บทที่ 167 ถ้ำหมื่นพิษ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 167 ถ้ำหมื่นพิษ

เมื่อเห็นกลุ่มคนเดินออกไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจลงมือตามแผนการทันที

“เสี่ยวจี้ ฉายภาพที่สแกนเอาไว้ได้เลย”

“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”

แล้วแอปฉายภาพจำลอง 4 มิติก็สาดแสงสว่างเป็นประกาย

ลำแสงจับกลุ่มรวมตัวกันกลายเป็นภาพของชายชราผมสีเทา ลักษณะเหมือนคนจริงๆ ปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม

ชายชราผมเทาเดินนำทางตรงไปที่คฤหาสน์พร้อมด้วยกลุ่มผู้คุ้มกันสิบกว่าคน

โดยมีหลินเป่ยเฉินเดินติดตามไปข้างกายใกล้ชิด

พวกเขาเดินมาถึงบริเวณลานจัตุรัส

“คารวะท่านหัวหน้าใหญ่ขอรับ” เมื่อเวรยามทั้งสองคนนั้นเห็นภาพจำลองของหัวหน้าใหญ่ ถึงจะแปลกใจว่าทำไมนายท่านกลับมาเร็วนัก แต่พวกเขาก็หวาดกลัวตัวสั่นเทา ไม่กล้าสงสัยแม้แต่น้อย

หลินเป่ยเฉินขยับออกไปข้างหน้าได้อย่างถูกจังหวะ แล้วถามว่า “คนที่พวกเราจับตัวมาได้เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเดินเคียงข้างหัวหน้าใหญ่อย่างสนิทสนม ต่อให้พวกเขาจะประหลาดใจสักแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าตั้งคำถามให้มากความ หนึ่งในเวรยามตอบรับกลับมาว่า “เรื่องนั้น… เมื่อวานนี้ นายท่านสามสั่งให้นำตัวคนไร้ประโยชน์ไปเข้ารับการทดสอบยาพิษจากนายท่านสี่ที่ถ้ำหมื่นพิษแล้วขอรับ”

พูดจบ เวรยามคนนั้นก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล นี่คือเรื่องที่หัวหน้าใหญ่รับทราบอยู่แล้ว ทำไมต้องสอบถามด้วย?

แต่เขาก็ยังไม่กล้าคิดสงสัยแม้แต่นิดเดียว

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ

“พาข้าไปที่ถ้ำหมื่นพิษเดี๋ยวนี้” เด็กหนุ่มออกคำสั่งเสียงเข้ม

“แต่ว่า…” เวรยามทั้งสองคนนั้นมีท่าทางลังเล

แต่ด้วยเห็นว่าเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างหัวหน้าใหญ่ผู้ยืนทำสีหน้าขึงขัง เวรยามทั้งสองคนนี้ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่กล้าคิดวุ่นวาย รีบนำทางไปตามคำสั่งทันที

หลินเป่ยเฉินสั่งให้เสี่ยวจี้ฉายภาพจำลองของชายชราผมเทา เดินนำลูกสมุนกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ส่วนตัวเขาติดตามการนำทางของเวรยามทั้งสองคนนั้นไปติดๆ

เมื่อเดินออกมาห่างจากคฤหาสน์ได้ระยะหนึ่ง ทุกคนก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

“น้องชาย พวกเราไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย ไม่ทราบว่าเจ้าติดตามท่านหัวหน้าใหญ่มานานหรือยัง?”

หนึ่งในเวรยามอดถามออกมาไม่ได้

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงคำรามในลำคอ “ถามสิ่งที่เจ้าควรถาม อย่าถามสิ่งที่เจ้าไม่ควรถาม บางเรื่องรู้มากไปก็ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเอง”

“จริงด้วย ตัวข้านั้นไม่มีเจตนาแอบแฝง เพียงอยากชวนเจ้าสนทนาเท่านั้น น้องชายได้ยืนเคียงข้างท่านหัวหน้าใหญ่ แสดงว่าอนาคตจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน…” เวรยามคนที่ตั้งคำถามรีบประจบประแจง

หลินเป่ยเฉินพูดตัดบทว่า “พวกเจ้าคู่ควรเป็นเพื่อนกับข้าหรือ?”

“ไม่เลย ไม่เลย ได้โปรดน้องชายอย่าเพิ่งมีอารมณ์”

หลินเป่ยเฉินทำสีหน้าเย็นชา แล้วเวรยามคู่นี้ก็ไม่กล้าพูดคุยกับเขาอีก

เมื่อเดินไปตามเส้นทางในตัวเมืองได้ครึ่งทาง หลินเป่ยเฉินพลันหยุดอยู่ในตรอกแห่งหนึ่ง แล้วถามว่า “เส้นทางยังอีกไกลไหม?”

