สะใภ้สี่จ้าวกลับไม่ได้มีความกระตือรือร้นเหมือนเมื่อครู่ ภายในใจกำลังคิดว่าเป็นเพราะน้องสามีเล็กขายอะไรอย่างอื่นนอกจากขายถั่วงอกด้วยหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะนอกใจภรรยาจริง ๆ? หล่อนจึงตอบอย่างขอไปทีหนึ่งประโยค ก่อนจะรีบเดินกลับไป

ตอนนี้ภายในบ้านเหลือแค่หล่อนและลูกสาวสองคน บ้านพี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวต่างก็ออกไปแบกฟืนบนเขากันหมด พ่อกับแม่สามีก็ขึ้นเขาไปเก็บฟืนด้วยเช่นเดียวกัน

บ้านของหล่อนมีแค่สามีเพียงคนเดียวที่ไปเก็บฟืน จะนำกลับมาเยอะเท่ากับบ้านอื่นได้อย่างไร ครั้นพี่สะใภ้สี่จ้าวมองดูลูกสาวทั้งสองที่กำลังเล่นอยู่หน้าประตูห้อง โทสะที่สะสมมานานจึงระเบิดออกเพราะมีเรื่องนี้มาจุดชนวน “ยัยเด็กบ้า มัวแต่เล่นอยู่นั่นแหละ ไปก่อไฟ!”

สาวน้อยทั้งสองตกใจจนรีบวิ่งเข้าไปในห้อง

“ฉันยังไม่ได้เอาฟืนมาเผาพวกแกสักหน่อย!” สะใภ้สี่จ้าวพูดพล่อย ๆ อีกหนึ่งระลอก “นังพวกตัวขาดทุนที่ไม่รู้จักพาน้องชายออกมา มีพวกแกออกมาให้กินข้าวเปล่า ๆ หรือไง? ถ้ายังไม่พาน้องชายออกมาอีก สักวันพ่อของแกคงได้ออกไปหาผู้หญิงอื่นนอกบ้านแล้วไม่เอาพวกแกแน่ ๆ ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าถึงเวลานั้นพวกแกจะทำยังไง!”

คำพูดประโยคนั้นของภรรยาเหล่าหวังสามรบกวนใจพี่สะใภ้สี่มาก ทำให้ไม่ว่าอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด โดยเฉพาะยัยเด็กสองคนนี้

สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะตนเองไม่มีลูกชาย หากหล่อนมีลูกชาย ก็คงไม่ต้องมามองดูคนอื่นหาเงินแบบนี้หรอก ลูกชายต่างหากล่ะคือคนที่จะนำความมั่งคั่งมาให้!

กลับมาทางฟากของจ้าวเหวินเทา เขาไม่รู้ว่าตอนที่ตนเองเพิ่งจะโผล่หน้ากลับมาก็ได้สร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงนี้แล้ว เขารีบปั่นจักรยาน มุ่งหน้าไปทางสะพานตะวันออกที่มีถนนขรุขระ ระหว่างนั้นก็ตะโกนไปพลาง “ภรรยาจ๋า!”

ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ด้านหน้าด้านล่างสะพาน มีเงาหนึ่งค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น พร้อมกับกองสัมภาระสีดำ ๆ กำลังสั่นไหว

จ้าวเหวินเทาเบิกตามอง ก็พบว่ามีคนกำลังแบกฟืน ฟืนจำนวนมากเกินไปแล้ว ดู ๆ ไปคล้ายภูเขาลูกเล็กเลย

“เหวินเทา กลับมาแล้วเหรอคะ!” ด้านล่างของภูเขาฟืนลูกเล็กมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

“ภรรยา!” จ้าวเหวินเทาปั่นจักรยานอีกไม่กี่ครั้ง ก็มาหยุดตรงหน้าเงานั้น ครั้นได้เห็นเขาก็รู้สึกปวดใจทันที

ร่างเล็ก ๆ ของเย่ฉูฉู่กำลังแบกฟืนจำนวนมาก ฟืนซ้อนกันเรียงจนสูง ร่างของเธอเอนไปข้างหน้าขณะใช้สองมือจับเชือกที่มัดฟืนไว้ นอกจากนี้ใต้รักแร้ทั้งสองข้างยังหนีบถุงกระสอบอีกสองถุงซึ่งใส่ของไว้จนตุง

“ภรรยา…” จ้าวเหวินเทาขอบตาแดง เขารีบนำจักรยานไปพิงไว้ ก่อนจะยื่นมือออกไปปลดฟืนออกจากตัวเธอ “มา ผมทำเอง!”

เย่ฉูฉู่ก็ไม่ได้ยืนกรานที่จะทำต่อไป เธอปล่อยมือเพื่อให้เขารับฟืนไป ปากก็ยังถามไปว่า “ทำไมคุณกลับมาค่ำขนาดนี้ล่ะคะ?”

สามีของบ้านเธอออกไปหาเงินข้างนอกแล้ว ทั้งยังทำงานยุ่งมาก เธอย่อมเป็นคนเตรียมฟืนที่ต้องใช้เผาในช่วงฤดูหนาว

“ผมนำผักใบเขียวส่วนหนึ่งไปขายในเมือง ก็เลยกลับช้าน่ะ” จ้าวเหวินเทาเอ่ยขณะนำฟืนไปวางไว้ที่เบาะท้ายจักรยาน

เย่ฉูฉู่รีบกล่าว “อย่าวางไว้ด้านบนสิคะ เบาะแค่นิดเดียวเอง วางไม่ได้หรอก คุณแบกไว้เถอะ เดี๋ยวฉันเข็นรถให้เอง”

จ้าวเหวินเทามองฟืนที่มีทั้งสั้นและยาว ไม่ว่าจะเป็นอะไรขนาดไหนก็มีทั้งหมด วางไม่ได้จริง ๆ ด้วย เขาจึงกล่าวว่า “ก็ได้ เดี๋ยวผมแบกเอง คุณเอากระสอบวางไว้ที่เบาะหลังของจักรยานแล้วประคองไว้นะ เดี๋ยวผมเข็นเอง”

“ไหวเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ลังเล

“ไหวสิ!”

จ้าวเหวินเทาไม่สนใจที่จะอธิบายอะไร เขาปลดกระสอบทั้งสองถุงข้างเอวของเย่ฉูฉู่แล้ววางไว้ที่ตำแหน่งเก้าอี้เบาะหลังจักรยาน จากนั้นก็ให้เย่ฉูฉู่ประคองไว้ ส่วนตนเองกลับไปแบกฟืนขึ้นหลังอีกรอบ มือข้างหนึ่งจับเชือกที่แบกฟืนไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งเข็นจักรยาน เดินได้อย่างมั่นคงดั่งที่พูด

“สุดท้ายแล้วก็เป็นงานผู้ชายอยู่ดี มันต้องใช้กำลังเยอะมากเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่มองสามีด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหวินเทากลับพูดด้วยความโกรธเคืองเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงออกมาแบกฟืนล่ะ เดินมาตั้งไกล แถมยังแบกมากขนาดนี้อีก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง? เหนื่อยขึ้นมาจะทำยังไง?”

“จะไกลสักเท่าไรกันเชียว นี่ก็อยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านเอง จะมีปัญหาอะไรได้ล่ะคะ? แต่วันนี้ฉันเองก็ไม่ทันได้คิดเหมือนกัน พรุ่งนี้ถ้าหากมาอีกครั้งก็จะมากับคุณแม่” เย่ฉูฉู่กล่าว แม้ว่าคนที่อยู่ด้านนอกหมู่บ้านต่างก็กำลังแบกฟืน แต่ตนเองมาคนเดียวโดยไม่มีใครเลย อันที่จริงก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน

พูดจบ เย่ฉูฉู่ก็ถามเขาอีกว่า “เมื่อคืนที่พักอุ่นสบายดีหรือเปล่าคะ กินอะไรเข้าไปบ้าง ไม่ได้กินของเย็น ๆ ใช่ไหม?”

จ้าวเหวินเทาได้ยินคำพูดเป็นห่วงเป็นใยของภรรยา เขาก็ทราบได้ว่าภรรยารักเขาสุดหัวใจ

“คุณอย่ามาเปลี่ยนประเด็นนะ ใครบอกให้คุณออกมาแบกฟืน? ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ รอให้ผมเสร็จธุระก่อนเรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง นี่เป็นงานของผู้ชายนะ” ถึงจะซึ้งใจ แต่จ้าวเหวินเทาก็ยังต้องพูดสอนเธอ

เย่ฉูฉู่กล่าว “เหวินเทา ตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังเก็บฟืนกัน รอให้คุณเสร็จธุระแถว ๆ นี้ก็ไม่เหลือฟืนให้เก็บแล้ว ถึงเวลานั้นก็มีหิมะตกลงมาอีก เดินไปเดินกลับก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว อะไรทำได้ก็ทำ”

“ผมขอบอกคุณไว้เลยนะ ว่าผมไม่ชอบที่คุณทำให้ตัวเองต้องลำบากตรากตรำจนผิวพรรณหยาบกระด้าง” จ้าวเหวินเทาเหลือบมองเธอพลางกล่าว

เย่ฉูฉู่ไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เธอไม่สามารถทำตัวไม่สนใจใยดีได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองมือตัวเอง ตอนนี้มันเริ่มหยาบกระด้างแล้ว!

