บทที่ 308: ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็ปรากฏออกมา

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 308: ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็ปรากฏออกมา

ฉินเย่รู้สึกได้ว่าหางตาของเขากระตุกไม่หยุดขณะที่เขาชี้นิ้วไปยังที่นั่งรอบ ๆ ตัว เขากัดฟันแน่นและหันไปมองซู่เฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “นี่คุณไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ?!”

“แล้วผมโสดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?” ซู่เฟิงมองฉินเย่ด้วยสายตาประหลาดใจ “แฟนของผมแค่ไม่ได้อยู่แถวนี้เท่านั้น”

โอเค… ดีมาก… ฉินเย่กลืนความโกรธของตนและลดมือลง หลินฮั่นที่เห็นเช่นนั้นก็รีบก้าวเท้าไปหาเด็กหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มเห็นใจ “ขอโทษที แต่ไม่ต้องห่วง คุณยังเด็ก จะโสดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย…”

คำพูดของอีกฝ่ายเป็นเหมือนกับสว่านที่เจาะทะลุเข้ามาในใจของฉินเย่

เขาเนี่ยนะเด็ก ?!

ให้ตายเถอะ… ช่างมัน เขาจะไม่สนใจเจ้าโง่นี่

ว่าที่จ้าวนรกองค์ถัดไปของยมโลกรู้สึกราวกับว่าตนเพิ่งโดนปิดประตูใส่หน้า เขานั่งลงที่เดิมด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก น่าเสียดาย หลินฮั่นนั้นไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง เขารีบเดินไปข้าง ๆ อีกฝ่ายอีกครั้ง “นี่ ทำไมไม่ให้เหยี่ยนฉิวลองช่วยหาให้ล่ะ ? ถึงแม้ว่าคุณจะยังเด็กแต่หน้าตาของคุณก็ค่อนข้างอ่อนโยน ผมคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับพวกนักเรียนส่วนใหญ่ที่อยู่นอกสำนักนะ…”

“เหยี่ยนฉิว ?” ฉินเย่ถามกลับเสียงดัง “นี่พวกคุณสองคนสนิทชิดเชื้อกันจนสามารถเรียกชื่อต้นกันได้แล้วเหรอ ? แล้วอย่างไรต่อล่ะ ? แต่งงานเลยไหม ?”

หลินฮั่นแย้มยิ้มอย่างกระตือรือร้นทันที “เราก็มารอดูกันต่อไป แต่ผมจะบอกอะไรให้นะ ผมกับเธอ เราเป็นเหมือนคู่หูที่สุดแสนจะแข็งแกร่งที่จะต่อสู้อยู่แนวหน้าเข้าปะทะกับกองกำลังวิญญาณ ! เราเป็นคู่หูจอมพลัง ! ผมจะรอดูว่าเธอจะไปประจำการที่ไหนหลังจากที่จบการศึกษาแล้ว และผมก็คงจะไปกับเธอด้วย จากนั้นผมก็จะพยายามขอแต่งงานให้สำเร็จภายในหนึ่งปี !”

ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่คิดจะสนใจอีกฝ่ายอีกต่อไป และในขณะนั้นเองสวี่อันกั๋วก็เอ่ยขึ้นในที่สุด “อาจารย์ผู้สอนทุกท่าน โปรดอยู่ในความสงบ”

“ผมเรียกพวกคุณมาที่นี่ในวันนี้ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรก ผมอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาของหลักสูตรที่จะใช้ในภาคการศึกษา และประการที่สอง ผมอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดฤดูร้อน” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่งจากนั้นจึงหันไปหาโจวเซียนหลง “หัวหน้าโจว คุณอยากจะเป็นคนพูดหรือเปล่า ?”

