ตอนที่ 439 วาสนาอันน่าขัน โดย ProjectZyphon
ชิวเหวินเดินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ารัตติกาล
เขาในชุดดำทั้งตัวรูปร่างกำยำ มีพลังปราณอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลาง เป็นศิษย์สืบทอดสำนักเมฆเขียวแห่งดินแดนวิญญาณโบราณ
ชิวเหวินมาที่เทือกเขาราหูในครั้งนี้ ก็เพื่อแสวงหาโอกาสวาสนาและเคี่ยวกรำวิชายุทธ์เหมือนลูกศิษย์ในสำนักอื่นๆ
เพราะลือกันว่า เทือกเขาราหูแห่งนี้เป็นที่ฝังกระดูกของราชาปีศาจราหูตัวหนึ่งนับตั้งแต่โบราณกาล ภายในมีซากปรักหักพังเก่าแก่ซ่อนอยู่ แม้จะอันตรายหาที่เปรียบไม่ได้ แต่กลับมีวาสนาดีๆ มากมายกระจายอยู่
ดังนั้นในดินแดนวิญญาณโบราณ ขอเพียงเป็นผู้ฝึกปราณที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ก็จะเลือกมาฝึกที่เทือกเขาราหูทั้งสิ้น หนึ่งเพราะสามารถฝึกปรือวิชายุทธ์ได้ และสองคือสามารถมาเสี่ยงดวงเผื่อพบเจอวาสนา
ชิวเหวินอยู่ในเทือกเขาราหูนี้เกือบเดือนแล้ว เจออันตรายมามากมาย แต่จนถึงตอนนี้กลับยังไม่เคยได้พบโชควาสนาอย่างแท้จริงเลย
นี่ทำให้เขาค่อนข้างเหลืออด
‘หากไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวภายในสามวันข้าจะกลับเมืองทันที ออกไปจากที่บ้าๆ นี่!’
ชิวเหวินลอบกัดฟันตัดสินใจ
ตูม!
ในตอนนั้นเอง บริเวณที่ห่างออกไปไกลพลันมีเสียงกึกก้องราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นกะทันหัน
ถัดมาพายุอันน่าสะพรึงก็พุ่งตรงขึ้นฟ้า ฉีกทึ้งรัตติกาล สายลมเมฆาปั่นป่วน ทำให้สัตว์อสูรที่ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าโดยรอบต่างส่งเสียงคำรามอย่างตื่นตกใจ
ภาพอันยิ่งใหญ่นั้นดูสะดุดตามากในยามค่ำคืน ทำให้ชิวเหวินเองก็ตกตะลึงพรึงเพริด
วาสนา!
ทันใดนั้นชิวเหวินพลันตอบสนอง ดวงตาเป็นประกายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่ระดับนี้ ต้องเป็นโชควาสนามาเยือนแน่!
ฟุ่บ
ชิวเหวินพุ่งตัวไปทิศทางนั้นสุดแรงอย่างไม่ลังเล
……
“เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก หรือจะมีสมบัติล้ำค่าปรากฏ?”
“รีบไปดูกันเร็ว ปรากฏการณ์ประหลาดในยามรัตติกาล พายุทะยานฟ้า ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่!”
“ไป!”
แทบจะในเวลาเดียวกัน ในมุมต่างๆ ของพื้นที่ใกล้เคียง ผู้ฝึกปราณแต่ละคนต่างตื่นเต้น ด้วยเห็นภาพสะเทือนฟ้าดินนี้เช่นเดียวกับชิวเหวิน
พวกเขาจึงพุ่งไปยังแหล่งกำเนิดพายุจากทั่วทุกสารทิศโดยไม่ได้นัดหมาย
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาล เห็นเพียงลำแสงมากมายปรากฏตัวกลางอากาศ วิบวับแวววาว งดงามหาที่เปรียบไม่ได้ วาดเป็นร่องรอยสีสันสลับไปมากลางอากาศ
สามารถเคลื่อนไหวกลางอากาศได้ เห็นได้ชัดว่าอย่างน้อยๆ ก็ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณในระดับมหาสมุทรวิญญาณ!
เมื่อชิวเหวินที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งเห็นแบบนี้ ในใจก็ยิ่งหงุดหงิด ให้ตายย ทำไมจู่ๆ ถึงมีคู่แข่งโผล่มามากมายขนาดนี้!
โชควาสนาคือสิ่งที่ทุกคนต่างใฝ่หา
แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถไขว่คว้ามันไว้ได้
โดยเฉพาะในเทือกเขาราหูอันเป็นสถานที่ที่ศิษย์จากสำนักใหญ่มากมายเลือกมาฝึก ยามนี้จู่ๆ มีปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้เกิดขึ้น แค่คิดก็รู้ว่าจะดึงดูดผู้ฝึกปราณมากมายเพียงใดเข้ามาแย่งชิง
ไม่นานทุ่งโล่งแห่งหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในสายตา
เพียงแต่ตอนที่ชิวเหวินมาถึงที่นี่ กลับพบอย่างตะลึงว่า กระแสลมพายุที่ราวกับจะทะลุฟากฟ้านั่นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ราวกับทุกสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นเพียงภาพมายา
นี่ไม่ใช่ภาพมายา!
ไม่นานชิวเหวินก็สังเกตเห็นว่า ตรงกลางทุ่งท่ามกลางท้องฟ้ารัตติกาลไม่มีหญ้าขึ้นอยู่เลยแม้แต่ต้นเดียว พื้นดินยับเยินราวกับว่าถูกบดขยี้ด้วยฝ่ามือใหญ่ล่องหนอย่างรุนแรงมารอบหนึ่ง
นั่นต้องเป็นจุดกำเนิดพายุเมื่อครู่นี้แน่!
“อยู่ตรงนั้น!”
“ปรากฏการณ์ประหลาดหายไป ย่อมหมายความว่ามีสมบัติล้ำค่าปรากฏแน่ รีบหาให้ทั่ว!”
“รีบลงมือ!”
ในบริเวณใกล้เคียง แสงรำไรส่องสะท้อนเงาร่างของผู้ฝึกปราณมากมาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็เห็นปรากฏการณ์ประหลาดบนทุ่งโล่งนี้เหมือนกับชิวเหวิน
“เวรเอ๊ย!”
ชิวเหวินลอบสบถและพุ่งปราดไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นชิวเหวินหรือยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่มารวมกัน ณ ที่แห่งนี้ต่างต้องตะลึง
เพราะพวกเขาเห็นว่า ตรงกลางของพื้นที่ที่ยับเยินไม่มีหญ้าขึ้นแม้แต่ต้นเดียว มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นดินที่ไหม้เกรียม
นี่…
สถานการณ์แปลกประหลาดไปชั่วขณะ เหล่ายอดฝีมือต่างงงเป็นไก่ตาแตก
ในจุดกำเนิดลมพายุอันชวนตะลึง เดิมคิดว่าจะเป็นจุดกำเนิดวาสนาอันยิ่งใหญ่ แต่ใครจะคิดว่าจะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่ที่นี่
เขาเป็นใคร
แน่นอนว่าคนๆ นั้นคือหลินสวิน
“สมบัติล้ำค่าที่เกิดจากปรากฏการณ์ประหลาดนี้ต้องถูกเด็กคนนี้แย่งไปแล้วแน่ๆ!”
ทันใดนั้นชายในชุดคลุมสีแดงคนหนึ่งพุ่งเข้าหาหลินสวินที่อยู่บนพื้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า พยายามจะจับกุมหลินสวิน
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างตอบสนองขึ้นมา พลันตะเบ็งเสียงอย่างกราดเกรี้ยว
“ข้าฝูหลิงกวงแห่งสำนักพยัคฆ์มังกร ใครกล้าแย่งกับข้า”
“ใครจะสนว่าเจ้าเป็นใคร ไสหัวไป! วาสนาระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำนักพยัคฆ์มังกรอย่างพวกเจ้าอาจเอื้อม!”
“บุกไป! ไม่ว่าเป็นใคร ถ้ากล้าแย่งวาสนากับสำนักแสงทองของข้าก็ฆ่าทิ้งให้หมด!”
สถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาทันที เพื่อแย่ง ‘วาสนา’ ที่ว่านี้ แต่ละคนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ดวงตาแดงก่ำ
แต่พวกเขาเพิ่งพุ่งตัวออกไปก็ได้ยินเสียงโครมดังสนั่น ชายชุดคลุมสีแดงที่พุ่งเข้าไปหาหลินสวินเป็นคนแรก ตอนออกตัวว่าไวแล้ว แต่ตอนกลับมานั้นไวกว่า!
เขาราวกับถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบ ร่างกายเหินถอยกลับมาอย่างแรง ส่งเสียงโอดครวญ เสียงร้องเจ็บปวดบาดทะลุท้องฟ้ารัตติกาล
ทันใดนั้นสถานการณ์อันวุ่นวายเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ ทุกคนต่างหยุดการกระทำ สายตาหันไปมองสถานที่เกิดเหตุเป็นตาเดียวกัน สีหน้าเผยความฉงนใจ
และเห็นว่าบนพื้นตรงนั้น เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนหมดสติอยู่ค่อยๆ ลุกยืนขึ้น!
เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มขาดวิ่น เปื้อนสีเลือดสด รอยกระบี่กระจายเต็มเนื้อตัว แต่เขากลับดูเหมือนไม่รู้สึกสักนิด ใบหน้าหล่อเหลาดูเย็นชามากเป็นพิเศษใต้ท้องฟ้ายามราตรี
โดยเฉพาะดวงตาดำขลับคู่นั้นของเขา ลึกล้ำราวกับหุบเหว มีแสงประกายอันน่ากลัวดั่งลมพายุพลุ่งพล่านราวกับจะกลืนกินคน
เมื่อสบสายตากับเขา ผู้ฝึกปราณหลายคนอดหัวใจสั่นสะท้านไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าที่เผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่คน แต่เป็นภูเขาไฟเหวลึกที่กำลังจะปะทุ มีอานุภาพทำลายล้างสรรพสิ่ง
เห็นได้ชัดว่าชายเสื้อคลุมแดงนั่นถูกเด็กหนุ่มคนนี้โจมตีจนลอยกลับมา!
“เจ้าหนู สมบัติล้ำค่าที่กำเนิดขึ้นที่นี่เมื่อครู่นี้อยู่กับเจ้าหรือไม่”
ชายชุดขาวถือกระบี่วิญญาณยาวสามฉื่อตะโกนลั่น
หลินสวินเงียบไม่ตอบ มีเพียงสายตาที่กวาดมองไป
พริบตานั้นสีหน้าของชายชุดขาวเปลี่ยนไปฉับพลัน รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว นี่มันสายตาอะไรกันเนี่ย น่ากลัวราวกับดวงตาของสัตว์ปีศาจโบราณ
“บังอาจ! ข้าถามเจ้า เหตุใดจึงไม่ตอบ”
ชายชุดขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ดุด่าเสียงเข้ม
ทันใดนั้นหลินสวินสะบัดฝ่ามือข้างหนึ่ง แสงแวววาวพลันปรากฏขึ้นราวพายุโหม
ปัง!
ไม่ทันได้หลบด้วยซ้ำ ร่างของชายชุดขาวพลันระเบิด เลือดเนื้อปลิวว่อนไปทั่ว พาให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ ตกใจจนต้องหลบด้วยความสยดสยอง
“นี่มัน…”
“พลังน่ากลัวนัก!”
“เด็กนี่เป็นใคร ถึงได้กล้าลงมือฆ่าคน”
“ลี่เจี้ยนหนานนั่นเป็นผู้โดดเด่นแห่งยุคของสำนักหกประสานเชียวนะ มีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลาง แต่กลับต้านทานการโจมตีเดียวของอีกฝ่ายไม่ได้!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นจากทั่วทุกมุม สายตาที่หลายคนมองหลินสวินอดเปลี่ยนไปไม่ได้
กลับเห็นหลินสวินเอ่ยเสียงเบา “พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป อย่าได้รนหาที่ตายอีก”
พูดจบเขาก็หมุนตัว เดินมุ่งหน้าออกจากทุ่งโล่ง
เดินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ารัตติกาลเพียงลำพังเช่นนี้ ดูเงียบเหงาวังเวงอย่างไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้
“คิดหนีหรือ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
เสียงตะโกนดังขึ้น เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญคนหนึ่งถือหอกสำริดพุ่งออกไป อานุภาพรวดเร็วและดุร้าย สะบัดหอกใส่หลินสวิน
“โจวข่งซิ่วแห่งสำนักพันเวท! เขาก็มาด้วยหรือ”
หลายคนต่างอุทานด้วยความตกใจ จำเด็กหนุ่มผู้กล้าหาญคนนั้นได้ เขาเป็นผู้กล้าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของสำนักพันเวท
“ยืนอึ้งอยู่ทำไม ไปฆ่าเด็กนั่นด้วยกัน!”
“เร็ว! จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้เด็ดขาด วาสนาหายาก แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็คุ้ม!”
มีโจวข่งซิ่วนำทัพ ทำให้ยอดฝีมือคนอื่นๆ ต่างกระตือรือร้น ตะเบ็งเสียงเคลื่อนขบวนออกไปอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อสังหารหลินสวิน
ฮูม!