ชายฉกรรจ์ผู้เป็นเวรยามทั้งสองคนนั้นกำลังจะตอบคำถาม ก็พลันรู้สึกเย็นวูบที่หน้าอกขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือน

เมื่อก้มมองลงไป ก็เห็นปลายกระบี่แทงทะลุหน้าอกตนเองแล้ว

พวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะกรีดร้อง หลินเป่ยเฉินมือหนึ่งดึงมีดเจิ้งอี้ อีกมือหนึ่งกระชากกระบี่โดรานกลับออกมาซ้ายขวา ทันใดนั้น คมกระบี่ก็เป็นประกายเจิดจ้า แล้วหัวของเวรยามผู้โชคร้ายทั้งสองก็ถูกตัดขาดออกจากบ่า เมื่อแน่ใจว่าชายฉกรรจ์คู่นี้ตายเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็รีบเก็บป้ายประจำตำแหน่งมาจากตัวผู้ตาย ก่อนจะโยนศพทิ้งไว้ที่หัวมุมถนน จัดฉากว่าทั้งสองคนนี้เสียชีวิตจากการทะเลาะวิวาทกันเอง

ที่หลินเป่ยเฉินใช้แอปจำลองภาพ 4 มิติฉายภาพหัวหน้าใหญ่ออกมานั้น จุดประสงค์ก็เพื่อล้วงข้อมูลเรื่องตำแหน่งที่ตั้งที่อาจารย์ฉู่ถูกควบคุมตัวอยู่เท่านั้น ในเมื่อเขาทราบชื่อจุดหมายปลายทางแล้ว ก็สามารถค้นหาเส้นทางในแอปแผนที่นำทางได้อย่างไม่มีปัญหา และเด็กหนุ่มไม่จำเป็นต้องใช้การนำทางจากเวรยามทั้งสองคนนี้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ

แต่ที่เขาต้องพาทั้งสองคนนั้นมาด้วย ก็เพื่อพามาฆ่าปิดปากนั่นเอง ดังนั้นยามที่ชายชราผมเทาตัวจริงกลับมาถึงคฤหาสน์ ทุกอย่างก็จะยังคงเป็นปกติต่อไป

เวรยามที่เป็นเสมือนทหารเลวหายตัวไปสองคน สำหรับคนที่เป็นหัวหน้าใหญ่ นี่คงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่เขาจะสั่งให้ลูกสมุนออกตามหาแน่นอน และมันคงไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผู้รับหน้าที่เฝ้าเวรยามจะแอบหนีไปท่องเที่ยวตามหอนางโลมและโรงพนัน

“เสี่ยวจี้ เปิดแอปแผนที่นำทาง ค้นหาเส้นทางไปถ้ำหมื่นพิษ”

“รับทราบเจ้าค่ะ นายท่าน”

แล้วภาพแผนที่ 3 มิติก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มเดินไปตามลูกศรนำทางชั่วเวลาชงน้ำชาหนึ่งถ้วย รู้ตัวอีกที เขาก็มาอยู่นอกถ้ำหมื่นพิษเรียบร้อยแล้ว

ถ้ำหมื่นพิษเป็นโพรงถ้ำที่ถูกขุดเจาะเข้าไปในหน้าผาหิน

เหนือทางเข้าถ้ำมีตัวอักษรสีแดงสดเขียนเอาไว้ว่า ‘ถ้ำหมื่นพิษ’ ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ใช้เขียนตัวอักษรนั้นทำมาจากอะไร แต่มันส่องแสงเป็นประกายกลางความมืด ทำให้หลินเป่ยเฉินสังหรณ์ใจว่ามันอาจถูกเขียนขึ้นด้วยเลือดมนุษย์ก็เป็นได้

มีเวรยามสองคนยืนเฝ้าทางเข้าถ้ำ

แต่เครื่องแบบของพวกเขาแตกต่างไปจากเวรยามที่ลาดตระเวนอยู่ภายในตัวเมือง ด้วยเวรยามผู้ทำหน้าที่อยู่ปากทางเข้าถ้ำสวมใส่เสื้อคลุมสีดำสนิท

ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นลูกศิษย์ของนายท่านสี่ที่อยู่ภายในถ้ำนั่นเอง

“เจ้าเป็นใคร?”

เมื่อหลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปถึงตัว ก็ถูกสอบสวนโดยทันที

เด็กหนุ่มนำป้ายประจำตัวที่ขโมยมาจากศพเวรยามตัวจริงออกมาแสดง แล้วกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าใหญ่สั่งให้ข้ามาที่ถ้ำหมื่นพิษเพื่อเอาของบางอย่าง”

ชายฉกรรจ์ชุดดำทั้งสองคนนั้นเพ่งตามองป้ายประจำตัว ก็พบว่าเป็นป้ายของเวรยามซึ่งทำหน้าที่ประจำคฤหาสน์ท่านหัวหน้าใหญ่จริงๆ “ของสิ่งใด? เดี๋ยวข้าจะไปรายงานท่านอาจารย์ แล้วนำออกมาให้เจ้าเอง”

หลินเป่ยเฉินรีบพูดว่า “มันเป็นความลับสำคัญ ข้าต้องไปแจ้งต่อนายท่านสี่ด้วยตัวเองเท่านั้น”

