ตอนที่ 205 – ออกจากหมู่บ้านหวาง
ด้วยการเพิ่มเข้ามาของหมิงตงทำให้เจี้ยนเฉินไม่สามารถเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้อีกต่อไป ในอดีตความแข็งแกร่งของเขาไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้เขาเป็นเซียนผู้เชี่่ยวชาญพิเศษและได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณกระบี่สีม่วงและสีฟ้า แม้ว่าเขาจะต้องตัดผ่านเป็นเซียนปฐพี เขาก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ ดังนั้นเขากำลังเสริมสร้างความเข้มแข็งของเหล่าทหารรับจ้างอัคนีอย่างช้า ๆ
ต่อมา เจี้ยนเฉินพักที่หมู่บ้านหวางอีกสองวัน ในตอนนั้น เขาไปบอกลาและเตรียมพร้อมที่จะออกจากหมู่บ้าน
ในบ้านไม้ หมิงตงยังคงฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขา เขามองไปที่เจี้ยนเฉินที่พิงกำแพง “เจี้ยนเฉิน เมื่อข้าหายเป็นปกติ ข้าจะออกจากหมู่บ้านหวางและหากเจ้ายังไม่ได้กลับมา ข้าจะไปตามหาเจ้า”
เจี้ยนเฉินพูดพึมพำกับเขา “ข้าใช้สมุนไพรทั้งหมดที่อยู่ในความครอบครองของข้าแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือให้เจ้ารักษาตัวเองให้หายอย่างช้า ๆ จากการประเมินของข้า เจ้าจะหายดีในอีก 1 เดือน สำหรับตอนนี้ข้าจะออกไปทำเรื่องส่วนตัวบางอย่าง ข้าจะกลับมาอีกใน 1 เดือน ดังนั้นสำหรับตอนนี้เจ้าแค่พักผ่อน” เขานำเข็มขัดมิติและแกนอสูรระดับ 4 แปดอันพร้อมกับเหรียญสีม่วงสองสามเหรียญออกมา ” ถ้าเจ้ารักษาหายดีแล้วข้ายังไม่กลับมา จงฝึกฝนตัวด้วยสิ่งเหล่านี้ ด้วยความสามารถของเจ้าและแกนอสูรระดับ 4 พวกนี้ พลังของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าข้าไม่กลับมาเป็นเวลานาน จงอย่าลังเลที่จะออกไปด้วยตัวเอง”
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินถือแกนอสูรระดับ 4 แปดอัน ใบหน้าของหมิงตงก็ตกใจ แกนอสูรระดับ 4 มีราคาแพงมากและดังนั้นเขาจึงไม่เคยใช้เลย แค่คิดว่าเขาเกือบเสียชีวิตจากแกนอสูรระดับ 4 มันทำให้เขาปวดใจเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อเจี้ยนเฉินนำแกนอสูรระดับ 4 ออกมามากมายเพื่อให้เขาได้ฝึกฝน เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าใจถึงความเอื้ออาทรได้
สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และสงบอารมณ์ในหัวใจของเขา มือของเขาสั่นขณะเอื้อมมือไปหยิบสิ่งของที่เจี้ยนเฉินส่งให้เขา ด้วยแววตาที่ซับซ้อน เขากล่าวว่ า “คำขอบคุณคงจะไม่เพียงพอ แต่ในไม่นาน ข้าหมิงตงจะจดจำความมีน้ำใจของเจ้า” หมิงตงเป็นคนที่จดจำพระคุณ เจี้ยนเฉินช่วยชีวิตเขาแล้วมอบของมีค่ามากมายให้กับเขา ดังนั้นในใจของหมิงตงเขาจึงตัดสินใจที่จะติดตามเจี้ยนเฉินด้วยความตั้งใจ เขารู้ว่าถ้าไม่มีเจี้ยนเฉิน เขาจะไม่สามารถเห็นดวงอาทิตย์ยามบ่ายอีกเลย นอกจากนี้เจี้ยนเฉินยังเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษตั้งแต่อายุยังน้อย หากพูดถึงความสามารถในการฝึกฝนของเขา ในการติดตามบุคคลดังกล่าวจะไม่มีการเสียเปล่าเลย
หลังจากวางแผนสิ่งต่าง ๆ กับหมิงตง เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดอยู่ในหมู่บ้านหวางและออกจากหมู่บ้านทันทีที่เขาพักในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา
หมู่บ้านหวางอยู่ไกลจากที่อื่นและมีภูเขาล้อมรอบซึ่งหมายความว่ามีคนอาศัยอยู่น้อยมาก ตามคำแนะนำของรอสโก้และผู้อาวุโสหมู่บ้าน เขามุ่งหน้าไปในทิศทางที่ออกห่างจากเทือกเขา
เมื่อเวลาผ่านไปเจี้ยนเฉินได้เจอหมู่บ้านดั่งเช่นหมู่บ้านหวางมากมาย ในภูเขาเหล่านี้ มีหมู่บ้านมากมาย
ในขณะที่เดิน เจี้ยนเฉินหมั่นหันกลับไปมองที่เส้นทางกลับไปที่หมู่บ้านหวางเพื่อจดจำ เขาไม่ต้องการหลงทางเพราะเขาต้องการกลับไปพบกับหมิงตง หลังจากที่เขาทำเรื่องส่วนตัวเสร็จ หากจะหาหมู่บ้านเล็ก ๆ ในทวีปนี้จะเป็นเรื่องยากมาก ดังนั้นในกรณีที่เขาลืมเส้นทาง เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะจำทุกรายละเอียด
ไม่มีสัตว์ป่าในภูเขาและสัตว์อสูรก็หายากเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น เจี้ยนเฉินสามารถเดินเล่นบนภูเขาได้เป็นวัน ๆ โดยไม่ได้เห็นสัตว์อสูรที่ระดับมากกว่า 1 เกิน 2 ตัว
เทือกเขาแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษและเจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าเขายังอยู่ในอาณาจักรวายุครามหรือไม่ หลังจากตกหน้าผาและหล่นลงไปในแม่น้ำ
เจี้ยนเฉินเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้องฟ้ามืดที่ซึ่งเขาหยุดพักนั้นเป็นที่ราบโล่ง ในตอนกลางคืน หน้าผาของภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะในขณะที่แสงจันทราส่องสว่างบริเวณนั้น
เดินไปอีกหน่อย เขาก็พบกับกลุ่มทหารรับจ้างในช่วงกลางคืน มีกระโจมอยู่ 20 หลังที่มีกองไฟเล็ก ๆ ส่องสว่างขึ้นไปถึงกลางท้องฟ้า
เดินอย่างช้าๆไปยังกลุ่มทหารรับจ้างจนกระทั่งเขาจะอยู่ในระยะ 100 เมตรจากพวกเขา เจี้ยนเฉินไม่ได้ปิดบังเสียงฝีเท้าของเขา ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเสียงเดินของเขา
นั่นใครกัน ? เสียงร้องดังออกมาปลุกทหารรับจ้างที่หลับใหลทันที ค่ายที่เคยสงบเงียบก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นโกลาหล ในขณะที่ชายกลุ่มใหญ่พุ่งเข้ามาและห้อมล้อมเจียนเฉิน
เนื่องจากแสงจันทร์อยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉิน พวกเขาได้แค่เพียงคาดเดารูปร่างของเขาเท่านนั้น แต่เมื่อเห็นเขามาเพียงคนเดียวใบหน้าของทุกคนก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
” เจ้าเป็นใคร บอกชื่อของเจ้า!” กลุ่มทหารรับจ้างเรียกเจี้ยนเฉินออกมา
เจี้ยนเฉินหยุดห่างจากกลุ่มทหารรับจ้างที่ล้อมรอบเขาเพียง 20 เมตร ” ข้าผู้นี้เป็นเพียงนักเดินทางที่หลงทาง ข้าอยากจะขอแผนที่สำรองบ้างได้หรือไม่ ? “
ทหารรับจ้างต่างมองหน้าแปลก ๆ ด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ทหารรับจ้างคนหนึ่งจะพูดกับเขาว่า “เจ้ามาจากไหนและเจ้าจะไปที่ใด ? “
เจี้ยนเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบว่า” ก่อนที่ข้าจะตอบคำถาม เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่านี่ใช่อาณาจักรวายุครามหรือไม่ ?”
ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างตกตะลึง
“ถูกต้อง นี่คืออาณาจักรวายุคราม” ทหารรับจ้างตอบ
เมื่อได้ยินว่าเขายังอยู่ในอาณาจักรวายุคราม เจี้ยนเฉินดูตื่นเต้น “นั่นเป็นเรื่องดี ข้ากำลังจะเดินทางไปเมืองเวค เมืองชั้น 3 หากใครช่วยบอกทิศทางไปเมืองดังกล่าว ข้าจะขอบคุณมาก”
” อะไร เจ้ากำลังจะไปที่เมืองเวค ? ” อีกคนถามด้วยความประหลาดใจ เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางแปลก ๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน เจี้ยนเฉินก็ถามอย่างสงสัยว่า “มีปัญหาอะไรหรือไม่ ? “
“ไม่ได้มีปัญหา ฮ่าฮ่า มันเป็นเพราะเรากำลังมุ่งหน้าสู่เมืองเวคเช่นกัน เราไม่คิดว่าเราจะได้พบกับคนอื่นที่มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน” เขาหัวเราะ
“ในเมื่อเราทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปเมืองเวค เจ้าควรมากับเรา ระยะทางกว่าจะถึงเมืองเวคมันไกลมากและหนทางยังคงเปี่ยมไปด้วยภยันตราย อย่าลืมว่ามีคนเพิ่มอีกคนหนึ่งก็อุ่นใจเพิ่มขึ้นได้อีกนิด” ชายที่ดูแข็งแรงกำยำหัวเราะพร้อมกับแสดงท่าทีเป็นมิตร
“หัวหน้าพูดถูกแล้ว ยังคงมีหนทางอีกยาวไกลจนกว่าเราจะไปถึงเมืองเวค ถ้าเจ้าไปคนเดียวมันจะค่อนข้างอันตราย ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไปกับเรา” ชายวัยสี่สิบปีคุยกับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินลังเลสักครู่ก่อนจะพยักหน้า “นั่นเป็นเรื่องดี หากทุกคนไม่ว่าอะไร ข้าก็จะร่วมทางไปกับพวกเจ้า โชคดีมากที่ข้าได้พบเจ้า ข้าไม่คุ้นเคยกับเส้นทางเหล่านี้ ดังนั้นข้าอาจจะหลงทาง”