คนทั้งหมดเงียบไปทันที

เพราะการมีส่วนร่วมของโจวเซียนหลงบอกพวกเขาว่า ‘บางสิ่งบางอย่าง’ ที่เกิดขึ้นจะต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา ๆ แน่

พวกเขาไม่ใช่พวกโง่ หากเรื่องที่กำลังจะพูดถึงคือสิ่งที่สามารถจัดการได้ด้วยผู้ฝึกตนขั้นยมทูตขาวดำ สวี่อันกั๋วคงไม่มีทางปล่อยให้โจวเซียนหลงพูดเกี่ยวกับมันแน่ ข้อเท็จจริงที่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโจวเซียนหลงหมายความว่ามันเป็นเรื่องที่แม้แต่ขั้นยมทูตขาวดำก็ไม่สามารถจัดการได้ และมันก็ต้องใช้คนที่แข็งแกร่งอย่างโจวเซียนหลงในการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

หรือหากจะให้พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ มีความเป็นไปได้ที่มันจะเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของวิญญาณร้ายที่อยู่เหนือความสามารถในการจัดการของขั้นยมทูตขาวดำ !

“ทุกท่าน” โจวเซียนหลงลุกขึ้นยืนและกวาดตามองคนทั้งหมดก่อนจะเอ่ยออกมา “ตอนนี้… สามมณฑลทางตะวันออกได้ตกอยู่ในความโกลาหล”

“!!!” เสียงฮือฮาดังขึ้น คำของโจวเซียนหลงนั้นสั้น แต่มันกลับแฝงไปด้วยความหมายมากมาย

สามมณฑลทางตะวันออกได้ตกอยู่ในความโกลาหล ? แต่… อย่างไรล่ะ ? มันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และมันก็คือการปรากฏตัวของราชาผีนั้นเทียบได้กับการประกาศศึกกับแดนมนุษย์โดยตรง !

“ในที่สุดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างแดนมนุษย์กับโลกใต้พิภพก็เริ่มขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ ?” หลินฮั่นจับราวที่นั่งขณะที่ลมหายใจเริ่มติดขัด ในขณะเดียวกัน สายตาของฉินเย่ก็เปลี่ยนเป็นล้ำลึกมากยิ่งขึ้น เขาไม่เอ่ยอะไรออกมา

“อย่าเพิ่งตื่นตระหนก !” โจวเซียนหลงตบโต๊ะและเอ่ยต่อ “สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม หน่วยสอบสวนพิเศษสาขาตงไห่ได้เปิดใช้เส้นตรวจจับตัวตนเหนือธรรมชาติระดับสูงสุด และความโกลาหลนี้ก็ได้ถูกแบ่งแยกออกจากส่วนอื่น ๆ ของจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว !”

ฉินเย่กัดฟันแน่นและก้มหน้าลงเล็กน้อย

ทำไม ?

ทำไมราชาผีถึงเลือกอยู่ในสามมณฑลนี้ ?

ฉินเย่รู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ดีกว่าทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ที่สำคัญที่สุด เขารู้ด้วยว่าราชาผีพวกนั้นล้วนอยู่ขั้นภูตผีคลุ้มคลั่ง !

อีกความหมายหนึ่งก็คือ… เหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของราชาผีในสามมณฑลทางตะวันออกในตอนนี้ถูกหยุดลงโดยแดนมนุษย์ !

“ไม่น่าเชื่อ…” เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังโจวเซียนหลง

บนเวทีด้านหลัง โจวเซียนหลงได้หยิบปึกกระดาษขึ้นมาในขณะที่หน้าจอ LED ด้านหลังฉายภาพของแผนที่ “ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในตอนปลายเดือนกรกฎาคม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 04.50 น.”

“เหล่าฉิน หน้าคุณซีด ๆ นะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ?” หลินฮั่นมองฉินเย่อย่างมึนงงก่อนที่จะได้รับคำปฏิเสธกลับมา “ตั้งใจฟังไป ! คุณจะมองมาทำไมนักหนา ?!”

อีกฝ่ายหันกลับไปในขณะที่ฉินเย่ลอบถอนหายใจออกมา

เป็นอย่างที่คิด…

แผนที่นี้ไม่ใช่แผนที่อาณาเขตทั่วไป แต่มันคือแผนที่ของพื้นที่น่านน้ำโดยรอบ

มหาสมุทรที่อยู่ระหว่างจีน แดฮันและญี่ปุ่น มันคือแผนที่ของช่องแคบสึชิมะที่ฉินเย่รู้จักดี !