“ไม่มีปัญหา งั้นเจ้าตามข้ามา”

เวรยามที่เฝ้าปากทางเข้าถ้ำไม่ถามอะไรต่ออีกแล้ว

เส้นทางด้านในถ้ำเมื่อเดินเข้าไปได้ประมาณสิบวา พื้นดินก็ลาดต่ำลงด้านล่าง

“เจ้าจงเดินอย่างระมัดระวัง ห้ามแตะต้องสิ่งใดเด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว มันจะทำให้กลไกทำงาน หรือไม่เจ้าก็ถูกยาพิษเล่นงานจนตายไม่รู้ตัว” ชายฉกรรจ์ผู้รับหน้าที่นำทางเอ่ยปากเตือน

หลินเป่ยเฉินไม่ตอบรับคำใด

ไม่กี่อึดใจให้หลัง อากาศก็เริ่มมีความชื้นและหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานดังขึ้นเบื้องหน้า มันเป็นเหมือนเสียงสัตว์ป่าที่ร้องโหยหวนก่อนขาดใจตาย หลังจากนั้น เสียงขู่ฟู่ฟ่อก็ดังตามมา ทำให้ภายในถ้ำยิ่งเงียบสงบมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเดินไปถึงเบื้องหน้า หลินเป่ยเฉินจึงได้เห็นว่าเขากำลังพบเจออยู่กับหลุมอสรพิษหมื่นตัว

นักโทษคนหนึ่งถูกโยนลงไปในหลุมงู ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยอสรพิษร้ายจำนวนนับพันตัว มีเวลาได้ส่งเสียงกรีดร้องก่อนขาดใจตายไม่นานเท่านั้น บัดนี้ตัวคนนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ไม่มีการขัดขืนดิ้นรน ไม่มีลมหายใจอีกต่อไป งูพิษสีเขียวเข้มที่มีขนาดลำตัวเท่าปล้องนิ้วมือมนุษย์ พากันยกโขยงเลื้อยเข้าไปในตา หู จมูก ปากของผู้ตายจำนวนนับไม่ถ้วน…

“เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้น

ชายฉกรรจ์ผู้นำทางตอบว่า “กราบเรียนศิษย์พี่ฮุยปิง ท่านหัวหน้าใหญ่ส่งคนมารับสิ่งของบางอย่างจากอาจารย์ขอรับ”

“วันนี้อาจารย์ทดสอบยาพิษล้มเหลว อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เข้าไปแล้วก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน” บุคคลที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ฮุยปิงเป็นชายหนุ่มหลังค่อม สวมใส่ชุดนักพรตหน้าตาเคร่งเครียดจริงจัง เขาเพียงสำรวจมองหลินเป่ยเฉินขึ้นๆ ลงๆ ก็ไม่พูดอะไร หมุนตัวเดินหายไปในความมืด

เมื่อเดินต่อไปได้อีกสักระยะหนึ่ง พวกเขาก็เจอกับประตูเหล็กบานใหญ่

ลูกศิษย์ที่เดินนำหน้าพลันเคาะประตูเป็นการส่งสัญญาณ ก่อนจะนำตัวหลินเป่ยเฉินเข้าสู่พื้นที่หลังประตู

สายลมเย็นยะเยือกของหุบเขายามราตรีโชยพัดมาสัมผัสผิวกาย เช่นเดียวกับแสงดาวที่สาดส่องลงมาจากด้านบน

ปรากฏว่าพวกเขาเดินทะลุออกมานอกถ้ำแล้ว

ที่นี่เป็นลานโล่งกว้างใหญ่ พื้นที่ส่วนหนึ่งปลูกสมุนไพรเนืองแน่น

ด้านตรงข้ามสวนสมุนไพร เป็นที่ตั้งของกระท่อมไม้หลังหนึ่ง

ด้านหน้ากระท่อมไม้เป็นลานกว้างขนาดใหญ่

ด้านหนึ่งของลานกว้างขุดลงไปเป็นสระน้ำรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส

อีกด้านหนึ่งของลานกว้าง ตั้งเรียงรายด้วยถังสีดำขนาดใหญ่ ภายใต้ความมืดมิดยามราตรี หลินเป่ยเฉินมองไม่ออกว่าถังน้ำขนาดเท่าตัวคนเหล่านี้ ตั้งเอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์อันใด

บัดนี้ ชายชราชุดแดงคนหนึ่งยืนรอคอยหลินเป่ยเฉินอยู่หน้ากระท่อมไม้พร้อมด้วยลูกศิษย์อีก 3 คน โดยชายชราผู้เป็นเจ้าถิ่นมีเส้นผมเบาบาง คิ้วเป็นสีหงอกขาว ร่างกายซูบผอม ลักษณะท่าทางเหมือนคนวิกลจริตเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เพียงกระโดดวูบเดียว ก็มายืนอยู่ข้างกายชายฉกรรจ์ชุดดำผู้รับหน้าที่นำทาง ทำให้ชายฉกรรจ์ชุดดำตัวสั่นเทา ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว