บทที่ 291 เสวี่ยโม๋เจียวผู้มีฝีมือระดับปีศาจ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เสวี่ยโม๋เจียวเป็นขุนพลผู้เป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง  มีความสามารถที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เมื่อปรากฏตัวก็สามารถฟันเถี่ยเป้าไปได้ ทำให้เขาซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งพรรควรยุทธโบราณที่มีขอบเขตพลังในระดับนักรบราชัน ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียว เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจริงๆ โดยเฉพาะท่าทางวิปลาสที่กลืนกินโลหิตเหมือนกับปีศาจตนหนึ่งที่เขาแสดงออกมา ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่แขนทั้งสองใกล้จะไร้ค่าไปแล้ว กระทั่งอวัยวะภายในก็รู้สึกราวกับจะฉีกขาด การต่อสู้กับอาชูร่าทำให้แขนทั้งสองได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่ได้รับการรักษาก็ต้องมาต่อสู้กับเถี่ยเป้าที่เป็นผู้แข็งแกร่งซึ่งมีขอบเขตพลังในระดับนักรบราชันเช่นนี้อีกครั้ง นับเป็นการฝืนมากแล้ว ตอนนี้เสวี่ยโม๋เจียวก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีก นี่ก็เป็นคนที่มีความสามารถเหนือกว่าเถี่ยเป้า เย่เทียนเฉินจะรับมือได้อย่างไร ดูเหมือนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตายแล้ว

ความจริงหากพูดกันถึงความแข็งแกร่งของพลังพิเศษแล้ว เย่เทียนเฉินยังคงมีพลังสำรองอยู่บ้าง เพียงแต่ร่างกายนี้รับความแข็งแกร่งนั้นไม่ไหว ไม่สามารถรับการบรรจุพลังในขอบเขตจอมราชันได้อีกต่อไป หากฝืนทำการต่อสู้อย่างรุนแรง  เป็นไปได้มากว่าเย่เทียนเฉินจะตัวระเบิดตาย

“ต่อไปก็ถึงตาแกแล้ว ฉันคิดว่าเลือดของแกจะต้องอร่อยมากแน่นอน…” เสวี่ยโม๋เจียวเลียรอยเลือดที่อยู่บนดาบอีกครั้ง มีท่าทางวิปลาสอย่างอธิบายไม่ถูก จับจ้องไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

“คุณชายใหญ่รอแกกลับไปรายงานที่ไหน?” เย่เทียนเฉินแย้มยิ้มเล็กน้อย มองไปยังแขนที่บิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ของตน เอ่ยถามออกมา

“หึ มาถึงขั้นนี้แล้วแกยังคิดที่จะวางแผนใส่คุณชายใหญ่อีกหรือไง ช่างรู้จักอดกลั้นอารมณ์ดีจริง วางใจเถอะ ฉันจะไม่ฆ่าแกหรอก คุณชายใหญ่บอกว่าให้ตัดมือขวาแกกลับไปเท่านั้น งั้นฉันก็จะตัดมือขวาของแกกลับไป!” เสวี่ยโม๋เจียวแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเสวี่ยโม๋เจียว เย่เทียนเฉินก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงคนนี้หยิ่งยโสขนาดไหน มั่นใจในตัวเองขนาดไหน  คิดว่าบนโลกนี้ไม่มีใครที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ เขาสามารถตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้ตามใจชอบ รวมไปถึงเย่เทียนเฉินด้วย

ฟุ่บ!

เสวี่ยโม๋เจียวเคลื่อนไหวแล้ว เร็วยิ่งกว่าสายฟ้าเสียอีก เพียงพริบตาเดียวก็เคลื่อนตัวจากบริเวณที่ห่างออกไปห้าเมตรมาถึงเบื้องหน้าของเย่เทียนเฉิน ยกดาบขึ้นฟันลงไปยังมือขวาของเย่เทียนเฉิน จุดประสงค์ของเขานั้นชัดเจนและเรียบง่ายมาก  อีกทั้งยังทรงอำนาจและเอาแต่ใจมากด้วย

พลั่ก!

