ตอนที่143 ใครควรขอโทษ
ในไม่ช้ากลุ่มหนุ่มสาวเหล่านั้นก็ตรงไปที่จุดจำหน่ายตั๋ว เหลียวเซียวหยุนสุดท้ายก็ทนไม่ได้ เพื่อนเข้ามาง้อจนต้องกลับไปรวมกลุ่มกันใหม่ พวกเขารอให้อวู่เฉียนกับหยางหมิงไปซื้อตั๋วกลับมาแจกจ่าย
ประมาณสิบนาทีต่อมา อวู่เฉียนตรงเข้ามาพร้อมควงแขนของหยางหมิงเข้ามา
“เอานี่ตั๋วสำหรับทุกคน”
อวู่เฉียนแจกจ่ายอย่างยิ้มแย้ม
ในขณะเดียวกัน ลึกๆแล้วเหลียวเซียวหยุนก็อดใจไม่ได้เช่นกัน ที่จะได้เห็นจ้าวเฉียนกับหยางหมิงปะทะกัน
“ขอบคุณนะจ๊ะ”
เหลียวเซียวหยุนยิ้มตอบจากนั้นก็รับตั๋วมาสองใบ
อวู่เฉียนกล่าวต่อพร้อมรอยยิ้มแสนเหยียดหยันบนมุมปากว่า
“เซียวหยุนอย่าลืมแนะนำแฟนจนๆของเธอให้ว่าที่แฟนใหม่ฉันได้รู้จักด้วยนะ”
“โอ๋?”
หยางหมิงอุทานขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
ในเวลานั้นเองจ้าวเฉียนที่มัวแต่หันหลังอยู่ ก็เหลียวกลับมาสบตากับหยางหมิงโดยตรง
“นายน้อยหยาง ช่าบงเป็นเรื่องบังเอิญอะไรแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะพบกันอีกแล้ว หรือเป็นไปได้ไหมว่า มันจะเป็นพรมลิขิต? ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ผมคงขอคุณแต่งงานแล้ว”
จ้าวเฉียนกล่าวขึ้นพร้อมยิ้มเยาะ
หยางหมิงถึงกับสะดุ้งโหย่วกระโดดชี้หน้าใส่ทันควัน ตะโกนลั่นว่า
“ทำไม…ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ได้? นาย…นายเหรอแฟนใหม่ของคุณหนูเหลียวเซียวหยุน? แล้วหวานเจียงล่ะ? นี่นายควบสองเลยงั้นเหรอ?!”
จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคัก กล่าวตอบกลับไปว่า
“ผมมาเดทกับแฟนสาวอีกคนเหมือนกับคุณนั้นแหละ ถ้าว่าผมควบสอง คุณเองก็ควบสองไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมไม่พูดคุณไม่พูด ไม่มีใครรู้”
“นี่นายไม่กล่าวเลยรึไงว่า หวานเจียงจะโกรธขนาดไหนถ้าเธอรู้เข้า?”
หยางหมิงเอ่ยถามเชิงข่มขู่
“ถ้าคุณไม่บอก ผมไม่บอก แล้วเธอจะรู้ได้ไง? เว้นเสียแต่นายน้อยหยางของผมเป็นพวกใส่กระโปร่ง ลิ้มสองแฉก พูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับผมออกไปหลับหลัง”
จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวพร้อมใบหน้าแสนทะเล้น
หยางหมิงมองตาข้างด้วยความโกรธ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ในเวลานั้นเองอวู่เฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า
“ทำไมคุณถึงรู้จักคนจนๆแบบไอ้หมอนี่ด้วย? มันไปทำอะไรให้คุณหรือเปล่า?”
หยางหมิงไม่กล้าบอกความจริงไป เพียงแต่แต่งเรื่องไร้สาระออกไปเท่านั้น
“ก็เรื่องเล็กน้อย ขัดแย้งในด้านธุรกิจน่ะ เวลาเจ้านี่ทำธุรกิจชอบข่มขู่คนอื่น ขยี้จุดอ่อนจนต้องยอมทำตามมัน ช่างเถอะ พูดไปก็อารมณ์เสีย วันนี้ไปเดินเที่ยวกันให้สนุก!”
“เดี๋ยวก่อน! แล้วผู้หญิงที่ชื่อหวานเจียงคือใคร?”
