****

ของดลงนิยาย2วันนะครับ เนื่องจากนักแปลป่วย ต้องขออภัยด้วยนะครับ

*********

ตอนที่145 เล่นเดิมพัน

เหลียวเซียวหนุนก้าวตรงไปหาจ้าวเฉียนและเอ่ยถามเสียงเบาว่า

“หยางหมิงพูดอะไรกับนาย?”

จ้าวเฉียนตอบกลับอย่างว่างเปล่าว่า

“เขาขอร้องไม่ให้ผมกับอวู่เฉียนทะเลาะกัน เขาจะพยายามไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่อง แต่เธอไปหาเพื่อนพวกนี้มาจากไหน มันน่าเบื่อมาก”

เหลียวเซียวหยุนรวนหัวเราะเล็กน้อย เอ่ยตอบกลับไปว่า

“จะโทษฉันก็ไม่ถูกนะ นายโชคร้ายที่ดันมาเจรจากับบริษัทของฉันในวันนี้ เดิมทีถ้ามาวันอื่นฉันคงยกหูคุยกับผู้จัดการด้วยตัวเองให้ไปแล้ว แต่นี่ดันมาระหว่างสงครามกำลังเดือด เอาแบบนี้ดีกว่า จัดการอวู่เฉียนให้อยู่หมัด แล้วพรุ่งนี้เตรียมฟังข่าวดีเรื่องความร่วมมือได้เลย”

“นี่ผมไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ ในเมื่อไม่ชอบก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับคนพวกนี้เลย แต่ทำไมยังเลือกที่จะคบอยู่ล่ะ? คุณต้องการอะไรกันแน่”

จ้าวเฉียนปริปากถามด้วยความมึนงง

ในมุมมองของจ้าวเฉียน เมื่อเรียกพวกเขาว่าเพื่อน สิ่งแรกคือความเป็นมิตรที่มีให้กัน มีความสนใจในสิ่งที่คล้ายกัน และยอมรับในการตัดสินของเพื่อนไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี แต่สำหรับคนพวกนี้ไม่สามารถเรียกว่าเพื่อนได้เลยด้วยซ้ำ นี่มันศัตรูที่เอาแต่ข่มขวัญกันไปมา

เหลียวเซียวหยุนตอบกลับอย่างจนใจเช่นกันว่า

“แล้วคิดว่าฉันต้องการเป็นเพื่อนกับเธอเหรอ? พ่อของเธอเป็นประธานธนาคารยักษ์ใหญ่ของจีน หากไม่สานสัมพันธ์กับเธอไว้ แล้วบริษัทฉันจะขอเงินทุนมาได้ยังไง? ถ้ามีเส้นสายที่ดีการขอสินเชื่อหรือกู้เงินมาลงทุนย่อมง่ายกว่าจริงไหม? อันที่จริงนะ ไม่มีใครชินกับความหัวสูงของเธอหรอก ที่คนอื่นๆเข้าหาเธอก็ล้วนแต่มีจุดประสงค์เดียวกัน มันก็ใช่นะที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้ แต่นายนั้นแตกต่างออกไป”

ท้ายที่สุดนี้ก็วกกลับมาที่เรื่องผลประโยชน์ แต่สำหรับตัวจ้าวเฉียนเอง เขามีอิสระมากพอว่าตนจะเลือกใครมาเป็นเพื่อนเคียงข้างเขา ส่วนเรื่องเส้นสายหรือเงินทอง จ้าวเฉียนเคยกังวลที่ไหน?