เย่เทียนเฉินไม่มีทางหลบได้ ทำได้เพียงฝืนสู้ต่อไป เสวี่ยโม๋เจียวไม่เพียงแต่จะมีความสามารถเหนือกว่าเถี่ยเป้า ยิ่งไปกว่านั้นยังโหดเหี้ยมมากอีกด้วย ไม่มีจิตใจที่ตรงไปตรงมาเลยแม้แต่ครึ่งส่วน นี่คือปีศาจสังหารตัวหนึ่ง ลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงทั้งหมดล้วนเป็นคนเช่นนี้ นี่เป็นเพราะอำนาจของเขายิ่งใหญ่มาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่กล้าไปหาเรื่อง มีปีศาจสังหารและเครื่องจักรสังหารกลุ่มนี้อยู่ ใครก็ไม่กล้าไปแตะต้องเขาง่ายๆ

เสวี่ยโม๋เจียวยกดาบขึ้น ฟันลงไปที่แขนขวาของเย่เทียนเฉินโดยตรง รวดเร็วเป็นอย่างมาก เย่เทียนเฉินถอยลงไปสองก้าว มือซ้ายจับแขนของเสวี่ยโม๋เจียวเพื่อหวังจะหยุดดาบที่โจมตีลงมาของเขา ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งจะจับแขนขวาของเสวี่ยโม๋เจียวได้ ในมือซ้ายของเสวี่ยโม๋เจียวก็ปรากฏดาบขึ้นเล่มหนึ่งราวกับมีเวทมนตร์  แทงตรงไปยังลำคอของเย่เทียนเฉิน

ผลั่ก!

เย่เทียนเฉินเตะสูงไปครั้งหนึ่ง ทำให้ดาบในมือซ้ายของเสวี่ยโม๋เจียวปลิวออกไป  จากนั้นเสวี่ยโม๋เจียวเองก็เตะไปที่หน้าอกของเย่เทียนเฉิน ทำให้เขากระเด็นออกไปเช่นเดียวกัน

ร่วงหล่นลงสู่พื้น แขนทั้งสองของเย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะสั่นระริก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกินไป กระทั่งอวัยวะภายในทั้งหมดก็เกิดความเจ็บปวดจนยากที่จะทนไหว หลังจากสู้กับอาชูร่าที่เป็นยอดฝีมือในโลกของผู้มีพลังพิเศษซึ่งมีพลังในขอบเขตจอมราชันแล้ว ก็ต้องมาสู้กับเถี่ยเป้าที่มีพลังขอบเขตนักรบราชันอีก ตอนนี้ยังต้องเผชิญหน้ากับเสวี่ยโม๋เจียวที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเถี่ยเป้า จึงจำเป็นจะต้องออกแรง ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายมีก็มีข้อจำกัด ซึ่งได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนทั้งหมดแล้ว เดิมทีก็ไม่สามารถรองรับการต่อสู้ที่ต้องใช้พลังพิเศษในระยะยาวได้  เป็นไปได้มากกว่านี่จะกลายเป็นบาดแผลถึงชีวิตของเย่เทียนเฉินในครั้งนี้

เย่เทียนเฉินลุกขึ้นมาจากบนพื้นอย่างเด็ดเดี่ยว มองไปยังเสวี่ยโม๋เจียวอย่างเย็นชา ในใจของเขารู้สึกตื่นตะลึงอยู่บ้าง นี่เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่งของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเท่านั้น ถึงกับมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียว ถ้าเช่นนั้นคุณชายใหญ่จะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?

