ตอนที่ 102 เลือกอาจารย์ (1)
คำพูดของอู่อู๋ตี๋ก่อคลื่นกระทบนักศึกษาเป็นวงกว้าง
ฟางผิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเป้าหมายที่อีกฝ่ายต้องการ จึงกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนเช่นกัน
ฟางผิงกลับไม่ได้พูดอะไร อาจารย์แบบนี้ดีแล้วใช่ไหม?
ฟังดูไม่แย่เลย!
อย่างน้อยเรื่องที่เธอพูดว่า ‘กินยาบำรุงได้ตามใจชอบ’ และ ‘มีปรมาจารย์คอยหนุนหลัง’ นั้นน่าสนใจไม่น้อย
แต่ท่าทีของอู่อู๋ตี๋นั้นไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ฟางผิงที่ใหม่ในเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ เขาต้องการอาจารย์ที่ดูน่าเชื่อถือมาสอนมากกว่า
ฟางผิงไม่ได้รับวิชาสืบทอดจากครอบครัว มีหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ เขาต้องการคนมาชี้นำเรื่องนี้
และอู่อู๋ตี๋ดูไม่เหมือนคนแบบนั้น
เพราะคำพูดไม่รับผิดชอบก่อนหน้านี้ของเธอ ทำให้ฟางผิงตระหนักว่า ลูกศิษย์ของอาจารย์หลายคนเคยกระทบกระทั่งกับเหล่าหวังมาก่อน
ประลองเอาชนะได้ อาจจะไม่แค้นเคืองกันเสมอไป
ปกติทุกคนแทบไม่เจอหน้ากัน กระทั่งอาจลืมเรื่องนี้ไปด้วยซ้ำ
แต่เมื่อมีคนจงใจเอ่ยถึง ยังบอกว่าคุณสู้ไม่ได้กระทั่งลูกศิษย์ของคนที่เคยเอาชนะคุณ ในใจคุณจะรู้สึกยังไงกัน?
ฟางผิงไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของหวังจินหยาง เธอก็ไม่ได้พูดแบบนี้ เธอบอกว่าเขา ‘เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้’ ฟางผิงไม่ปฏิเสธเช่นกัน
คนที่เหมือนลูกศิษย์ของ ‘ศัตรู’ มีอาจารย์คนเดียวกับตัวเอง คนพวกนี้สามารถมองข้ามได้จริงๆ เหรอ?
แม้ทุกคนจะไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ มาหาเรื่องคุณทุกวัน แต่คุณคงรับไม่ได้อยู่ดี
นึกถึงเรื่องนี้ ฟางผิงจึงปวดหัวอยู่บ้าง
อาจารย์หญิงคนนี้เก่งเรื่องสร้างความลำบากใจเกินไปแล้ว!
นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ไม่ได้มองแต่ผลประโยชน์ตรงหน้าแค่อย่างเดียว คำโฆษณาของหญิงคนนั้นทำให้บางคนใจคล้อยตามจริงๆ แต่หลายคนยังคงไม่สะทกสะท้านอะไร
จ้าวเหล่ยเลือกถังเฟิง เฉินอวิ๋นซีเลือกไป๋รั่วซี คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายไปยังอาจารย์ที่ตัวเองเลือก
ฟู่ชางติ่งลังเลอยู่พักใหญ่ ท้ายที่สุดยังคงเดินไปหาหลัวอี้ชวน
จะหลอมกระดูกแขนหรือขา สำหรับเขาขั้นสองนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว ทั้งไม่ใช่เรื่องยากอะไร คิดมากไปก็เท่านั้น
ท้ายที่สุด ศิษย์อย่างเป็นทางการที่อู่อู๋ตี๋พูดไว้ห้าคนนั้น เหลือแค่ฟางผิงและหยางเสี่ยวม่านที่ยังไม่ตัดสินใจเลือก
หยางเสี่ยวม่านไม่ได้ลังเลเพราะอู่อู๋ตี๋ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกถังเฟิงหรือไป๋รั่วซีดี
เธอเป็นผู้หญิง อันที่จริงไป๋รั่วซีเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ความสามารถของไป๋รั่วซีนั้นอ่อนด้อยไปอยู่บ้าง
ทั้งวิชากระบี่ยังค่อนข้างหลากหลาย เธอไม่ชำนาญเรื่องนี้เท่าไหร่ จึงไม่เหมาะกับตัวเอง
ลังเลครู่ใหญ่ ก่อนหยางเสี่ยวม่านจะเดินไปหาถังเฟิง
อู่อู๋ตี๋ไม่ได้สนใจเหมือนกัน พวกนักศึกษาจะเลือกอาจารย์คนไหน นั่นเป็นสิทธิ์ของพวกเขาอยู่แล้ว
ถึงฟางผิงจะไม่เลือกเธอจริงๆ เธอก็ไม่คิดจะทำอะไร
