เว้นแต่ผู้นั้น!
เงาถอนหายใจในใจ นายน้อยสามารถทำลายคนทั้งโลกได้ แต่นางคือคนเดียวเท่านั้นที่เขามอบหัวใจอันจริงใจให้
“อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว แต่ข้ายังรู้สึกเหน็บหนาว”
ในพระราชวังขนาดใหญ่ ลู่เจี้ยค่อยๆ หันหลังกลับ เดินผ่านเงาและมุ่งหน้าไปยังด้านในของพระราชวัง เงาหันกลับไปมองร่างสูงยาวของเขาที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมยาวตัวใหญ่ โดยรู้สึกถึงเพียงลมหายใจแห่งความตายอยู่รอบตัวเขา
…
ณ อาณาจักรซีเฉียน ในช่วงเวลานี้ แต่ละวันของฮ่องเต้ซีเฉียนผ่านไปอย่างหนักพระทัย
บุตรชายทั้งสองต่อสู้กันทั้งแบบเปิดเผยและลับๆ เขาแอบช่วยเหลือบุตรชายรองอย่างลับๆ แต่เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันจากพลังอำนาจของฮองเฮา
ช่วงเวลานี้ อาณาจักรซีเฉียนตกอยู่ในสภาวะการต่อสู้เพื่อแย่งบัลลังก์จากบุตรชายทั้งสอง โดยไม่ทราบว่าแคว้นเพื่อนบ้านอย่างสุ่ยหันกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
กำแพงกั้นระหว่างอาณาจักรซีเฉียนและจยาเซียนกำลังถูกกลืนหายไปทีละน้อย!
ณ สถาบันไป๋หยวน เจียงเฮ่าและลู่เสวียนปรากฏตัวนอกลานกว้างของเจียงหลี โดยในที่สุดแล้ว ลู่เสวียนได้เลื่อนขั้นเป็นหลิงเจี้ยง ขณะที่ ลมปราณของเจียงเฮ่าก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
“ซ้อเล็กเก็บตัวมาหลายเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ลู่เสวียนพูดด้วยความกังวล
เจียงเฮ่าเม้มริมฝีปากและพูดว่า “อย่ากังวลไป อาหลีจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”
บึ้ม!
ทันใดนั้น เกิดเสียง หึ่ง ดังขึ้นในลานกว้างของเจียงหลี
พวกเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่นอกลานบ้านมองหน้ากัน และมุ่งตรงไปที่ลานกว้างพร้อมกัน พวกเขาอาจเป็นลูกศิษย์เพียงสองคนของสถาบันนี้ทั้งหมดที่สามารถเข้าใกล้เจียงหลีภายใต้การเฝ้าระวังของฝ่ายยุติธรรมได้
ทั้งสองรีบตรงไปที่ประตูซึ่งเปิดอยู่ แต่พวกเขาถูกกันไม่ให้เข้าไป
ขณะนี้ เจียงหลียืนอยู่ด้านใน โดยเอามือไขว้หลังและใบหน้าอันงดงามเต็มไปด้วยความเย็นชา
“อาหลี!”
“ซ้อออ!”