แผนที่แสดงให้เห็นสามมณฑลทางตะวันออกของจีนที่เป็นสีแดงเข้ม ในขณะที่ญี่ปุ่นเป็นสีเหลืองและแดฮันเป็นสีเขียว แต่ถึงกระนั้น ณ ใจกลางของช่องแคบสึชิมะกลับถูกทาด้วยสีดำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน !

หากพูดตามตรง มันไม่ใช่สีดำสนิท

แต่มันคือสีแดงเข้มที่เข้มจนดูเหมือนกับสีดำมากกว่าสีแดง !

ปีกของทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกเริ่มกระพือแล้ว… หัวใจของเด็กหนุ่มบีบแน่นขึ้น ผลที่ตามมาจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ช่องแคบสึชิมะเพิ่งจะปรากฏขึ้น เริ่มแรก… มันกระตุ้นให้จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเดินทางมาที่จีน และตอนนี้… แม้แต่เหล่าราชาผีก็เริ่มเคลื่อนไหว !

ฉินเย่ยังคงนั่งฟังอย่างตั้งใจ เขาอยากจะฟังว่าแดนมนุษย์จะจัดการกับสถานการณ์ที่น่าตกตะลึงนี้อย่างไร

“ในวันที่ 26 กรกฎาคม ช่องแคบสึชิมะได้ระเบิดพลังหยินออกมาเป็นจำนวนมาก จากการคาดการของเรา… ค่าพลังหยินที่อ่านได้จากการปะทุนั้นสูงกว่า 30 ล้าน…”

“ว่าไงนะ ?!”

“30 ล้าน ?! นี่คุณแน่ใจใช่ไหมครับว่าอุปกรณ์ของเราไม่ได้อ่านค่าผิดพลาด ?!”

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร ?! เรากำลังดูการถือกำเนิดของเทพแห่งความตายอย่างนั้นหรือ ?!”

ทั้งหอประชุมตกอยู่ในความฮือฮาทันที แต่วินาทีนั้น สวี่อันกั๋วก็ตบโต๊ะเสียงดัง “เงียบ”

คนทั้งหมดเงียบเสียงลงอีกครั้ง โจวเซียนหลงโบกมือ และภาพบนหน้าจอ LED ก็เปลี่ยนไป ภาพที่ปรากฏขึ้นคราวนี้ทำให้รูม่านตาของฉินเย่หดเล็กลงทันที มันคือภาพของ… ร่างขนาดใหญ่ของคุกิโยชิทากะ ฮนดะ ทาดาคัตสึที่กำลังพุ่งข้ามผิวน้ำด้วยม้าศึกของเขา และ… ภาพของอาร์ทิสที่ขี่กลุ่มก้อนพลังสีดำขณะที่นางมาถึงที่สถานที่เกิดเหตุ !

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถมองเห็นยมทูต… แต่เจ้าโง่อะซะอิ นะงะมะซะนั่นกลับมั่นใจในตัวเองมากจนไม่คิดที่จะปกปิดตัวตนของตัวเองจากพวกมนุษย์เลยสักนิด… บัดซบ ! ฉินเย่สบถในใจ และหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้น มือของเด็กหนุ่มเอื้อมไปกำเศษตราจ้าวนรกที่อยู่ในเสื้อของตน เขาเตรียมพร้อมที่จะหนีทุกเมื่อ

มันอาจจะไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถมองเห็นเขาในขณะที่เขาอยู่ในร่างยมทูต

แต่น่าเสียดาย… ที่เขาเองก็มีร่างมนุษย์เช่นกัน !

และมันก็ยังไม่แน่ชัดนักว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่ของจีนถ่ายภาพไว้ในที่เกิดเหตุหรือเปล่า !

เมื่อลองมาคิดดูอีกที การใช้ธูปลบความทรงจำในตอนนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว และผู้ที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาในตอนนี้ก็คือพระทั้งสองจากภูเขาโคยะ แต่…

รายชื่อของเขายังอยู่ในหมู่ผู้เข้าร่วมงานประมูลของโรงประมูลเจียเต๋ออยู่ดี !