“งานนี้คุณไม่ต้องทำอะไรหรอก ผมจ่ายเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็มีคนเอาฟืนมาส่งให้เราแล้ว” จ้าวเหวินเทาพูดต่อ

“ถ้าแม่รู้คงด่าคุณที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแน่นอนค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“เงินนี้ผมเป็นคนหามา ผมจะใช้ยังไงก็ได้ ผมเต็มใจและมีความสุข แม่เองก็ชอบพูดไปอย่างนั้นแหละ แต่คุณน่ะ ต้องดูแลใบหน้ากับมือเล็ก ๆ ให้ดีนะ ผมไม่ชอบให้มันหยาบกระด้าง ผมชอบคุณที่มีความงดงามและผิวขาวเนียนนุ่มแบบตอนนี้” จ้าวเหวินเทากล่าว

เขาไม่ชอบให้ภรรยาของตัวเองต้องมาทำงานหนักเหล่านี้ ก่อนที่เธอจะแต่งงาน ตอนที่อยู่บ้านแม่ก็ไม่ได้ต้องทำงานพวกนี้ เหตุใดแต่งงานกับเขาแล้ว กลับต้องมาทำเรื่องพวกนี้ด้วย?

มันก็แค่เรื่องเงิน 1-2 หยวนเอง! เป็นเรื่องที่เขาสามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว!

เย่ฉูฉู่รู้ดีว่าเขารักเธอ จึงยิ้มออกมา

อันที่จริงถ้าหากฐานะทางบ้านดี เธอเองก็ไม่ใส่ใจถ้าจะใช้เงินสักหน่อยเพื่อจ้างให้คนช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะเริ่มก้าวเดิน เธอจึงคิดว่าอะไรประหยัดได้ก็ประหยัด ถึงอย่างไรถ้าหากพึ่งพาเขาไม่ได้ก็คงต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วล่ะ

ทั้งสองคนพูดคุยกัน เพียงไม่นานก็มาถึงบ้าน จ้าวเหวินเทามองกองฟืนขนาดใหญ่ที่กองอยู่ข้างบ้าน แอบตำหนิตัวเองที่ตาบอด กองฟืนขนาดใหญ่แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะขนย้ายมาในระยะเวลา 1-2 วัน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมองไม่เห็น!

อันที่จริงก็ไม่โทษอะไรเขาหรอก เดิมทีผู้ชายก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ยิ่งเขาออกไปตอนเช้าและกลับดึก เป็นเรื่องปกติที่จะไม่ทันสังเกตเห็น

เย่ฉูฉู่ยืนอยู่ด้านหน้ากองฟืน เธอชี้ให้เขาดูพลางกล่าว “ฟืนพวกนี้ได้มาจากที่พวกเราแบ่งกัน แต่พวกนี้เป็นฟืนที่ฉันแบกกลับมา”

จ้าวเหวินเทาวางฟืนลง ในที่สุดก็มีโอกาสได้กอดภรรยา เขาจุมพิตลงบนริมฝีปากของเธอตรง ๆ “ครั้งนี้ผมจะไม่เถียงคุณแล้ว แต่ครั้งหน้าถ้าคุณยังกล้าทำอีกอย่าหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน!”

“ตกลง ถ้าคุณจัดการกับแม่ของคุณได้ ฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ถ้าหากแอบอู้ได้เธอเองก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น ในเมื่อเขาไม่ต้องการให้เธอทำอะไร เช่นนั้นเธอก็ไม่ทำแล้ว เหนื่อยจริง ๆ

“คอยดูผมได้เลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ฉันจะไปต้มน้ำร้อน พวกเราจะได้อาบน้ำอาบท่า แล้วค่อยไปทำกับข้าว คุณอยากกินอะไรดีคะ?” เย่ฉูฉู่มองเขา

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่สามีอยู่บ้านก็ไม่ได้เป็นอะไรนัก แต่ตอนที่เขาไม่อยู่ เธอก็มักจะรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย โดยเฉพาะเมื่อคืนที่สามีของเธอไม่กลับบ้าน

“ภรรยา ให้ผมทำให้ไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าว “คุณไปนอนพักบนเตียงสักหน่อยสิ?”

“ฉันทำเองค่ะ ฉันทำอาหารอร่อย ฝีมืออย่างคุณก็ทำได้แค่ทำให้มันสุกเท่านั้นแหละ” เย่ฉูฉู่กล่าวอย่างไม่ถูกใจ

“งั้นผมไปต้มน้ำให้คุณนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ค่ะ” เย่ฉูฉู่ไม่ได้คัดค้านอะไร

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นลูกสาวแล้วมันขาดทุนตรงไหน แพ้แล้วพาลนะสะใภ้สี่

เหวินเทาปวดใจแล้ว เห็นภรรยาที่ไม่เคยลำบากต้องมาแบกฟืนแบกของ

ไหหม่า(海馬)