขารู้ว่าครั้งนี้ตนเองเกิดวิกฤตจริงๆ แล้ว การต่อสู้กับอาชูร่าทำให้แขนทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะเดียวกัน อาชูร่าที่มีฐานะเป็นผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตนเองเลย การต่อสู้ในครั้งนั้นดูผิวเผินเหมือนไม่ได้ดวลกันมากมายเท่าไหร่ แต่ความจริงเป็นการปะทะกันระหว่างพลังกับพลังเพียวๆ น่าหวาดผวาอย่างมาก เพียงแต่ไม่มีคนอยู่ที่นันด้วยจึงไม่อาจสัมผัสได้

………….