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เบื้องหลัง มีเพียงการไม่ลงมือทำไรเลยหรือทิ้งร่องรอยบางอย่างเอาไว้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเท่านั้น

ภาพบนหน้าจอ LED นั้นเป็นการถ่ายมาจากภาพจากดาวเทียมไม่ผิดแน่ และมันก็ไม่ค่อยชัดนัก โจวเซียนหลงเอ่ยต่อ “พวกเราหาข้อมูลมาได้ว่าการปะทุของพลังหยินที่ช่องแคบสึชิมะนั้นเกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างวิญญาณของญี่ปุ่นและกองกำลังที่ไม่รู้ชื่อ มันไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการถ่ายภาพที่คมชัด แต่ภาพของวิญญาณพวกนั้นจะหายไปทันทีเมื่อคุณตั้งใจจะซูมเพื่อดูลักษณะของพวกมัน ในตอนนี้ คดีนี้ถูกส่งไปยังหน่วยอัลบาทรอสระดับสูงของหน่วยสอบสวนพิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

โจวเซียนหลงเคยเอ่ยถึงหน่วยนี้มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นฉินเย่ก็ยังหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเข้าไปในแอปสังหารและเริ่มหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน่วยงานนี้ทันที

และเพียงไม่นาน เขาก็พร้อมคำอธิบายของหน่วยอัลบาทรอส และข้อมูลเบื้องต้นของอีกฝ่ายก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความวิตกกังวลทันที

หน่วยอัลบาทรอสคือหน่วยลาดตระเวนชั้นยอดของหน่วยสอบสวนพิเศษ เจ้าหน้าที่ทั้งหมด 108 คนนั้นอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณระดับสูงเป็นอย่างต่ำ และพวกเขาก็เป็นที่รู้จักในฐานะอสูรพิภพ[1] การเข้ามามีส่วนร่วมของพวกเขา… หมายความว่าจีนเริ่มให้ความจริงจังกับเรื่องนี้ !

มันหมายความว่าจีนจะหาความจริงของเรื่องนี้มาให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม

พวกเขาไม่ได้มีรายชื่อหรือบันทึกความสำเร็จ สิ่งเดียวที่รู้เกี่ยวกับหน่วยอัลบาทรอสก็คือพวกเขาไม่เคยผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว เว้นแต่ว่าเป็นคดีที่เกี่ยวกับวิญญาณที่อยู่ขั้นตุลาการนรกขึ้นไป

เวรเอ้ย… ฉินเย่ยังคงรักษาใบหน้านิ่งเรียบของตนเอาไว้ แต่ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาตอนนี้กลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

โจวเซียนหลงเอ่ยต่อ “หลังจากการปะทุพลังหยินที่ช่องแคบสึชิมะ เราก็ได้รับรายงานเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เมืองเฟิ่งเทียนในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 4 สิงหาคม คนทั้งเมือง รวมถึงผู้ที่อยู่เขตที่ห่างออกไปมากที่สุดต่างก็เห็นการถือกำเนิดของรังของภูตผีนับหมื่น ผมขอชื่นชมอาจารย์ฉินสำหรับการคาดเดาของเขาในครั้งนี้ คำว่า ‘รังของภูตผีนับหมื่น’ นั้นเหมาะสมกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมากจริง ๆ”

ฉินเย่หัวเราะออกมาแห้ง ๆ และหัวใจที่ตึงเครียดของเขาก็คลายออกเล็กน้อย ดูจากท่าทีของโจวเซียนหลงที่มีต่อเขา เห็นได้ชัดเจนว่าหน่วยอัลบาทรอสยังไม่สามารถยืนยันความเกี่ยวข้องของเขากับเหตุการณ์ที่ช่องแคบสึชิมะได้

จากนั้นภาพบนหน้าจอ LED ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง และครั้งนี้ ทุกคนที่นั่งอยู่ในหอประชุมต่างก็ยืดตัวตรงและมองภาพบนหน้าจอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

มันคือวิดีโอเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เมืองเฟิ่งเทียน

เวลาเกิดเหตุถูกบันทึกไว้เป็นตัวสีแดงที่มุมขวาล่างของหน้าจอ เวลาเที่ยงคืน ท้องฟ้าด้านบนสั่นสะเทือน และเปลวไฟนรกจำนวนมากก็ปรากฏออกมา พร้อมกับสายลมกระโชกที่พัดไปทั่วพื้นที่ ภายในไม่กี่วินาทีต่อมา หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือเมือง วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมาจากรูดังกล่าวนั้น กรีดร้องและคร่ำครวญออกมาอย่างโหยหวน !