เจียงเฮ่าและลู่เสวียนหยุดอยู่ที่ประตู
สายตาของเจียงหลีกวาดไปทั่วใบหน้าของทั้งสองคน และแสดงสีหน้าสงบนิ่ง “ช่วยเรียกเฟิงสิงอวิ๋นมาหาข้าที”
ดวงตาของเจียงเฮ่าเป็นประกายและพูดอย่างตื่นเต้น “อาหลี เจ้า…”
เจียงหลีพยักหน้าและมองไปที่ลู่เสวียน
ลู่เสวียนเข้าใจและรีบหันหลังวิ่งออกไปทันที เขากำลังจะไปหาเฟิงสิงอวิ๋นและบอกกับเขาว่าพี่สะใภ้ของเขาสามารถประสานวิญญาณยุทธ์ขั้นที่สามได้แล้ว
“อาหลี” หลังจากลู่เสวียนเดินออกไป เจียงเฮ่าก็มองไปที่น้องสาวด้วยสีหน้าสับสน
เดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่อายุไม่มาก แต่หลังจากประสบกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย นางก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
“พี่ใหญ่” เจียงหลีตะโกนเรียกด้วยรอยยิ้ม
นางนิ่งกว่าสี่เดือนก่อนมาก
เจียงหลีเค้นรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรดี จนสุดท้ายพูดเพียงว่า “ลำบากพี่แล้ว”
เจียงหลีส่ายศีรษะเบาๆ และถามว่า “มีข่าวจากอาณาจักรจยาเซียนหรือไม่ ลู่เจี้ย…ยังมีชีวิตอยู่ไหม”
เมื่อได้ยินว่านางยังคงห่วงใยลู่เจี้ยอยู่เช่นนี้ อารมณ์ในใจของเจียงเฮ่าก็สับสนขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องการปกปิดความจริง แต่การโกหกน้องสาวเป็นสิ่งที่เขามิอาจทำได้ “อาณาจักรจยาเซียนไม่เป็นอะไร เพียงแต่ร่างกายของนายน้อยลู่…”
ทันใดนั้น ดวงตาของเจียงหลีก็ดุร้ายขึ้นทันทีและก้าวไปข้างหน้าอย่างประหม่า โดยพลังวิญญาณได้กระแทกเข้ากับตาข่ายป้องกันที่ไร้รูปร่างโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเสียงดังและเกิดระลอกคลื่นที่โปร่งแสงเป็นชั้นๆ ขึ้น
“อย่าตื่นเต้นไป” เจียงเฮ่าพูดอย่างรีบร้อน
เขาสงบสติอารมณ์ของน้องสาว “มีข่าวเพียงว่าสุขภาพของเขาแย่ลง แต่ยังอยู่ดี”
เจียงหลีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขณะนี้ สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการไม่ได้พบกับลู่เจี้ยอีกครั้ง
หากเป็นเช่นนั้น นางจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต และจะปวดใจ ปวดมาก ปวดมาก
“พี่ใหญ่ ช่วงนี้อาณาจักรซีเฉียนมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง และระหว่างที่อยู่สถานบัน เฉียนจวิ้นนั่นมาหาเรื่องพวกพี่หรือไม่” เจียงหลีถามในขณะที่นางยังว่างอยู่
ทันใดนั้น เจียงเฮ่าก็รู้สึกทันทีว่าเจียงหลีดูเหมือนจะแตกต่างจากเดิมไปเล็กน้อยหลังจากการเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้
โดยที่ผ่านมา ปกติแล้วนางจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้และไม่ค่อยนึกถึงเท่าไรนัก แต่บัดนี้กลับเริ่มพูดถึงมันก่อน…
“วางใจได้ ตอนนี้เฉียนจวิ้นกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับองค์รัชทายาทแห่งซีเฉียน และสถานการณ์ในราชสำนักก็คานอำนาจกันอยู่ เขาไม่มีเวลามาสนใจพวกเราหรอก เจ้าเก็บตัวได้ไม่นาน ข้าก็เข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่เป็นเพื่อนลู่เสวียน หลังจากกลับออกมา เราทั้งสองก็ต่างฝึกฝนกันอย่างเงียบๆ และไม่มีเหตุการณ์สำคัญใดเกิดขึ้น” เจียงเฮ่าสาธยายสั้นๆ
ทุกอย่างเรียบร้อยดี เจียงหลีจึงรู้สึกโล่งใจไปบ้าง
สองพี่น้องพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ ก็มองเห็นลู่เสวียนเดินกลับมาพร้อมกับคนเดินตามหลังสองคน
คนหนึ่งคือเฟิงสิงอวิ๋น และอีกคนหนึ่งนางก็รู้จัก เพราะเป็นผู้อำนวยการสอบวัดผลครั้งนั้น