หลินสวินชะงักเท้าหมุนตัวกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบเย็นชา รอบตัวเขาแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวราวกับลมพายุพุ่งตัวขึ้นฟ้า
“ในเมื่อรนหาที่ตาย ข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้า!”
เขาเคลื่อนไหวกลางอากาศ ยื่นมือไปคว้าหอกสำริดที่ฟาดเข้ามาสังหาร แล้วสั่นเบาๆ หนึ่งครั้ง
โจวข่งซิ่วตัวสะท้าน พลังมหาศาลราวกับภูเขาถล่มคลื่นกระหน่ำโหมเข้าใส่จนเขากระอักเลือด ร่างกายกระเด็นออกไปอย่างควบคุมไม่อยู่
ฟุ่บ!
เพียงแต่ ขณะที่ตัวเขากำลังลอยอยู่กลางอากาศ กลับถูกหอกแทงทะลุร่าง เลือดสาดกระเซ็นในท้องฟ้ายามราตรี!
หอกนั่นคือสมบัติของเขา เพียงแต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินแย่งไปถือไว้
“เจ้า…”
เพิ่งจะเปล่งเสียงออกมา โจวข่งซิ่วก็สิ้นใจแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน ราวกับคิดไม่ถึงว่าศิษย์สำนักพันเวทระดับผู้กล้าอย่างเขา จะถูกสังหารด้วยกระบวนท่าเดียว…
ตูม!
ยามนี้ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ก็ถือสมบัติต่างๆ พุ่งเข้ามาหมายจะสังหาร ทั้งดาบ ทวน กระบี่ ง้าว สาดประกายไปทั่วฟ้าดิน เข้าปกคลุมหลินสวินเพียงผู้เดียว
สถานการณ์น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด เพราะอย่างไรก็เป็นการจู่โจมของผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณทั้งกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นการรุมคนแค่คนเดียว แน่นอนว่าพลังต้องน่ากลัวอย่างที่สุด
ฉัวะ!
เพียงแต่ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ ก็เห็นหลินสวินกวัดแกว่งหอก แสงสีฟ้าอ่อนแผ่กระจายออกมา ราวกับคลื่นมหาสมุทรที่กวาดทุกอย่างจนเรียบ
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
กลางอากาศมีแสงเลือดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าระเบิดออก แขนขาปลิวว่อน
แต่ทุกคนที่ถูกพลังหอกกวาดผ่านล้วนสิ้นชีพในทันที! ไร้ซึ่งคนโชคดี และไร้ซึ่งคนรอดชีวิต!
เพียงพริบตาเดียวก็พรากไปสิบกว่าชีวิต
ภาพอันนองเลือดนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งอีกกลุ่มที่พุ่งมาจากระยะไกลร้องเสียงหลง ร่างกายหยุดชะงักโดยพร้อมเพรียง สีหน้าเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว
“เป็นไปได้อย่างไร”
“เด็กคนนี้เป็นใคร เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความน่าหวาดหวั่น และตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของหลินสวิน!
เด็กหนุ่มที่ดูมีอายุเพียงสิบกว่าปี กลับสามารถสังหารศิษย์ที่มีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณจากสำนักต่างๆ สิบกว่าคนได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
กลับเห็นหลินสวินส่ายหน้า หมุนตัวแล้วเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สีหน้าของเขายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรียบเฉยเย็นชา ราวกับไร้ซึ่งความรู้สึก
มองเขาเดินจากไป ค่อยๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ เหล่าผู้แข็งแกร่งต่างลังเลว่าจะตามไปหรือไม่
ภาพฉากเมื่อครู่นี้น่าสะพรึงเกินไป สะเทือนจิตใจพวกเขา จนทำให้พวกเขาไม่กล้าลงมือโดยพลการ แต่ถ้าจะให้ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกไม่จำยอม
สิ่งที่น่าตลกที่สุดคือ จวบจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ว่าปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่ใช่โชควาสนาอะไร และไม่ได้มีสมบัติล้ำค่าอะไรปรากฏ
พวกเขาคิดเองเออเองว่า ‘สมบัติล้ำค่า’ ที่ว่านี้ ต้องซ่อนอยู่ในตัวหลินสวินเป็นแน่
“เด็กน้อย วาสนาระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณตัวเล็กจ้อยอย่างเจ้าจะครอบครองได้ ทิ้งไว้เถอะ!”
ทันใดนั้นเสียงชราเสียงหนึ่งพลันดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
——