แต่เหลียวเซียวหยุนกลับทำไม่ได้ เธอต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทพ่อเธอก่อนเป็นอันดับแรก ไม่แม้แต่มีสิทธิ์เลือกเพื่อนด้วยซ้ำ

กลุ่มวัยหนุ่มสาวตรงมาถึงโรงละครสัตว์อย่างรวดเร็ว มาถึงล่วงหน้าห้านาทีก่อนการแสดงจะเริ่มต้นขึ้น

ทันทีที่การแสดงเริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างปรบมือส่งเสียงต้อนรับอย่างมีความสุข ที่อวู่เฉียนต้องการมารับชมในครั้งนี้ก็เพราะอยากเห็นลูกปลาวาฬเบลูก้า จึงไหว้วานให้หยางหมิงคิดหาทางให้เธอสมหวัง

หยางหมิงคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบไปว่า

“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันคุยกับเจ้าหน้าที่ให้”

อวู่เฉียนพยักหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เธอกล่าวตอบไปว่า

“โอเค ฉันอยากลองสัมผัสมันสักครั้ง และคิดว่าคนอื่นๆเองก็คิดแบบเดียวกับฉันเช่นกัน คุณช่วยหน่อยนะ”

 คนอื่นๆต่างหันมากล่าวขอบคุณอววู่เฉียนและหยางหมิงโดยไว แต่จ้าวเฉียนกับเหลียวเซียวหยุนกลับนั่งนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย

อวู่เฉียนไม่พอใจอย่างมากที่ทั้งคู่ไม่สำนึกในบุญคุณในครั้งนี้ เธอเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า

“เหลียวเซียวหยุน เธอไม่อยากจับมันดูรึไง?”

เหลียวเซียวหยุนส่ายหัวอานอย่างเฉยเมย พร้อมเอื้อมไปจับมือจ้าวเฉียนแทนและตอบว่า

“ไม่เลย ไม่มีอะไรดีไปกว่าจับมือกันแฟนตัวเองแล้ว”

ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นต่างระเบิดหัวเราะเยาะลั่น

“สัมผัสมือสากๆของมันงั้นเหรอ? แค่เห็นฝ่ามืออีกฝ่ายแวบเดียวก็รู้แล้วว่า เขาทำงานหนักแค่ไหน  ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกหรอกว่า แต่ถ้าฉันบอกว่าจะให้100ล้านกับเขาเพื่อแลกให้มาจับมือฉันแทน หมอนั่นคงจะสะบัดมือเธอทิ้งทันทีเชื่อไหม?”

เหลียวเซียวหยุนรู้สึกไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยิน เธอสวนโต้กลับทันทีว่า

“เธอก็แค่อยากจับมือเขาไม่ใช่รึไง? ต่อให้200ล้านเขาก็ไม่อยากจับกับเธอหรอก”

“น่าตลกดีหนิ อย่าว่าแต่100ล้านเลย แค่หมื่นเดียวเขาก็กราบแทบเท้าฉันแล้ว!”

อวู่เฉียนตอบกลับไปด้วยสายตาสุดรังเกียจ

เหลียวเซียวหยุนผลักร่างของจ้าวเฉียนออกไปต่อหน้าและกล่าวขึ้นว่า

“ได้! งั้นก็ลองถามเขาดูสิ หมื่นหนึ่งแลกกับจับมือของเขา ขอดูหน่อยว่าเขาจะยอมไหม?”

ตอนนี้จ้าวเฉียนแทบจะบ้าตายเต็มแก่ ไม่ใช่ว่าสมองของสองคนนี้ตายไปแล้วเหรอ?

ทะเลาะได้ตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่ เพื่อนแบบนี้มีไว้เพื่ออะไร?

หยางหมิงกังวลหนัก กลัวว่าอวู่เฉียนจะประเคนปัญหาให้จ้าวเฉียนอีกระลอก ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวออกไปหยุดเธอทันที

“เสี่ยวเฉียน ใจเย็นก่อนนะ ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า คนแบบนี้อย่าไปเกลือกกลั้วด้วยเลย อยากเห็นคลิปตัวเองทะเลาะกับอีกฝ่อนว่อนลงอินเตอร์เน็ตเหรอ?”