นางจำได้ว่าเฟิงสิงอวิ๋นเคยพูดไว้ว่ากุญแจที่เก็บวิญญาณยุทธ์ลึกลับนั้นอีกอันหนึ่งอยู่ที่ผู้อำนวยการคนนั้น
ส่วนสถานะและเบื้องหลังของอำนวยการคนนี้ นางไม่ได้สืบหาต่อ
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังของสถาบันไป๋หยวนย่อมไม่ธรรมดา มีกลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่จากดินแดนซีฮวงสักกลุ่มคอยหนุนหลังอยู่ สิ่งที่นางรู้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากที่จะสืบค้นจนเจอ
“ท่านอาจารย์เฟิง” เจียงเฮ่าหันหลังกลับมาเรียกเฟิงสิงอวิ๋นและทำความเคารพต่อผู้อำนวยการ
เฟิงสิงอวิ๋นตอบกลับและมองไปที่เจียงหลีซึ่งยืนอยู่ด้านในแล้วยิ้ม “ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้า ช่างน่าตกใจยิ่งนัก”
เจียงหลีไม่ได้พูดอะไร นางไม่สามารถบอกความลับของเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อให้แก่เขาได้
เมื่อเห็นนางเงียบ เฟิงสิงอวิ๋นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
เจียงหลีกล่าว “หวังว่าท่านอาจารย์เฟิงจะไม่ผิดสัญญา”
เฟิงสิงอวิ๋นหัวเราะลั่น “เจ้านี่ช่างใจร้อนเสียจริง”
“ข้าใจร้อนจริงๆ ท่านอาจารย์เฟิงก็รู้ว่าข้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว” เจียงหลีก็มิได้ปฏิเสธ
ใบหน้าเล็กๆ อันจริงจังของนาง ถึงกับทำให้เฟิงสิงอวิ๋นไม่อยากที่จะพูดเล่นอีกต่อไป และหันไปมองผู้อำนวยการที่เดินมาพร้อมกัน แต่เขากลับนิ่งเงียบคงเดิม
ท่ามกลางการจ้องมองของเขา คนหลังหยิบลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ออกมา
ทันทีที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ปรากฎตัว ดวงตาของเจียงหลีก็เป็นประกายและจ้องมองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์
ที่แห่งนั้น คือความหวังที่นางจะออกจากตาข่ายป้องกันนี้!
“รบกวนแล้ว” เฟิงสิงอวิ๋นยิ้มให้กับผู้อำนวยการและกำลังจะรับลูกเก็บวิญญาณยุทธ์มาจากเขา
แต่ทว่า ขณะที่เขาถือมันไว้นั้น กลับไม่สามารถขยับได้เลย เฟิงสิงอวิ๋นมองไปที่ผู้อำนวยการอย่างสงสัย คนหลังกลับไม่สนใจเขาและมองตรงไปที่เจียงหลี “เจียงหลี เจ้ารู้หรือไม่ว่าในลูกเก็บวิญญาณยุทธ์นี้คือวิญญาณยุทธ์ตัวไหน”
คำถามนี้แปลกเล็กน้อย เจียงหลีจะรู้ได้อย่างไร
“ข้าไม่รู้” เจียงหลีส่ายหัวตามความเป็นจริง
ทันทีที่ผู้อำนวยการออกแรงปัดลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ที่วางอยู่บนมือของเฟิงสิงอวิ๋นทิ้ง คนหลังทั้งตะลึง ทั้งไม่ใส่ใจ และได้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ผู้อำนวยการเดินเข้าใกล้เจียงหลีและมองหน้านางอย่างจริงจัง “วิญญาณยุทธ์ในนี้คือสัตว์อสูรอันดับที่หก เรียกว่านกอมตะ”
นกอมตะ!
ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงเล็กน้อยและมองไปที่ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ในมือของเขาด้วยความตกใจ นกอมตะ นกอมตะ อมตะ…อมตะ…
เมื่อเจียงเฮ่าและลู่เสวียนได้ยินชื่อนี้ พวกเขาก็ตกใจเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พวกเขาก็สามารถคาดเดาความเก่งกาจของวิญญาณยุทธ์นี้ได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมวิญญาณยุทธ์นกอมตะจึงมีค่ามหาศาล” ผู้อำนวยการก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
เจียงหลีส่ายศีรษะช้าๆ
วิญญาณยุทธ์มีมากเกินไป นางไม่สามารถรู้จักทั้งหมดได้
“เพราะถ้าหากประสานสำเร็จ เจ้าจะไม่เพียงมีพลังในการรักษาที่ยอดเยี่ยม และยังจะมีชีวิตเพิ่มขึ้นอีกสามชีวิตด้วย!” เจียงหลีตะลึงกับคำพูดของผู้อำนวยการ
……………………….