ตอนที่ 763 คิดว่าเป็นแกะอ้วนเหรอ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

สมองอวี๋หมิงหลางประมวลผลอย่างรวดเร็ว เขาแน่ใจว่าเคยเห็นรูปคนๆนี้ในคลังข้อมูลของทางทหาร แต่ข้อมูลมีเยอะมาก เขาจึงต้องใช้เวลานึก 

 

 

“สวัสดีครับหมอเฉิน” ผู้ชายแว่นกรอบทองเดินเข้าไปหาอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยน แล้วใช้เสียงที่นุ่มนวลอย่างพิลึกทักทาย 

 

 

“ฉันรู้จักคุณเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนแน่ใจว่าไม่เคยเจอคนๆนี้ ชาติที่แล้วไม่เคย ชาตินี้ก็ไม่เคย 

 

 

คนๆนี้จะดูเหมือนคนคงแก่เรียนที่ร่างกายอ่อนแอ ใบหน้าออกทางเอเชีย พูดภาษาจีนได้ชัดมาก 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางต่างรู้สึกได้ว่าคนๆนี้ไม่ธรรมดา 

 

 

ถึงจะดูอ่อนแอ แต่กลับให้ความรู้สึกที่อันตราย ดูผิวเผินเหมือนไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรเข้าใกล้ เป็นบุคคลที่อันตรายมาก 

 

 

ผู้ชายคนนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน “ขอโทษด้วยนะครับที่คนของผมทำรุ่มร่ามกับหมอเฉิน อันที่จริงผมแค่อยากนัดเวลาหมอเฉิน ได้ยินว่าคุณเป็นจิตแพทย์ที่เก่งมาก”  

 

 

“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ชอบให้คนใช้วิธีนี้รบกวนฉัน ถ้าคุณต้องการรักษา นัดเวลากับฉันมาได้” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างเย็นชา 

 

 

อวี๋หมิงหลางที่จ้องผู้ชายคนนี้อยู่ทันใดนั้นก็นึกออก เขาคิดว่าเขารู้แล้วว่าคนๆนี้เป็นใคร นี่ไม่ใช่คนธรรมดา จริงๆแล้วผู้ชายใส่แว่นกรอบทองคนนี้มีประวัติที่น่าตกใจมาก 

 

 

สาเหตุที่อวี๋หมิงหลางนึกไม่ออกตั้งแต่แวบแรกที่เห็นเป็นเพราะเขาเอาคนๆนี้ไปรวมกับพวกนักเลงกระจอก แต่พอผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาใกล้ พอเขาหันข้างพูดคุยกับเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลางก็นึกออกทันที 

 

 

ที่จำไม่ได้ตั้งแต่แวบแรกจะโทษอวี๋หมิงหลางก็ไม่ถูก 

 

 

เพราะคนๆนี้ผอมกว่าในรูปที่อยู่ในคลังข้อมูลมาก อีกทั้งรูปที่เคยเห็นก็เป็นรูปจากทางด้านข้าง ต่อให้อวี๋หมิงหลางจะเคยฝึกการวิเคราะห์ใบหน้า แต่การแยกแยะคนจากด้านข้างก็ต้องใช้เวลา 

 

 

พอผู้ชายคนนั้นหันข้างเสี่ยวเฉียงถึงนึกออก เป็นเขา 

 

 

เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครแล้วเขาก็รีบเข้าไปโอบเสี่ยวเชี่ยนเพื่อปกป้องเธอ 

 

 

ท่าทางของอวี๋หมิงหลางทำให้ผู้ชายคนนี้เบ้ปาก ผู้ชายที่ทำให้ตำรวจสากลถึงกับปวดหัวคนนี้มีใบหน้าที่เหมือนคนคงแก่เรียน มองภายนอกยากที่จะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่วางแผนทำเรื่องคอขาดบาดตายมาหลายเรื่อง 

 

 

ท่าทางของผู้ชายคนนี้แตกต่างจากลูกน้องที่มีแต่รัศมีความอาฆาต เขาดูเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนน้อม ทำตัวสุภาพกับเสี่ยวเชี่ยนมาก 

 

 