อวู่เฉียนเค้นเสียงหึเย็นคำโตใส่หน้าทั้งคู่ และไม่ได้ปริปากพูดอะไรอีกเลย

หยางหมิงกระชับกอดอวู่เฉียนอย่างทะนุทะหน่อมและปลอบโยนขึ้นว่า

“เอาน่า เอาน่า เดี๋ยวผมขอตัวไปหาเจ้าหน้าที่ก่อนนะ รออยู่ที่นี่ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

“อืม รีบๆกลับมานะ”

อวู่เฉียนขานเสียงหวานตอบ

จ้าวเฉียนรู้สึกเบื่อเกินบรรยาย เขาต้องการนั่งพักผ่อนอยู่เงียบๆคนเดียว แต่เหลียวเซียนหยุนกลับนำปัญหาให้เขาอีกครั้ง โดยกล่าวกับเขาว่า

“จ้าวเฉียน ฉันเองก็อยากสัมผัสลูกปลาวาฬเบลูก้าเหมือนกัน แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันต้องการยืนบนตัวลูกปลาวาฬด้วย”

จ้าวเฉียนมองตาขวางภายในใจแทบคลั่ง

อวู่เฉียนและคนอื่นๆต่างระเบิดหัวเราะลั่นในทันมด นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าพวกเขาเคยได้ยินมา

“เหลียวเซียวหยุน ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? เธอจะให้เจ้าหน้าที่พาเธอไปยืนบนตัวลูกปลาวาฬจริงๆเหรอ?”

อวู่เฉียนระเบิดหัวเราะดังลั่นชนิดไม่มีเกรงอกเกรงใจ

“เซียวหยุน แฟนของเธอยังต้องให้เธอเลี้ยง แล้วเขาจะปัญญาไปขอเจ้าหน้าที่ได้ยังไง?”

เจียงหลี่หลินเอ่ยเยาะ

“ถูกต้อง เขาไม่ได้มีหน้ามีต่างในแวดวงธุรกิจอะไรเลย ใครจะไปรับฟังคำขอของเขา ไม่แม้แต่ชายตามองด้วยมั้ง”

หวางฉิงเอ่ยเตือน

“เหอะ! เลิกไร้สาระได้แล้วเธอน่ะ อย่าทำให้ฉันต้องอับอายไปกว่านี้เลย ถ้ายังฝืนต่อไปมีหวังทุกคนในที่นี่ต้องหัวเราะเยาะพวกเราแน่!”

อวู่เฉียนตะคอกเสียงเย็น

…………..

ทุกคนต่างไม่พอใจจ้าวเฉียนอย่างมาก จะอย่างไรก็ตาม ในสายตาของพวกเขามันก็เปี่ยมล้นไปด้วยความดูถูก แต่ละคนเป็นถึงทายาทเศรษฐีชื่อดังในเมืองตงไห่ คนยากจนแบบจ้าวเฉียนไม่สมควรเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาด้วยซ้ำ

เหลียวเซียวหยุนไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะได้ตบหน้าอวู่เฉียนแน่นอน เธอกล่าวโต้ทันทีว่า

“จ้าวเฉียน ถ้ายังอยากทำให้ฉันอารมณ์ดีอยู่ ก็ออกไปจัดการได้แล้ว ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาหา ฉันไม่อยากเจอหน้านายอีกแล้ว”

จ้าวเฉียนไม่ใช่ของเล่นที่เหลียวเซียวหยุนจะทำอะไรก็ได้ตามใจ เขาไม่สามารถทนต่อความเอาแต่ใจของเธอได้อีกแล้ว

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะสั่งผมแบบนี้! ผมจัดการเอง!”

“จ้าวเฉียนกัดฟันกรอดพร้อมกล่าวขู่สุ้มเสียงเย็น”

“ได้! จัดการให้ฉันหน่อย!”

เหลียวเซียวหยุนพยักไล่ตอบกลับไป

จ้าวเฉียนพยักหน้าและลุกขึ้นออกไปทันที

“โอ้ว! น่าละอายใจจริงๆ เธออย่าทำให้พวกเราต้องขายหน้าไปมากกว่านี้เลย!”