ภาพในวิดีโอยังแสดงให้เห็นเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวของประชาชนโดยรอบ ภายในเสี้ยววินาทีต่อมา เสียงฆ้องและกลองก็ดังขึ้น และเกี้ยวอันสง่างามก็ลอยลงมาจากฟ้าโดยถูกหามด้วยคนกระดาษ 18 ตัว หลังจากนั้นคนกระดาษอีกจำนวนนับไม่ถ้วนก็เริ่มผลุดขึ้นมาจากพื้นก่อนที่พวกมันจะเริ่มล่องลอยไปรอบ ๆ เมืองราวกับผีร้าย

“เจ้าหน้าที่ทุกคนของหน่วยสอบสวนพิเศษสาขาเมืองเฟิ่งเทียนได้ช่วยกันต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นถึงการแพร่ระบาด น่าเสียดาย… พวกเขาทั้งหมดต่างเสียชีวิตในหน้าที่” เสียงของโจวเซียนหลงเบาลงจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ “หนึ่งชั่วโมงต่อมา หนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของหน่วยสอบส่วนพิเศษก็ไปถึงที่เกิดเหตุ และพวกเขาก็สามารถอพยพประชาชนกว่าล้านคนได้… พวกเราควรขอบคุณการตอบสนองที่รวดเร็วของพวกเขา เพราะหากไม่ใช่พวกเขา เมืองเฟิ่งเทียนก็คงจะกลายเป็นดินแดนของคนตายไปแล้ว”

“กองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างถูกระดมพลภายในวันเดียวกันเพื่อปิดล้อมเมืองเฟิ่งเทียน จากนั้นการต่อสู้อันดุเดือดก็เกิดขึ้นเป็นเวลากว่าสิบวัน หลังจากที่สูญเสียเจ้าหน้าที่ขั้นยมทูตขาวดำไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ในที่สุดพวกเราก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้”

โจวเซียนหลงอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดออกมาโดยปราศจากอารมณ์ที่เกินจริงใด ๆ แต่ผู้ที่นั่งอยู่ภายในหอประชุมทั้งหมดสามารถจินตนาการได้เลยว่าการต่อสู้ที่ว่านั่นนองเลือดและน่ากลัวมากเพียงใด !

นี่คือการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบของวิญญาณที่ถูกนำโดยแม่ทัพที่ดุร้าย บวกกับการลุกฮือของเขตไล่ล่า เขตนักล่า และเขตอื่น ๆ ที่มีวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ! ประชาชนในเมืองเฟิ่งเทียนสมควรขอบคุณดวงดาวนำโชคของพวกเขาแล้วที่ทำให้พวกเขาสามารถรอดออกมาได้โดยที่ยังมีชีวิต

“เหตุการณ์ในครั้งนี้ ลมพายุที่ก่อตัวขึ้นภายนอก และความวุ่นวายภายในที่เรากำลังเผชิญหน้า คือสิ่งที่พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องกังวล นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ได้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดนัก” เขากวาดสายตามองคนทั้งห้อง “เพราะต่อให้พวกคุณรู้เรื่องนี้ไป มันก็ไม่ใช่การต่อสู้ที่พวกคุณจะสามารถมีส่วนร่วมได้อยู่ดี”

“สำนักผู้ฝึกตนแห่งแรกคือรากฐานของโลกแห่งการบ่มเพาะของจีน จุดประสงค์เดียวของเราก็คือการสอน ให้ความรู้ ฟูมฟัก ไม่ใช่เข้าร่วมสงคราม เหตุผลที่ผมนำเรื่องพวกนี้มาบอกพวกคุณก็เพราะ…”