ถึงแม้ต้องการที่จะฝืนสู้ต่อไปแต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป นอกจากนี้มุมปากยังมีรอยเลือดไหลออกมาอีก เรียกได้ว่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ถูกศัตรูโจมตีจนบาดเจ็บรุนแรง แต่ร่างกายนี้ของเขาไม่แข็งแกร่งมากพอ ไม่สามารถรองรับการต่อสู้ที่ต้องใช้พลังขั้นสูงในระยะยาวได้ เขาถูกพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันของตัวเองทำให้ร่างกายบาดเจ็บหนัก เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลกแล้ว เย่เทียนเฉินให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของกายเนื้อเป็นสำคัญ ใช้กายเนื้ออย่างเดียวก็สามารถป่นภูเขาได้ ความแตกต่างมีมากเกินไป

“แกแกร่งมากจริงๆ มิน่าล่ะคุณชายใหญ่ถึงไม่คิดจะฆ่าแกทันที อยากจะเล่นกับแกให้มากสักหน่อย!” เสวี่ยโม๋เจียวหัวเราะอย่างวิปลาสแล้วพูดขึ้น

จะอย่างไรเสวี่ยโม๋เจียวก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งห้าวหาญถึงขนาดนี้ ในตอนที่เขาบาดเจ็บสาหัส แขนทั้งสองแทบจะไร้ค่า มุมปากก็กระอักเลือดออกมา ในสภาพนี้ยังสามารถป้องกันการโจมตีอันรวดเร็วของตนได้ ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว บางทีถ้าคนๆ นี้เกิดโตขึ้น คงจะมีความสามารถพอฟัดพอเหวี่ยงกับคุณชายใหญ่ก็เป็นได้

“ฉันก็ชอบเล่นเกมกับคนอื่นเหมือนกัน…”

“เพียงแต่น่าเสียดายที่แกไม่มีโอกาสนั้นแล้ว…”

ตู้ม!

เสวี่ยโม๋เจียวลงมทออีกครั้ง เขาพุ่งสังหารไปยังเย่เทียนเฉินราวกับปีศาจ ในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ว่าร่างกายทั้งหมดของตนถูกกักขัง ไม่สามารถขยับได้โดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าเสวี่ยโม๋เจียวใช้เคล็ดวิชาปีศาจอะไร กล่าวคือเขาพยายามใช้พลังทั้งหมดออกมาก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ ทำได้เพียงเบิกตามองเสวี่ยโม๋เจียวฟาดดาบลงมายังมือขวาของตนเท่านั้น

จนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินก็ไม่สามารถขยับได้เลย เขาถูกจองจำเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะป้องกัน เมื่อเห็นเสวี่ยโม๋เจียวฟันดาบลงมาก็ทำได้เพียงรอรับผลเท่านั้น

เคร้ง!

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เงาร่างสายหนึ่งพุ่งเข้ามา ใช้ดาบป้องกันดาบของเสวี่ยโม๋เจียวเอาไว้ ขณะเดียวกันก็มีคนสองคนพุ่งเข้าไปหวังฆ่าฟันเสวี่ยโม๋เจียว

“พี่ใหญ่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินตวนมองแขนทั้งสองอันไร้เรี่ยวแรงคล้ายกับโคลนเหลวของเย่เทียนเฉิน มุมปากยังมีรอยเลือดอยู่ด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกมา

“ไม่เป็นไคนคนนี้มีกระบวนท่าแข็งแกร่งและแปลกประหลาดมาก ระวังตัวด้วย!” เย่เทียนเฉินมองไปเบื้องหน้าอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนกำลังสู้กับเสวี่ยโม๋เจียวอยู

ที่แท้คนที่พุ่งเข้ามาขวางดาบของเสวี่ยโม๋เจียวเอาไว้ก็คือหลินตวน เย่เทียนเฉินเองก็พอเข้าใจอยู่บ้าง เสวี่ยโม๋เจียวแข็งแกร่งมาก ความสามารถเหนือกว่าเถี่ยเป้าเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังสู้กับยอดฝีมือทั้งสองอย่างอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยก็ยังไม่เสียเปรียบอีกด้วย แข็งแกร่งมากจริงๆ มิน่าล่ะคุณชายใหญ่ถึงได้ส่งเขามาสู้ เช่นนั้นก็จะมั่นใจได้มาก