อวู่เฉียนยังคงเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย
“แฟนสาวของเจ้านั่นแหละ คุณหนูคนโตแห่งฮวาหยิน กรุ๊ป”
หยางหมิงเอ่ยตอบเสียงแผ่วเจือเศร้าสร้อย
“โอ้โห? ที่แท้มันก็เป็นแมงดามืออาชีพเลยไม่ใช่เหรอ? หลอกเอาเงินโดยการคบหาผู้หญิงรวยๆ เซียวหยุนได้ยินที่แฟนฉันพูดไหม? ไอ้หมอนี่มันหลอกคบกับเธออยู่นะ! ไร้ยางอายจริงๆ!”
อวู่เฉียนถึงกับชี้หน้าด้านจ้าวเฉียนด้วยถ่อยคำหยาบคาย
จ้าวฉเฉียนไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะปะทะกับหยางหมิง และเขาเองก็ไม่คิดที่จะเถียงกับผู้หญิงโง่แบบอวู่เฉียนด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงยิ้มตอบกลับเสียงเรียบไปว่า
“คุณอวู่ พูดกันอย่างสุภาพชนนะครับ คุณมีหลักฐานอะไรที่มากล่าวหาผม? ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรเลยก็หยุดเห่าสักทีเถอะครับ มันน่ารำคาญ”
“ไอ้เวร! แกว่าใครเห่ากันห่ะ?!”
อวู่เฉียนตะโกนสวนกลับไปทันที
“ใครมาเห็นก็รู้ว่าคุณกำลังเห่าอยู่ไงครับ ถ้างั้นผมเปลี่ยคำเรียกก็ได้ หญิงเสียสติแล้วกัน”
จ้าวเฉียนตอกกลับอย่างไร้ปราณี
“เซียวหยุน เธอยังจะเอาผู้ชายต่ำทรามแบบนี้ลงอีกงั้นเหรอ?! ถ้าเธอยังโง่อยู่แบบนี้ ฉันจะทำให้เลิกกันเอง!”
อวู่เฉียนแหกปากโวยวายเสียงดังลั่น
หยางหมิงตบไหล่อวู่เฉียนเบาๆ กล่าวปลอบโยนไปว่า
“ใจเย็นน่า ใจเย็น เดิมทีเขามีชีวิตที่ลำบากมาก แต่ก่อนเป็นพนักงานกินเงินเดือนจนๆ แต่ดันโชคดีถูกล็อกเตอรี่เลยได้เงินมาสร้างตัวก้อนหนึ่ง ส่วนแฟนเก่าของเขาก็คิดกลับใจ อยากมาคบกับเขาใหม่ เพราะเห็นแก่เงิน แค่นี้ชีวิตของเขาก็ยากลำบากพอแล้ว อย่าไปซ้ำเติมเลย”
“ฮ่าฮ่าๆๆ…”
ทุกคนต่างระเบิดหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น
“ที่แท้ก็มีประสบการณ์เลวร้ายมาก่อนี่เอง! อย่าโทษผู้หญิงพวกนั้นเลย ถ้านายไม่ทำแบบนี้คงอยู่รอดในเมืองตงไห่ยาก!”
“ถูกต้อง ที่ดินทุกตารางนิ้วของที่นี่แพงมาก บ้านหลังหนึ่งก็ตกหลายล้าน แค่ที่อยู่ยังไม่มีปัญหาซื้อ ก็เลยต้องเกาะคนอื่นกิน?”
“ฮ่าฮ่าๆๆ….”
วันนี้จ้าวเฉียนไม่ใช่จ้าวเฉียนคนเดิมเมื่อห้าปีก่อนอีกแล้ว ในระยะเวลาที่ผ่านมา เขาต้องทำงานอย่างหนัก ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเพ่งมาโดยตลอด และทั้งหมดนั้นทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมาก
แม้คนเหล่านี้จะพูดจาไม่ดียังไง แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหาเรื่องทะเลาะกับพวกเขา สุดท้ายนี้เขายังมองเป้าหมายมาก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากวันนี้ผ่านพ้นไป เขาจะดิลกับบริษัทคู่ค้าได้สำเร็จ
แต่เหลียวเซียวหยุนไม่ยอมโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน ที่เธอขอให้เขามาด้วยก็เพื่อสั่งสอนอวู่เฉียน หญิงสาวสันดานสุนัขคนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงวันนี้ เหลียวเซียนหยุนจะต้องทำให้อวู่เฉียนอับอายชนิดที่ว่าต้องแทรกแผ่นดินหนี!
