บทที่ 234
เวินฉิงพูดด้วยความโกรธ:”ฉือรุ่ยปิง คุณต้องการอะไรกันแน่? ถ้าคุณยังกล้าหาเรื่องอีก ฉันจะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยจับตัวคุณโยนออกไป!”

ฉือรุ่ยปิงไม่อยากจะทำให้เวินฉิงโกรธ เขาแค่อยากจะดูถูกเหยียบหยามเฉินโม่เท่านั้น:”เลขาเวิน คุณอย่าพึ่งโกรธสิ ฉันแค่อยากจะแก้ไขคำพูดผิดๆของเด็กหนุ่มคนนี้เท่านั้น

เมื่อพูดจบ ฉือรุ่ยปิงไม่สนใจสายตาอันโกรธของเวินฉิง เขาจ้องเฉินโม่ด้วยสีหน้าดูถูก:”เด็กหนุ่ม คุณพูดว่าใครเป็นคนนอก?”

เดิมทีเฉินโม่ไม่อยากจะสนใจฉือรุ่ยปิงอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าคนๆนี้จะกล้ามาล่วงเกินตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า

สายตาของเฉินโม่เย็นชามากๆ เขามองหน้าฉือรุ่ยปิงและพูดเบาๆ:”ก็พูดถึงคุณไง!”

ฉือรุ่ยปิงหัวเราะอย่างเย็นชา:”พูดไร้สาระมากๆ พ่อของฉันเป็นผู้ถือหุ้นของเหม่ยหวากรุ๊ป แต่คุณกลับพูดว่าฉันเป็นคนนอก ความหมายของคุณคืออยากให้พวกเราถอนหุ้นจากเหม่ยหวากรุ๊ปใช่ไหม?”

สีหน้าของเวินฉิงแย่มากๆ ตอนนี้เหม่ยหวากรุ๊ปกำลังเผชิญวิกฤตทางด้านการเงิน ถ้าเวลานี้ตระกูลฉือถอนหุ้นละก็ เหม่ยหวากรุ๊ปคงแย่มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ฉือรุ่ยปิงคนนี้ชั่วช้ามากๆ!

เฉินโม่ไม่ได้สนใจคำข่มขู่ของฉือรุ่ยปิงเลย เพราะไม่ช้าก็เร็วตระกูลฉือต้องหักหลังเหม่ยหวากรุ๊ปอย่างแน่นอน ถ้าตอนนี้ตระกูลฉือถอนหุ้นออกไป มันจะทำให้เหม่ยหวากรุ๊ปปลอดภัยมากขึ้น

“ถ้าคำพูดของคุณสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลฉือได้ ฉันก็สามารถเป็นตัวแทนของคุณแม่ได้ ฉันรับปากเรื่องที่ตระกูลฉือจะถอนหุ้นออกจากบริษัท!”

เวินฉิงตกใจมากและรีบพูดทันที:”เสี่ยวโม่ห้ามพูดจาเหลวไหล ประธานกรรมการไม่อยู่ นายเป็นตัวแทนเขาไม่ได้!”

ฉือรุ่ยปิงจับจุดอ่อนของเฉินโม่เอาไว้ และพูดหัวเราะเสียงดังทันที:”โอเค เลขาเวิน คุณก็ได้ยินกับหูตัวเองแล้ว ลูกชายของประธานกรรมการหลี่พูดออกมาแล้ว เขารับปากให้ตระกูลฉือถอนหุ้นได้ ตอนนี้ฉันจะโทรหาคุณพ่อทันที”

เฉินโม่มองออกอย่างชัดเจน ฉือรุ่ยปิงแค่พูดข่มขู่เท่านั้น เขาเอ่ยปากพูดทันที:”โทรเลย ฉันรอคุณโทรอยู่”

เฉินโม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าตระกูลฉือจะหักหลังบริษัท แต่เวินฉิงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เธอนึกว่าเฉินโม่แสดงนิสัยเกเรออกมาเพื่อท้าทายฉือรุ่ยปิง

ตอนนี้เหม่ยหวากรุ๊ปเกิดวิกฤตอยู่ มีผู้ถือหุ้นหลายคนอยากจะถอนหุ้น ถ้าตระกูลฉือถอนหุ้นจริงๆ มันจะต้องเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ทันที ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆก็จะถอนหุ้นเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ถึงแม้ประธานกรรมการหลี่จะได้เงินทุนจากมณฑลยู่หนานก็คงช่วยวิกฤตของเหม่ยหวากรุ๊ปไม่ได้

“เสี่ยวโม่หุบปากเดียวนี้!”เวินฉิงกังวลใจมากๆ นี่คือครั้งแรกที่เธอตะคอกเฉินโม่

เมื่อมองเห็นฉือรุ่ยปิงที่อยู่ข้างๆทำตัวเหมือนกำลังจะโทรศัพท์ เวินฉิงพยายามเผยรอยยิ้มออกมา:”คุณชายฉือ เฉินโม่ยังเด็กอยู่ เขาพูดล้อเล่นเท่านั้น คุณอย่าคิดมากและอย่าไปถือสาเขาเลย!”

ฉือรุ่ยปิงแค่ข่มขู่เวินฉิงกับเฉินโม่เท่านั้น ถึงแม้เหม่ยหวากรุ๊ปจะเจอวิกฤตการเงิน แต่บริษัทก็รุ่งเรืองมาโดยตลอด ตอนนี้คนที่ถอนหุ้นก็เป็นพวกที่ไม่มีวิสัยทัศน์เลย ตระกูลฉือของพวกเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นอยู่แล้ว

เมื่อมองเห็นเวินฉิงยอมอ่อนข้อให้ เขาก็รีบใช้โอกาสนี้ทันที:”ในเมื่อเลขาเวินเอ่ยปากขอร้องแล้ว เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ อย่างไรก็ตาม ฉันต้องการให้เด็กหนุ่มคนนี้ขอโทษฉัน!”

เวินฉิงมองหน้าเฉินโม่และแอบถอนหายใจอยู่ในใจ ถ้าอยากจะให้เฉินโม่กล่าวคำขอโทษ มันเป็นเรื่องที่ยากกว่าขึ้นสวรรค์อีก

“เฉินโม่ยังเด็กอยู่ ฉันขอกล่าวคำขอโทษแทนเขาละกัน!”เวินฉิงพยายามอดกลั้นความรู้สึกขยะแขยงและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ได้ ในเมื่อเขาพูดคำนั้นออกมาแล้ว เรื่องที่เขาสร้างขึ้น เขาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ นอกจากเขาจะเป็นพวกหน้าตัวเมีย!”

ฉือรุ่ยปิงได้โอกาสครั้งนี้มา เขาไม่ยอมปล่อยเฉินโม่ไปง่ายๆเหรอ?

เวินฉิงขมวดคิ้วทันที เธออยากจะตบหน้าของฉือรุ่ยปิงทันที เขาตั้งใจดูถูกเหยียบหยามเฉินโม่ชัดๆ

อย่างไรก็ตาม ถ้าเฉินโม่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ฉือรุ่ยปิงทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าตระกูลฉือถอนหุ้นจริงๆ เหม่ยหวากรุ๊ปคงจบเห่อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แม้แต่เวินฉิงก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้เฉินโม่กล่าวคำขอโทษได้หรือเปล่า และเธอก็ไม่อยากให้เฉินโม่โดนลูกชายของผู้ถือหุ้นดูถูกเหยียบหยามที่หน้าบริษัทของตัวเองด้วย และเรื่องนี้ยังทำต่อหน้าของเธออีก