ก่อนหน้านี้แค่พูดเอาแต่ใจตัวเองไปเท่านั้น ไม่ใช่อยากเอาฟางผิงมาเป็นศิษย์ให้ได้ แต่หลอมกระดูกครั้งที่สามนั้นน่าสนใจอยู่จริงๆ
หากอาจารย์พวกนี้ไม่เสียดายเวลาและทรัพยากร พวกเขาก็อาจสามารถบ่มเพาะนักศึกษาพวกนี้จนหลอมกระดูกครั้งที่สามได้เหมือนกัน
ตอนที่ฟางผิงกำลังกัดฟันเตรียมจะเดินไปทางสวีเจี้ยนโจว อู่อู๋ตี๋พลันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เลือกอาจารย์คนอื่น จากสถานการณ์ของนาย จบปีสี่อย่างมากคงเป็นได้แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ฝึกให้ตายคงได้แค่นี้ ถ้ามาหาฉัน อาจจะไม่เหมือนกัน”
สิ้นเสียงของเธอ ถังเฟิงเอ่ยตำหนิว่า “หลู่…”
อู่อู๋ตี๋ถลึงตามองเขา ถังเฟิงแค่นหัวเราะ ไม่เอ่ยชื่อของเธอออกมา ขมวดคิ้วว่า “ถึงจะสร้างเรื่องก็ต้องรู้จักความเหมาะสม! ฟางผิงเดินมาถึงจุดนี้ด้วยตัวเอง หลอมกระดูกครั้งที่สาม ต้องจ่ายค่าตอบแทนมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว! เธอจะก่อเรื่องเองไม่เป็นไร อย่าได้เห็นอนาคตของเด็กมาเป็นเกม!”
อู่อู๋ตี๋เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ฉันเห็นอนาคตของเด็กเป็นเกมที่ไหนกัน?”
“เธอรู้ตัวเองดี!” ถังเฟิงราวกับนึกบางอย่างได้ มองไปยังฟางผิง “เรื่องก่อนหน้านี้เกี่ยวกับหวังจินหยาง อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจัง หวังจินหยางเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่งเท่านั้น แม้จะค่อนข้างโดดเด่น แต่มหาวิทยาลัยไม่ถึงกับอิจฉาอยากกดหัวนักศึกษาคนเดียวอยู่แล้ว รุ่นพี่ของนาย พ่ายแพ้หวังจินหยางอย่างโปร่งใสเช่นกัน ถ้ามีคนหาเรื่องนายเพราะแพ้จากเขา นั่นหมายความว่าจิตใจคนพวกนี้เข้าขั้นแย่แล้ว รุ่นพี่แบบนี้คงไม่อาจสร้างความหวาดกลัวให้นายได้หรอก นายหลอมกระดูกสามครั้งแล้ว ตอนแบ่งสาขาก็ทำได้ดีเยี่ยม ไม่ว่านายจะเลือกอาจารย์คนไหน ทุกคนล้วนยินดียอมรับ ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ แม้พวกเราจะเห็นแก่ตัว แต่ถ้านายเป็นลูกศิษย์ของพวกเราคงไม่มีเรื่องพวกนี้แล้ว และถึงจะไม่ใช่ลูกศิษย์ ตอนที่สงสัยมีคำถาม ขอแค่พวกเรามีเวลา ต่างสามารถให้ความรู้ได้ทั้งนั้น! ที่นี่คือมหาวิทยาศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ แหล่งรวมของสายธารความรู้หลายร้อยสาย ไม่ใช่ประตูขุนเขาที่เดินข้ามผ่าน เหตุผลที่ให้พวกอาจารย์กำหนดมาตรฐานศิษย์ของตัวเอง เป็นเพราะความสามารถของพวกเรามีจำกัดเหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าพวกเราเป็นอาจารย์ส่วนตัวของศิษย์พวกนั้น ฟางผิง ไม่ว่าจะเลือกยังไง ล้วนขึ้นอยู่กับนายเอง ไม่ต้องกังวลว่า หากพลาดจากใครไปจะทำให้เกิดผลกระทบที่เลวร้าย”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าบอกให้อู่อู๋ตี๋ฟัง
เธอแค่นหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “หัวสิงโตพูดเรื่องนี้เป็นเพราะศิษย์ของฉัน จะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ข้อนี้ฉันไม่ปฏิเสธ ในเมื่อเลือกเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ต้องเรียนรู้ที่จะต่อสู้แย่งชิง! เรียนตามขั้นตอนแบบแผนเดิมๆ สามารถเรียนจบอย่างราบรื่นอยู่แล้ว แต่หลังจากจบออกไปล่ะ?”