“ถูกต้อง! เซียวหยุน เธอรีบเรียกเขากลับมาเดี๋ยวนี้เลย ถ้าดันไปมีเรื่องกับพวกเจ้าหน้าที่ พวกเราคงไม่เหลือหน้าออกไปไหนอีกแล้ว”

“เราเองก็มียางอายเหมือนกันนะ ถ้าเขาดันไปมีเรื่องกับคนอื่น อย่าโทษเราล่ะกัน ระหว่างพวกฉันกับเธอคงต้องทำตัวราวกับไม่รู้จักกัน โอเคไหม?”

เหลียวเซียวหยุนแสยะยิ้มกว้างอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ไม่ต้องห่วง เขาไม่มีทางก่อปัญหาแน่นอน นั่งรอดูฉันขึ้นไปยืนบนตัวลูกวาฬได้เลย”

ทุกคนต่าส่ายหัวพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ่ออ…คลั่งรักเกินไปแล้ว”

“นี่สินะที่เรียกว่า…ผู้หญิงมีความรักจะโง่ยิ่งกว่าหมู”

เจียงหลี่หลินและคนอื่นๆสบถกับตัวเองอย่างหมดหนทาง

แต่ทันใดนั้นเอง เหมือนว่าอวู่เฉียนจะคิดอะไรขึ้นได้ เธอจึงหันมาพูดกับเหลียวเซียวหยุนว่า

“เหลียวเซียวหยุน ในเมื่อเธอเชื่อมั่นในตัวมันมาก ถ้าอย่างนั้นกล้าเดิมพันกับฉันไหม?”

เหลียวเซียวหยุนพยักหน้าตอบแบบมไม่คิด เอ่ยตอบอย่างมั่นใจว่า

“ได้เลย เดิมพันอะไรดีล่ะ?”

“ถ้ามันสามารถทำให้เธอขึ้นไปยืนบนตัวลูกวาฬได้ ฉันจะให้เขา100,000หยวน แต่ถ้าทำไม่ได้ เธอต้องให้ฉันตบหน้าเขาสั่งสอน โอเคไหม?”

“แสนเดียว? เป็นถึงลูกสาวประธานธนาคารยักษ์ใหญ่ ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอไงที่เสนอเดิมพันมาแค่แสนเดียว? หรือเธอรวยไม่จริง?”

เหลียวเซียวหยุนตอบกลับพร้อมสีหน้ารังเกียจ

อวู่เฉียนตระหนักดีว่า ตนเองเป็นคุณหนูที่ร่ำรวยขนาดไหน ดังนั้นจึงเอ่ยถามไปว่า

“เข้าใจแล้ว งั้นต้องการเดิมพันเท่าไหร่?”

“อย่างน้อยหนึ่งล้าน ก็แค่ค่าอาหารมื้อเดียวเอง อย่าบอกนะว่าจ่ายไม่ไหว?”

เหลียวเซียวหยุนกล่าวเสียดเชิงยั่วยุ

หนึ่งแสนหยวนอวู่เฉียนยังพอควักออกมาในกระเป๋าตัวเองได้ แต่เงินล้านหนึ่งเธอต้องขอพ่อแม่ของเธอก่อนที่จะถอนออกมา เนื่องจากเธอยังเป็นเด็ก แต่อย่างไรอวู่เฉียนไม่ได้รู้สึกกลัวแม้สักนิด เพราะเธอมั่นใจอย่างยิ่งว่าจ้าวเฉียนไม่มีวันขอเจ้าหน้าที่ได้แน่นอน

“หนึ่งล้าน? ไม่มีปัญหา! แต่แลกกับตบหน้าเธอทีหนึ่งต่อหน้าทุกคนถือว่ายังไม่คุ้ม! งั้นฉันขอตบสิบที!”

“ไม่มีปัญหา! เป็นอันตกลง!”

เหลียวเซียวหยุนเอื้อมไปจับมือกับอวู่เฉียนทันทีหลังจากกล่าวจบ