“ขอโทษด้วยนะครับหมอเฉิน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากนัดคุณ แต่ก่อนหน้านี้ผมขอนัดคุณแล้วแต่คุณปฏิเสธ” 

 

 

“เมื่อไรกันคะ คุณชื่ออะไร เคยนัดฉันด้วยเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนไม่เห็นจำได้ว่าช่วงนี้ตัวเองทำเรื่องที่ถึงขนาดต้องมีคนมาทำร้ายเธอ 

 

 

“ผมชื่อซ่งชิงอู๋ ตอนนี้ทำงานให้ธุรกิจของตระกูลอยู่ในต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ผมเคยส่งข้อความไป อยากให้คุณช่วยแก้ปัญหาที่รบกวนจิตใจผม แต่คุณก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย” 

 

 

“ที่แท้คุณก็คือ—” 

 

 

พอพูดถึงเรื่องข้อความเสี่ยวเชี่ยนก็นึกออก 

 

 

เธอเคยได้รับข้อความจริง เงื่อนไขที่เสนอมาก็ดีมาก แต่เธอก็ปฏิเสธไป เวลานี้เธอยากที่จะมองว่าคนที่ส่งข้อความกับผู้ชายตรงหน้าที่ดูอันตรายนี้เป็นคนๆเดียวกัน 

 

 

เพราะปัญหาที่ข้อความนั้นระบุก็คือ—รักร่วมเพศ 

 

 

“ปัญหาเรื่องการเบี่ยงเบนทางเพศของผมรบกวนจิตใจผมมาตลอด หาจิตแพทย์มาก็หลายคนแต่ผลที่ได้กลับน้อยนิด ได้ยินมาว่าเมืองจีนมีจิตแพทย์ที่เก่งมากผมจึงรีบมาโดยที่ไม่ได้นัดก่อน ลูกน้องอาจเข้าใจเจตนาผมผิดไปก็เลยสร้างความลำบากให้คุณ ผมต้องขอโทษจริงๆครับ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เซ้นส์ของเธอบอกว่า ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่แค่คนไข้ธรรมดา 

 

 

ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ สิ่งแรกที่เสี่ยวเชี่ยนทำก็คือมองอวี๋หมิงหลาง เธออยากรู้ว่าเสี่ยวเฉียงมีปฏิกิริยาอย่างไร 

 

 

พอเธอมองไปในใจก็หวาดหวั่น 

 

 

ถึงแม้อวี๋หมิงหลางจะยังดูปกติ แต่เธอเห็นเขาถอดแว่นกันแดดออก สายตาที่เขามองผู้ชายคนนี้ทำให้เธอใจคอไม่ดี 

 

 

เธอไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของอวี๋หมิงหลางมาก่อน เสี่ยวเฉียงเป็นผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ว่าเรื่องไหนสายตาของเขาก็จะแน่วแน่มั่นคง แต่เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนเห็นความระแวงเป็นอย่างมากในสายตาของเขา 

 

 

ซึ่งก็ทำให้เสี่ยวเชี่ยนมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง เสี่ยวเฉียงน่าจะรู้ประวัติของผู้ชายใส่แว่นกรอบทองคนนี้แล้ว ดูจากท่าทางของเสี่ยวเฉียง คนๆนี้จะต้องรับมือยากกว่าอาเหม็ดหลายเท่าแน่นอน 

 

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้…ประธานเชี่ยนก็รู้แล้วว่าจะต้องรับมือต่อไปอย่างไร 

 

 

“คุณส่งคนมาแบบนี้ฉันก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา” เธอต้องถ่วงเวลาเพื่อให้เสี่ยวเฉียงมีโอกาสได้คิด 

 

 

“หึหึ ฟังจากน้ำเสียงหมอเฉินไม่เหมือนคนที่กำลังตกใจเลยนะครับ คนของผมต่างหากที่เจ็บหนัก” สายตาของซ่งชิงอู๋มองไปยังแขนที่หักของลูกน้องตัวเอง ลูกน้องคนนั้นรีบหดหัว สายตาที่ลูกพี่มองมาเห็นได้ชัดว่ามองอย่างรังเกียจ 

 