ตอนนี้ยังปล่อยไปก่อน เธอยังมีเวลาเหลืออีกมากพอที่จะทำให้อวู่เฉียนอับอาย ดังนั้นเหลียวเซียวหยุนจึงสวนตอบกลับไปอย่างไม่แยแส แม้กระทั่งจ้าวเฉียนที่อยู่ข้างๆยังต้องตะลึง
“ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะมีแฟนกี่คน ขอแค่เขารักฉันมากกว่าเธอคนนั้นก็พอ ว่าไงล่ะ…นายรักใครมากกว่ากัน?”
“เอ่อ…ถามแบบนี้มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ เอ่อ…หมายถึง…คุณไม่ควรแกล้งผมเล่นแบบนี้นะ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามอย่างลังเล
คนอื่นๆต่างไม่เข้าใจเช่นกันว่า เพราะเหตุใดเหลียวเซียวหยุนถึงพูดออกไปแบบนั้น พวกเขาต่างสบตากันไปมาด้วยความงงงวย
“หึ! ฉันไม่มีอารมณ์เที่ยวแล้ว! ถ้ารักเธอคนนั้มากกว่าก็ไปขอร้องเธอแล้วกัน พรุ่งนี้หรือวันไหนๆก็ไม่ต้องมาหาฉันแล้ว!”
จู่ๆเหลียวเซียวหยุนก็หัวเสียอย่างไม่มีเหตุผล เธอสะบัดหน้าหนีและเดินจากออกไปทันที แต่จ้าวเฉียนก็รีบคว้าแขนเธอเอาไว้ได้ทัน
ถ้าอีกฝ่ายบอกว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาหาเธอแล้ว นั้นหมายความว่าการเจรจาขอความร่วมมือก็จะตกเป็นโมฆะเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าอะไรจ้าวเฉียนก็จำใจต้องยอมเธอไปก่อน
“นายน้อยหยาง เห็นไหมคุณทำให้เธอโกรธแล้ว รีบขอโทษเธอเดี๋ยวนี้เลย!”
จ้าวเฉียนหันไปพูดกับหยางหมิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้เปล่งดังออกมา ทุกคนต่างระเบิดหัวเราะกันลั่น
“ฮ่าฮ่าๆๆ…คุณจ้าวไปเอาความมั่นใจขนาดไหนถึงกล้าพูดแบบนี้ออกมา? คุณรู้ไหมว่าเขาคือใคร? เขาเป็นถึงทายาทเฟยอวี่ กรุ๊ป อายุเท่าไหร่แล้วห่ะ? ถึงทำอะไรไร้เดียงสาแบบนี้? ฮ่าฮ่าๆๆ…ฉันขำจะตายแล้ว!”
แฟนหนุ่มของเพื่อนเหลียวเซียวหยุนเอ่ยถามอย่างเย้ยหยัน
“ฮ่าฮ่า…เขาคงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เป็นทายาทมหาเศรษฐีล็อคเตอรี่มั่ง ไม่ก็ฝันกลางวันอยู่ ถึงแยกไม่ออกระหว่างความฝันกับความเป็นจริง จนคิดว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูง!”
คนอื่นๆต่างระเบิดหัวเราะเยาะและพยายามเอาชนะจ้าวเฉียนด้วยคำพูดถากถาง
อวู่เฉียนยิ่งเดือดจัด เธอชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนโดยตรงว่า
“แกมันต้องโง่ขนาดไหนถึงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! เหลียวเซียวหยุน ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นแก่หน้าเธอหรอกนะ แต่แฟนจนๆของเธอ มันทำตัวน่ารังเกียจเกินไป! อย่าให้มีครั้งต่อไปนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตบหน้ามันสั่งสอน! แล้วจะกลับไปฟ้องพ่อให้ระงับบัญชีธนาคารของมัน! รู้ไว้ด้วยว่าพ่อฉันเป็นถึงเจ้าของธนาคาร ถ้าไม่รีบกราบเท้าฉันกับหยางหมิง ก็เตรียมตัวไปเป็นขอทานได้เลย!”
