บทที่ 292 คนที่ไม่อาจล่วงเกินได้

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 292 คนที่ไม่อาจล่วงเกินได้
บทที่ 292 คนที่ไม่อาจล่วงเกินได้

ทุกคนต่างตกตะลึงในความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหราน

แต่หารู้ไม่ เมื่อครู่นี้อวี้ฮ่าวหรานยังไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลยด้วยซ้ำ

แรงทั้งหมดนั่นมาจากพละกำลังของร่างเทวะล้วน ๆ!

เมื่อเห็นภาพของเพื่อร่วมแก๊งตัวเองถูกเตะกระเด็นจนสลบไสล ก็พากันหยุดนิ่งทันที และไม่กล้าที่จะพุ่งเข้าอวี้ฮ่าวหรานอีกต่อไป

ล้อเล่นหรือไง! ใครมันจะไปสู้กับสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้!

เมื่อเจาหลี่เห็นเช่นนี้เขาเองก็สั่นกลัวยิ่งกว่าเดิม และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนั้นที่ภูเขาเหมยซาน ลูกน้องเขานับสิบก็โดนอวี้ฮ่าวหรานอัดจนร่วงไปง่าย ๆ ดังนั้นคนยี่สิบกว่าคนที่พวกเขามีตอนนี้มันย่อมไม่พอแน่นอน!

ทว่าเมื่อเขามองไปรอบ ๆ ตัว และเห็นว่าที่นี่มีแก๊งอื่นอยู่เยอะ เขาก็เกิดความคิดที่บรรเจิด

“พี่น้องชาวแก๊งทั้งหลาย! ไอ้เวรนี่มันมาที่นี่เพื่อสร้างความวุ่นวายให้กับพวกเราแน่นอน! พวกเราควรช่วยกันฆ่ามันทิ้งซะ! อย่าลืมว่าที่นี่มีแก็งพยัคฆ์เวหาอยู่ด้วย หากพวกเขาเห็นว่าพวกเรายังไม่สามารถจัดการกับคน ๆ เดียวได้ พวกเขาคงไม่ยอมรับพวกเราแน่!”

เขาตะโกนขึ้นด้วยใจระทึก พยายามปลุกระดมคนรอบ ๆ

บรรดาแก๊งอื่น ๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ต่างก็เริ่มคล้อยตาม และเมื่อพวกเขาคิดถึงความแปลกแยกของอวี้ฮ่าวหราน พวกเขาต่างก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ร้ายแน่นอน

“จริงด้วย! ฆ่ามันเลยพวกเรา!”

“ได้! ฉันเองก็ไม่ชอบขี้หน้ามันตั้งแต่ต้นเช่นกัน!”

“เอามัน! แสดงให้แก๊งพยัคฆ์เวหาเห็นว่าพวกเราก็มีดี!”

“…”

ด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่านของทุกคนในห้องโถง บรรยากาศจึงเดือดระอุอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานก็กวาดสายตามองไปยังนักเลงนับร้อยที่อยู่รายล้อม ถึงแม้ว่าเรื่องราวมันจะถูกปั้นแต่งขึ้น แต่เขาก็ไม่สนใจจะอธิบาย พวกมดแมลงพวกนี้ต่อให้มีหรือไม่มี ชายหนุ่มก็สามารถทำให้แก๊งพยัคฆ์เวหาชนะแก๊งวาฬยักษ์และแก๊งฉลามคลั่งได้อยู่ดี!

“หึหึ พวกแกมันก็แค่มดแมลง เข้ามาพร้อม ๆ กันเลยดีกว่ามา ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเยอะ!”

อย่างไรก็ตาม วินาทีก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย จู่ ๆ กลับมีคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากประตูด้านหลังห้องโถง

“นั่นโจวเฟยหู่นี่นา!”

“แก๊งพยัคฆ์เวหามาแล้ว!”

เมื่อคนแก๊งอื่น ๆ เห็นโจวเฟยหู่เดินนำหน้ากลุ่มมา พวกเขาต่างก็ละความสนใจจากอวี้ฮ่าวหราน และทำตัวสงบเสงี่ยมในทันที

ที่นี่มันคือถิ่นของแก๊งพยัคฆ์เวหา เมื่ออยู่ต่อหน้าโจวเฟยหู่ ใครกันจะกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม?

พวกเขาเป็นแค่แก๊งเล็ก ๆ หากทำให้แก๊งใหญ่อย่างแก๊งพยัคฆ์เวหาโมโห มันก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย!