เขาเว้นช่วงไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “พวกเราจะทำการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรสำหรับภาคการศึกษาต่อไปเล็กน้อย”

เขาเปิดแฟ้มเอกสาร “ประการแรก เราจะเพิ่มเวลาของการฝึกฝนภาคค่ำ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ในภาคการศึกษาแรก นักเรียนอาจจะสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมก็ได้ แต่สำหรับภาคการศึกษานี้ มันจะเปลี่ยนเป็นภาคบังคับ อาจารย์ผู้สอนทุกท่านจะต้องดูแลและให้คำแนะนำในการฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวแก่เหล่านักเรียน”

“ประการที่สอง จะมีการฝึกฝนการต่อสู้จริงขึ้นทุกเดือน ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ส่วนสาขาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สาขาการต่อสู้จะมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อที่จะได้สามารถเข้าร่วมฝึกฝนได้”

ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา

พวกเขาทั้งหมดสามารถบอกได้ทันทีว่าสถานการณ์ด้านนอกนั้นเลวร้ายเพียงใด ไม่เช่นนั้นทางสำนักคงไม่ใช่มาตรการที่รุนแรงเช่นนี้ น้ำเสียงของโจวเซียนหลงอาจจะราบเรียบและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องเลวร้ายอย่างถึงที่สุดแน่นอน

ไม่เช่นนั้นมันคงไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะให้พวกนักเรียนเข้าร่วมการฝึกฝนการต่อสู้จริงทั้ง ๆ ที่เพิ่งเรียนทฤษฎีไปได้เพียงภาคการศึกษาเดียวเท่านั้น !

โจวเซียนหลงไม่สนไม่ว่าอาจารย์ท่านอื่น ๆ จะคิดเห็นว่าอย่างไร เขาวางแฟ้มเอกสารลง จ้องหน้าคนทั้งหมดและเอ่ยต่อ “การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้ได้รับการเสนอในที่ประชุมของคณะกรรมการและได้รับการอนุมัติเป็นมติเอกฉันท์ พวกเรา… ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ แผ่นดินจีนต้องการคนรุ่นใหม่ ! พวกเราคือผู้ฝึกตน หลังจากได้รับผลประโยชน์มากมายที่รัฐมอบให้ มันเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่และตอบแทนประเทศชาติ !”

“จงจำคำนี้ไว้ ในทุกวันที่พวกคุณได้สอนหนังสืออยู่ที่นี่อย่างสงบสุข ปลอดภัยและมั่นคง พึงรู้ไว้ว่ามันยังมีผู้คนอีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ข้างนอกนั่น เสี่ยงชีวิตของตนเพื่อต่อสู้กับกองกำลังจากโลกใต้พิภพ !”

“ในทุกคืนที่พูดคุณได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม พึงรู้ไว้ว่ามันยังมีอีกหลายครอบครัวที่ต้องหวาดระแวงกับสิ่งที่อาจซ่อนตัวอยู่ในความมืด !!”

“ผู้ฝึกตนจะต้องให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อนตนเองเสมอ !” เขาตบโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง “ที่นี่ไม่ใช่หอคอยงาช้าง แต่คือกองหนุน ! พวกเราจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามอยู่ตลอดเวลา ! ภาคการศึกษาที่แล้วของเรานั้นหละหลวมเกินไป ! มันหละหลวมจนอาจารย์ผู้สอนบางท่านใช้เวลาหลายชั่วโมงในวันหยุดฤดูร้อนของพวกเขาไปกับการเล่นไพ่นกกระจอก ! พวกคุณไม่สนใจหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเองในฐานะของผู้ฝึกตนแล้วอย่างนั้นเหรอ ?!”

“สำนักฝึกตนแห่งแรกไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะมาเพลิดเพลินบนชื่อเสียงและเกียรติยศของตนเอง ! ใครก็ตามที่มีความคิดพวกนี้อยู่ในหัวสามารถออกไปจากที่นี่และกลับไปยังที่ที่จากมาได้เลย !”

[1] ตั้งชื่อตาม 108 ดวงดาวแห่งโชคชะตา 36 เทพสวรรค์ (天罡) และ 72 อสูรพิภพ (地煞)