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะสามีฉันเป็นคนมีฝีมือคนที่เจ็บหนักก็คงจะเป็นฉัน อีกอย่างคุณทำรถฉันพัง ทำเพื่อนของฉันบาดเจ็บ บัญชีนี้ฉันว่าเราควรจะมาคุยกันนะคะ” 

 

 

“อ่อ” ซ่งชิงอู๋ไม่คิดว่าเสี่ยวเชี่ยนเจอตัวเองครั้งแรกจะพูดเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้ก่อน 

 

 

ผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริงๆ  

 

 

“ข่มขู่แฟนผม ทุบรถของแฟนผม แถมพวกคุณยังกล้าพกพาอาวุธมีคมเข้าประเทศของเรา เรื่องพวกนี้ไม่คิดว่าควรคิดบัญชีหน่อยเหรอครับ” อวี๋หมิงหลางโอบเสี่ยวเชี่ยนแน่ แต่พูดด้วยท่าทางสบายๆ 

 

 

“พวกคุณจะเอายังไง” ซ่งชิงอู๋เบนสายตาไปที่อวี๋หมิงหลาง ในคลังข้อมูลของเขาไม่มีข้อมูลของอวี๋หมิงหลาง แต่ดูจากชุดทหารที่อวี๋หมิงหลางสวมใส่แล้ว เขาก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมา 

 

 

มิน่าถึงสืบข้อมูลสามีของเฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นทหาร 

 

 

ข้อมูลทหารของประเทศนี้เป็นความลับขั้นสูง ไม่มีใครสืบค้นได้ แต่ดูจากใบหน้าละอ่อนของผู้ชายคนนี้แล้ว ในประเทศที่ให้ความสำคัญกับความรู้ความสามารถสูงขนาดนี้ไม่น่าจะมียศใหญ่เท่าไร แต่การที่เขาสามารถสั่งให้เปิดปิดสะพานได้ก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียว เขาเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ หรือไม่ก็เป็นทหารที่อยู่หน่วยที่พิเศษ 

 

 

“คุณทหารหน่วยรบพิเศษท่านนี้ทำร้ายคนของผมจนสภาพดูไม่ได้” ซ่งชิงอู๋พูดกับอวี๋หมิงหลาง 

 

 

“พวกคุณทำรถแฟนผมเละแบบนั้น พวกเราเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนก็ลำบากใจนะครับ ใช่ไหมที่รัก” 

 

 

อวี๋หมิงหลางไม่ปฏิเสธคำพูดของซ่งชิงอู๋ แต่หันไปถามเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรีบเสริม 

 

 

“ถ้าคุณต้องการนัดเวลาฉันเพื่อรักษาก็ขอให้ชดใช้เงินค่าซ่อมรถกับค่ารักษาเพื่อนฉันมาก่อนด้วยค่ะ รถของฉันเป็นรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่น แค่กระจกอย่างน้อยๆก็หนึ่งแสนแล้ว” 

 

 

ลิมิเต็ดอีดิชั่นบ้าบออะไร นี่ก็แค่รถรุ่นเก่าที่ไม่ผลิตแล้วไม่ใช่หรือไง แค่กระจกแตกมาขูดรีดลูกพี่เขาแสนนึงเลย ลูกน้องซ่งชิงอู๋ยังไม่ยอมแพ้ 

 

 

ดูเหมือนจะเข้าหยั่งรู้ความคิดของชายชุดดำ เสี่ยวเชี่ยนจึงอธิบายต่อ 

 

 

“รถน่ะราคาไม่เท่าไร แต่มันอยู่กับฉันมาตั้งหลายปี ย่อมผูกพันเป็นธรรมดา แม้แต่กระจกก็เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนหวาน แต่นี่บทจะแตกก็แตก เปลี่ยนใหม่แปดร้อยเก้าร้อยก็ได้ แต่ใครจะชดเชยความรู้สึกให้ฉันได้ ความทรงจำมันประเมินราคาไม่ได้ ฉันคิดแค่หนึ่งแสนนี่ก็ราคามิตรภาพที่ให้คนไข้แล้วนะคะ” 

 

 

คำพูดเพ้อเจ้อแบบนี้ ซ่งชิงอู๋ฟังแล้วก็ทำหน้าไม่ถูก 

 

 

“คุณคิดว่าผมเป็นแกะอ้วนเหรอ”