“ตอนนี้มีพวกปรมาจารย์กี่คนกันที่หลังจากเรียนจบแล้วสามารถก้าวถึงจุดสูงสุดได้เลย?”
“ปรมาจารย์หลายคน เพราะกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว จึงกล้าทำเรื่องที่ทุกคนไม่กล้า ทำเรื่องที่ทุกคนไม่สามารถทำได้!”
“ฟางผิง ฉันเข้าใจสถานการณ์ของนายดี นายมีครอบครัวที่ยิ่งใหญ่คอยสนับสนุนเส้นทางนี้เหรอ?”
“นายมีปู่ย่าตายายที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกหรือขั้นเจ็ดหรือไง?”
“นายไม่มีกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ในครอบครัวเลยสักคน คาดหวังให้ครอบครัวสามารถพยุงนายเดินไปไกลกว่านี้ได้งั้นเหรอ?”
“ปู่ของฟู่ชางติ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนปลาย แม้จะไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ อาศัยแค่ทางบ้าน คงเดินไปถึงระดับกลางได้อย่างง่ายๆ”
“พ่อของจ้าวเหล่ยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า เปิดกิจการของตัวเอง คนอื่นมีพื้นฐานไม่ต่างจากนี้เช่นกัน แล้วนายมีอะไร?”
“พึ่งใครไม่สู้พึ่งตัวเอง นายไม่กล้าเดิมพัน ไม่กล้าแย่งชิง ยังคิดจะเดินไปไกล?”
“ในเมื่อนายรู้จักหวังจินหยาง ก็ควรกระจ่างใจดีว่า เขาเดินมาถึงตรงนี้ได้ มันยากลำบากกว่าคนอื่นหลายเท่าแล้ว!”
“มาล่วงเกินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่เซี่ยงไฮ้มีประโยชน์หรือไง? ไปท้าประลองผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายทางเหนือทำไม?”
“นั่นเพราะว่าเขาจำเป็นต้องทำ! ถ้าเขาไม่ต่อสู้แข่งขัน คงเดินมาไม่ถึงจุดนี้!”
“…”
ถ้าบอกว่าตอนแรกคำพูดของ ‘อู่อู๋ตี๋’ ไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง ตอนนี้กลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ใช่แล้ว ฟางผิงไม่เหมือนกับคนอื่น!
เขาไม่มีคนในครอบครัวที่สามารถสนับสนุนเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ได้ ทุกเรื่องพึ่งได้แต่ตัวเอง เขาไม่เดิมพัน จะแย่งชิงกับคนอื่นได้ยังไง?
อาจารย์คนอื่นสามารถสอนวิชาเขาได้ สามารถให้ความช่วยเหลือเรื่องที่เหมาะสมได้
แต่ฟางผิงไม่ใช่ลูกชายของพวกเขา ใครจะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ไปจนสุดทาง?
ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ มองไปทาง ‘อู่อู๋ตี๋’ เอ่ยว่า “อาจารย์ ถ้าผมเป็นศิษย์คุณ จะได้เรียนแตกต่างจากอาจารย์คนอื่นยังไง?”
อู่อู๋ตี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่ แค่ภารกิจจะเยอะหน่อย ออกไปที่อื่นบ่อยๆ ทั้งได้เปิดหูเปิดตามากขึ้น แน่นอนว่าอันตรายก็มากขึ้นตามเช่นกัน มีบางแห่งที่พวกสิงโตไปไม่ได้ แต่ฉันไปได้ พวกหัวสิงโตมีศิษย์ค่อนข้างเยอะ ส่วนฉันมีน้อยกว่า เทียบกันแล้ว ฉันมีเวลาสอนนายเยอะกว่า แค่นี้แหละ ส่วนเรื่องอื่น นายต้องเป็นคนแย่งชิงเอง หรือนายคิดจริงๆ ว่า บริษัทยาบำรุงของชั้นเปิดไว้ให้นายใช้โดยเฉพาะ? ตอนแรกแค่พูดไปงั้นแหละ”
ฟางผิงเผยสีหน้าหมดคำพูด พวกนักศึกษาคนอื่นล้วนอยากหัวเราะ แต่ยังคงไม่กล้า ยิ่งรู้สึกว่าอาจารย์คนนี้ไม่น่าเชื่อถือขึ้นกว่าเดิม
————————-