หลังจากกลุ่มของโจวเฟยหู่เดินออกมาจากด้านหลังร้าน หวังเหยียนเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอวี้ฮ่าวหรานกำลังถูกล้อมโดยสมาชิกแก๊งอื่น ๆ ที่พวกเขาเรียกมาประชุม

หวังเหยียนขมวดคิ้วแน่นทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น น้อง…”

แต่แล้วก่อนที่หวังเหยียนจะทันได้พูดจบ เจาหลี่ซึ่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนตะโกนขึ้นแทรกซะก่อน

“รองหัวหน้าแก๊งหวัง! ไอ้คน ๆ นั้นมันมาจากไหนไม่รู้! มันไม่เห็นแก๊งพยัคฆ์เวหาอยู่ในสายตาเลย มันทำร้ายคนที่นี่ไปมากมาย พวกเรากำลังจัดการลงโทษมันแทนพวกคุณ!”

เขาแต่งเรื่องขึ้นมาใหม่อย่างหน้าตาเฉย ไม่ว่ายังไง เมื่อกี้คนอื่น ๆ ก็อยู่ข้างเขาอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาปรับแต่งเรื่องราวสักนิดหน่อยมันคงไม่มีใครว่าอะไรจริงไหม?

ตอนนี้เมื่อแก๊งพยัคฆ์เวหาปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขามั่นใจว่าอวี้ฮ่าวหราน จะต้องโดนยำตายแน่นอน!

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินคำพูดของเจาหลี่ หวังเหยียนสีหน้าเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวทันที

ในขณะเดียวกัน โจวเฟยหู่ที่ฟังอยู่ระเบิดอารมณ์โมโหขึ้นมาอย่างฉับพลัน!

“พวกแก…ไปจับไอ้เด็กนั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

โจวเฟยหู่ชี้ไปยังกลุ่มคนและตะโกนเสียงดังลั่น

หัวหน้าสาขาของโจวเฟยหู่พยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็วและกระโจนเข้าไปกลางกลุ่มคนทันที

บรรดาหัวหน้าสาขาของโจวเฟยหู่ ทุกคนต่างรู้จักอวี้ฮ่าวหรานอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจคำสั่งของหัวหน้าตัวเองเป็นอย่างดีว่า ให้จับใครไปให้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่จับอวี้ฮ่าวหรานแน่ ๆ!

เมื่อเห็นเช่นนี้ เจาหลี่ซึ่งอยู่กลางกลุ่มคน และยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

“ฮ่า ๆ ใช่! จัดการไอ้เวรนั่นเลย! ทำให้มันตายอย่างทรมาน!”

เขามีความสุขมาก หากแก๊งพยัคฆ์เวหาลงมือ เขามั่นใจว่าอวี้ฮ่าวหรานจบเห่แน่นอน

แต่แล้ว ไม่เกิน 3 วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ!

“ด…เดี๋ยวนะ! พ…พวกพี่ชายวิ่งมาผิดทางหรือเปล่า? ไอ้เวรนั่นมันอยู่ตรงนู้น!”

ขณะนี้เขาเห็นแล้วว่าคนของโจวเฟยหู่ไม่ได้วิ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหราน แต่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาแทน!

โดยไม่พูดพร่ำให้เปลืองน้ำลาย หนึ่งในหัวหน้าสาขาของโจวเฟยหู่ วิ่งเข้ามาเตะที่ขาอีกข้างที่ยังใช้งานได้ของเจาหลี่อย่างรุนแรงจนหักงอผิดรูป!

“อ๊ากกก!!! ขาฉัน ขาฉัน!! พ…พวกพี่ทำผิดคนแล้ว คนที่หัวหน้าโจวสั่งให้จัดการอยู่ตรงโน้น!”

หลังจากที่โดนเตะลงไปกองอยู่ที่พื้น เจาหลี่ร้องโหยหวนเหมือนหมาถูกรถชน แต่เขายังคงมีแรงชี้ไปที่อวี้ฮ่าวหรานหวังว่าจะสามารถแก้ความเข้าใจผิดนี้

“ไอ้โง่! หัวหน้าของฉันหมายถึงแกนั่นแหละ!”

หัวหน้าสาขาของโจวเฟยหู่ คนที่เพิ่งเตะเจาหลี่ตอบกลับแก้ความสงสัยด้วยสีหน้าเย็นชา

แน่นอนว่าเมื่อเจาหลี่ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างลืมความเจ็บปวดไปชั่วคราวเพราะถูกความกลัวมาแทนที่!

บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน เมื่อกี้พวกเขาต่างก็พยายามเข้าไปรุมอวี้ฮ่าวหราน ดังนั้นจึงกลัวความผิดเช่นกัน

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ มันเดาไม่ยากเลยว่าทำไมตอนนี้เจาหลี่ถึงโดนหักขา มันน่าจะเป็นเพราะว่าชายหนุ่มที่ดูแสนธรรมดาคนนี้น่าจะมีสถานะพิเศษที่พวกเขาไม่ควรล่วงเกิน!