เกรงว่ามีเพียงดาบเจ็ดดาวในมือของหลินตวนอย่างเดียวเท่านั้นที่จะสามารถขวางดาบในมือของเสวี่ยโม๋เจียวเอาไว้ได้

ในตอนที่เสวี่ยโม๋เจียวใช้ดาบฟันเถี่ยเป้าจนขาดเป็นสองท่อนนั้น เย่เทียนเฉินก็เริ่มสงสัย ถึงแม้ว่าความสามารถของเสวี่ยโม๋เจียวจะแข็งแกร่งมาก แต่หากต้องการฆ่าเถี่ยเป้าด้วยดาบเดียวก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเถี่ยเป้าไม่เพียงแต่จะมีความสามารถในขอบเขตนักรบราชัน อีกทั้งดาบในมือของเขาก็ไม่ได้ทำจากวัสดุธรรมดา ถึงกับสามารถฟันทั้งคนและดาบจนขาดออกเป็นสองท่อนได้ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินสงสัยจริงๆ เมื่อครู่นี้ตอนที่ประมือกัน เย่เทียนเฉินก็แน่ใจแล้วว่าดาบในมือของเสวี่ยโม๋เจียวไม่ใช่อาวุธทางการทหาร แต่เป็นอาวุธที่สร้างมาจากวัสดุพิเศษ เมื่อผสมผสานกับพลังภายในทำให้มีอำนาจทำลายล้างเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

“พี่ใหญ่ ใครส่งคนคนนี้มา? แข็งแกร่งมาก!” หลินตวนมองไปยังดาบเจ็ดดาวของตน นี่คืออาวุธวิเศษที่หาได้ยากในพรรควรยุทธโบราณ แทบจะเรียกได้ว่าทรงอานุภาพไร้คู่ต่อกร คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ปะทะกัน ดาบในมือของเสวี่ยโม๋เจียวจะไม่หัก กระทั่งไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย ช่างทำให้หลินตวนรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ

“เป็นคนของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง!” เย่เทียนเฉินมองกระบวนท่าของเสวี่ยโม๋เจียวอย่างจริงจัง หากต้องการที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ย่อมต้องรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งถึงจะชนะร้อยครั้ง

“คุณชายใหญ่เป็นคนที่ลึกลับมาโดยตลอด ได้ยินว่าไม่เพียงแต่ในมือของเขาจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่ง แต่ความสามารถของตัวเขาเองก็ยังลึกล้ำไม่อาจคาดเดาอีกด้วย!” หลินตวนขมวดคิ้วพูด

เย่เทียนเฉินพยักหน้า ตอนนี้เขาไม่สามารถทำการต่อสู้ได้แล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกินไป รับรู้ได้ว่าอวัยวะภายในของตนเองได้รับความเสียหายรุนแรง ไม่แน่ว่าอาจจะมีเลือดออกภายในก็เป็นได้ ส่วนอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนที่กำลังต่อสู้กับเสวี่ยโม๋เจียวอยู่ ถึงกับไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในทันที ต้องกล่าวว่าฝีมือของเสวี่ยโม๋เจียวแข็งแกร่งมาก

“ไอ้หมอนี่ร้ายกาจจริงๆ อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในทันที!” หลินตวนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ

“ความจริงแล้วความสามารถของเขาไม่ได้แตกต่างไปจากอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยเลย สิ่งสำคัญก็คือความผิดปกติของกระบวนท่าของเขา มันมีความพิเศษอยู่บ้าง ในเวลาสั้นๆ ฉันไม่รู้ว่ามีอุบายอะไรอยู่!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากพูด

จนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินก็ดูออกแล้ว ความสามารถของเสวี่ยโม๋เจียวไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนที่ทุกคนเห็น เรียกได้ว่าเป็นการแสดงให้เห็นเท่านั้น การที่เขาสามารถฟันเถี่ยเป้าจนขาดได้ในดาบเดียวและสามารถสู้กับยอดฝีมืออย่างอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่กระบวนท่าที่แปลกประหลาดและโหดเหี้ยม เมื่อรวมเข้ากับดาบในมือของเขาซึ่งทรงพลังไร้เทียมทาน จึงสามารถสู้กับอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยด้วยตัวคนเดียวได้ชั่วครู่

“สิบสามราชาเสือดาวถูกพวกเราเข้าไปหมดแล้ว!” หลินตวนเอ่ย

“แกไปเถอะ ไปฆ่าเสวี่ยโม๋เจียวซะ ฉันจะส่งของขวัญกลับไปให้คุณชายใหญ่สักหน่อย” เย่เทียนเฉินยิ้ม

“ครับพี่ใหญ่!”

หลินตวนกำดาบเจ็ดดาวในมือขวาของตนแล้วพุ่งเข้าไป ความแข็งแกร่งของเสวี่ยโม๋เจียวนั้นหลินตวนเห็นอยู่ในสายตา ทว่าไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวจนถอยไปได้ กลับทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมและตื่นเต้นขึ้นด้วยซ้ำ

อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวน และพวกเปาเทียนหลงทั้งหลาย ต่างก็เป็นพวกบ้าการต่อสู้ หวังว่าจะได้สู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง มีเพียงทำแบบนี้ถึงจะสามารถหาความตื่นเต้นเลือดร้อนได้ และจะสามารถยกระดับความสามารถของตนได้

เมื่อรวมน้หลินตวนเข้าไป ทั้งสามคนร่วมล้อมโจมตีสังหารเสวี่ยโม๋เจียว เพียงพริบตาเดียวเสวี่ยโม๋เจียวก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหว จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังของเย่เทียนเฉินจะมีขุนพลแบบนี้อยู่ด้วย เขานับว่ามีความสามารถที่แข็งแกร่ง มีกระบวนท่าแปลกประหลาด และยังมีดาบลึกลับอยู่ในมือ แต่ไม่นานก็ถูกโจมตีรุนแรงจนกระเด็นออกไปไกลหลายครั้ง

เย่เทียนเฉินยืนอยู่ที่เดิมเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่กลับจ้องมองเสวี่ยโม๋เจียวอยู่ตลอด เขาขมวดคิ้ว ความแข็งแกร่งของเสวี่ยโม๋เจียวเป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลย จนถึงตอนนี้แม้ว่าจะตกเป็นรองจนเกือบจะถูกหวังเจี๋ยและอู๋เสวี่ยฆ่าตายไปหลายครั้ง แต่ก็ยังสามารถใช้เคล็ดวิชาสังหารอันแข็งแกร่งออกมาได้ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินสงสัยมาก หากจะกล่าวว่าคนเช่นเสวี่ยโม๋เจียวไม่มีท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งก็คงไม่มีใครเชื่อ ท่าไม้ตายสุดยอดของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน นี่เป็นสิ่งที่เย่เทียนเฉินกังวลใจมากที่สุด

“ฉันต้องขอบอกว่าคุณชายใหญ่ลำพองใจเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเบื้องล่างของแกยังมียอดฝีมืออยู่หลายคนแบบนี้ แต่การตัดสินใจที่ถูกต้องมากที่สุดก็คือการส่งฉันเสวี่ยโม๋เจียวมา ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันไม่ต้องการตัดแขนขวาของเย่เทียนเฉินอีกต่อไป แต่ฉันต้องการฆ่าพวกแกทุกคนที่นี่ซะ!” เสวี่ยโม๋เจียวลุกขึ้นยืนจากพื้น ลิ้มรสชาติของเลือดที่มุมปากเล็กน้อย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พูดออกมาด้วยเสียงเยือกเย็นอันแปลกประหลาด

…………….