ที่อวู่เฉียนกล้าทำแบบนี้เพราะตัวเองเป็นถึงลูกคุณหนู และยังมีว่าที่แฟนหนุ่มที่เป็นถึงทายาทเศรษฐีอย่างเฟยอวี่ กรุ๊ป ดังนั้นมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องกลัวจ้าวเฉียน?
ไม่ว่าบริษัทที่จ้าวเฉียนก่อตั้งมาจะใหญ่โตแค่ไหน แต่ถ้าโดนปิดบัญชีและยัดข้อหาโกงเข้าไปก็จบเห่อยู่ดี แถมการจะยัดหนี้สินจำนวนแสนล้านให้โดยไร่ร่องรอยยังทำได้ไม่ยาก เพราะพ่อของเธอเป็นถึงเจ้าของธนาคารใหญ่ในเมือง
เหลียวเซียวหยุนยังเป็นแค่นักศึกษา ความคิดวิเคราะห์ยังไม่ละเอียดและลึกเท่าจ้าวเฉียน และเธอเองก็คาดไม่ถึงเลยว่า อวู่เฉียนจะใช้วิธีนี้เล่นงานจ้าวเฉียน
ถ้าลำพังเงินออมของเธอจ่ายหนี้ให้จ้าวเฉียนไม่พอ เธอต้องไปหาให้พ่อของเธอช่วยแน่นอน แต่นั้นก็จะยิ่งทำให้เรื่องมันบานปลายเข้าไปใหญ่
แล้วอีกอย่างถึงจะช่วยจ้าวเฉียนได้ เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับความโกรธเกรี้ยวของตระกูลหยางไหวไหม?
คนอื่นๆต่างคลี่ยิ้มกว้างราวกับกำลังเฝ้าดูเรื่องตลกของจ้าวเฉียน คนประเภทนี้ในสายตาของพวกเขา มันไม่ต่างอะไรจากขอทานเลย การที่มีขยะแบบนี้มาร่วมวงด้วย ไม่เพียงรู้สึกว่าโดนดูถูกศักดิ์ศรีเท่านั้น แต่ยังทำให้สถานะของพวกเขาต่ำลงอีกต่างหาก
จ้าวเฉียนเหลืบอมองหยางหมิงอย่างเมยเฉย ไม่มีท่าทาโกรธเกรี้ยวหรือหวาดกลัวเลยสักนิด พร้อมเอ่ยถามเสียงเรียบไปว่า
“นายน้อยหยาง คุณคิดว่าเธอควรตบผมไหม?”
หยางหมิงย่อมเป็นต่อจ้าวเฉียนอยู่ในขณะนี้ เพราะอีกฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าเขา
“อย่าไปตำหนิเสี่ยวเฉียนเลย เธอก็โวยวายไปตามภาษาผู้หญิงนั้นแหละ ฉันสัญญาเลยว่า จะไม่ปล่อยให้เธอละลานนายอีก แต่นายต้องขอโทษเธอก่อน”
หยางหมิงกล่าวตอบกลับไปด้วยความรู้สึกผิด
“ฮ่าฮ่า…นายน้อยหยาง ไม่ทราบว่าหูหนวกหรือเปล่าครับ? ผมบอกว่าให้คุณขอโทษแฟนผม ไม่ใช่ให้มาขอโทษผม แล้วไม่ทราบว่าเหตุใดผมต้องขอโทษเธอด้วย? คงคิดว่าเท่มากใช่ไหมครับที่ได้พูดคำนี้ ลองพูดอีกทีสิครับ…ไม่งั้น…”
คล้อยหลังพูดจบ จ้าวเฉียนก็หยิบมือถือตัวเองขึ้นมา และชี้ไปที่ไฟล์คลิปและภาพหลุดบนนั้น
หยางหมิงถึงกับเหงื่อนตกในทันใด ถ้าหากภาพกับคลิปพวกนั้นหลุดว่อนอินเตอร์เน็ต มีหวังเฟยอวี่ กรุ๊ปถึงคราวขะตาขาดเป็นแน่!
“เสี่ยวเฉียน ผมว่าคุณควรขอโทษเขานะ รีบๆขอโทษเรื่องจะได้จบไป”
เมื่อหยางหมิงกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนที่กำลังเฝ้ามองอย่างร่าเริงก็พลันเงียบสงัดลงทันใด