หลังจากนั้น เจาหลี่ซึ่งโดนกระทืบไปอีกชุดใหญ่ก็ถูกลากตัวไปหาโจวเฟยหู่ด้วยสภาพเลือดโชกปางตาย

“หัวหน้าโจว เราพาไอ้โง่นี่มาแล้ว!”

บรรดาหัวหน้าสาขาเอ่ยขึ้นก่อนที่จะโยนตัวเจาหลี่ลงไปนอนตรงหน้าของโจวเฟยหู่

“ดี ทำได้ไม่เลว!”

โจวเฟยหู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นสภาพโชกเลือดของเจาหลี่ ก่อนที่จะลงไปนั่งยอง ๆ และจิกหัวเจาหลี่ ให้เงยหน้าขึ้นมาและเอ่ยถามด้วยสีหน้าเย็นชา

“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงจัดการกับแก?”

“ผ…ผมไม่รู้…ผมแค่พูดขึ้นเพื่อให้ทุกคนระวังไอ้ลูกหม…”

เพี๊ยะ!!

หลังจากฟังไปได้แค่ครึ่งเดียว โจวเฟยหู่ตบหน้าเจาหลี่จนฟันร่วงไปครึ่งปากทันที!

“ไอ้โง่บัดซบเอ๊ย! แกนี่มันไม่รู้ซะแล้วว่าแกกำลังล่วงเกินใครอยู่!!”

ในขณะเดียวกันนี้ หวังเหยียนก็เดินเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหราน และโค้งตัวเล็กน้อยแสดงท่าทีขออภัยก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย

“น้องอวี้…เราไม่รู้จริง ๆ ว่านายจะมาตอนไหน พวกเราเลยไม่ได้ออกไปรอรับนาย คนของแก๊งอื่น ๆ พวกนี้ก็ไม่รู้จักนาย มันก็เลยเกิดความเข้าใจผิดแบบนี้ขึ้น ฉันต้องขออภัยนายด้วยจริง ๆ และได้โปรดอย่าถือสาพวกเขาเลย…”

แน่นอนว่าภาพนี้ทำให้บรรดาคนของแก๊งอื่น ๆ ตกตะลึงจนดวงตาแทบถลนออกจากเบ้า

หวังเหยียนผู้โด่งดังกลับกำลังก้มหัวขอโทษให้กับเด็กอายุยี่สิบต้น ๆ เนี่ยนะ?

พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจกับสีหน้าตกตะลึงของคนรอบ ๆ เขาแค่พยักหน้าเล็กน้อยให้กับหวังเหยียนแค่นั้น

“อืม ช่างมันเถอะ”

ด้วยการตอบกลับแบบใจกว้างของอวี้ฮ่าวหรานเช่นนี้มันทำให้หวังเหยียนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลัวจริง ๆ หากอวี้ฮ่าวหราน เอาเรื่องขึ้นมา ที่นี่คงกลายเป็นนรกบนดินเหมือนตอนนั้นที่เกิดขึ้นกับแก๊งมังกรคราม…

“ขอบคุณ ขอบคุณน้องอวี้ที่เข้าใจ งั้นเดี๋ยวตอนนี้ฉันพานายไปที่หลังร้านเพื่อพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน และหลังจากที่จัดการกับธุระตรงนี้เสร็จ การประชุมจะเริ่มขึ้นทันที”

“อืม”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตอบกลับอีกครั้งอย่างเข้าใจ

เรื่องราววุ่นวายตรงนี้เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงจัดการเอง สิ่งที่เขาต้องทำวันนี้มีแค่อย่างเดียวคือชี้นำว่าแก๊งพยัคฆ์เวหาควรจะทำอะไรต่อไป

หลังจากเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตอบรับ หวังเหยียนก็รีบพาอีกฝ่ายเข้าไปพักที่หลังร้านในห้อง VIP ทันที

ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างขนลุก

ตัวตนแบบไหนกันที่ทำให้แก๊งพยัคฆ์เวหานอบน้อมได้ขนาดนี้!

เมื่อครู่ถ้าหากพวกเขาลงมือทำอะไรชายหนุ่มคนนั้นไป มันจะไม่ถือว่าพวกเขารนหาที่ตายหรือไง?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ พวกเขาต่างก็หันไปจ้องเขม็งที่เจาหลี่ ตัวการที่ปลุกระดมพวกเขา!

ไอ้เวรนี่เกือบทำให้พวกฉันซวยแล้วไหมล่ะ!

ถ้าไม่มีไอ้เวรนี่สักคน เรื่องนี้พวกฉันก็ไม่เกี่ยวด้วยแล้ว!