บทที่ 184 บรรลุฝึกจิต
พลังหกเท่า และเพิ่มอีกสี่เท่า!
พลังยี่สิบสี่เท่า พลังจิตแท้ความเป็นตายระดับที่สอง กระบี่สังหารห้วงยุทธ์ ระเบิดพลังออกมาในคราเดียวกัน
“ชิ้ง!”
กระบี่ยุทธ์ในมือของช่าวชูเจิ้งฉีกระเด็นออกไปในทันที ข้อต่อระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้แตกออก เลือดสีแดงสดไหลออกมา
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีวิชาที่เก่งกาจกว่านี้อีก สามารถระเบิดการโจมตีแบบบังคับได้ในพริบตา
“ถอย!”
ใบหน้าของช่าวชูเจิ้งฉีนั้นไม่ได้มีความสบายใจเหลืออยู่เหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังก้าวถอยหลังไปพร้อมกับสีหน้าที่หวาดกลัว
บนหน้าอกของเขา เสื้อผ้าถูกฉีกขาด หากว่าเขาถอยช้ากว่านี้เล็กน้อย จะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน
“ผู้ชายคนนี้ สามารถระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวแบบนี้ออกมาได้อย่างไรกัน” เขามองไปที่หลัวซิวด้วยความตกใจและโกรธ พลังของดาบในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามจริงๆ
และคนที่ทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามได้นั้น กลับเป็นเพียงชายหนุ่มระดับฝึกจิตครึ่งเท่านั้น
ผลการฝึกตนยิ่งถึงระดับท้าย ๆ ความห่างชั้นของแดนเล็ก ๆ ทุกแดน พลังนั้นก็ยิ่งมีความเหลื่อมล้ำอย่างมาก
และวิชายิ่งเลิศอย่างพลังแปรเสวียนเทียนนี้ คือวิถีแห่งการต่อสู้แบบข้ามขั้นสุด ๆ !
ท่ามกลางบันทึกวิชายิ่งเลิศ มันไม่ง่ายเหมือนสองเท่าถึงห้าเท่าอย่างที่เห็น
อย่างเช่นพลังสองเท่าของขั้นที่หนึ่ง คือการเพิ่มกำลังขึ้นเป็นสองเท่าบนพื้นฐานเดิมของตนเอง ซึ่งง่ายมากที่จะสำแดงออกมา
เมื่อถึงพลังสามเท่าของขั้นที่สอง คือพื้นฐานของสองเท่า จะเพิ่มขึ้นสามเท่า หรือก็คือหกเท่านั่นเอง
แต่พลังสี่เท่าของขั้นที่สาม นั่นคือการมีพลังหกเท่าเป็นฐาน และเพิ่มขึ้นไปอีกสี่เท่า!
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า การลงมือของหลัวซิวเมื่อครู่ อันที่จริงมันมีความแข็งแกร่งถึงยี่สิบสี่เท่าของตัวเขาเอง!
ท่ามกลางวิชายิ่งเลิศอย่างพลังแปรเสวียนเทียน สามารถฝึกให้ถึงขั้นที่หนึ่งได้ ก็สามารถระเบิดพลังสองเท่าออกมาได้
ฝึกถึงขั้นที่สอง ต้องการร่างเนื้อของร่างยุทธ์ระดับสูง ถึงจะสามารถระเบิดพลังสามเท่าบนพื้นฐานของพลังสองเท่าได้ ซึ่งก็คือพลังหกเท่านั่นเอง
ฝึกถึงขั้นที่สาม ต้องการร่างเนื้อของร่างยุทธ์ระดับราชายุทธ์ ถึงจะสามารถระเบิดพลังยี่สิบสี่เท่าได้
และขึ้นที่สี่ ต้องการร่างเนื้อของร่างยุทธ์ระดับมกุฏยุทธ์ ถึงจะสามารถระเบิดพลังร้อยเท่าได้!
เมื่อนานมาแล้ว หลัวซิวคิดว่าพลังสูงสุดแค่สามารถเป็นได้เพียงห้าเท่าของพลัง และในภายหลังที่สามารถกระตุ้นขั้นที่สองได้ ถึงพบว่าพลังนั้นไม่ใช่แค่เพียงเพิ่มขึ้นสามเท่า แต่เป็นหกเท่า!
หลัวซิวในตอนนี้ แม้แต่ร่างยุทธ์ขั้นสูงยังไม่สามารถบรรลุถึง ยังห่างชั้นกับร่างยุทธ์ระดับราชายุทธ์อยู่มากนัก การบังคับกระตุ้นพลังแปรเสวียนเทียนขั้นที่สาม ร่างเนื้อนั้นเดิมทีก็ไม่สามารถรับได้ กล้ามเนื้อถูกฉีกออก เลือดสีแดงสดไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
แต่ในเวลานี้ เขาไม่สามารถกังวลอะไรได้มากมายเช่นนั้น
เมื่อโจมตีช่าวชูเจิ้งฉีจนล่าถอยไปได้ หลัวซิวพลิกมือหยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ดพร้อมทั้งโยนใส่ปาก
ยาที่เขาใช้นั้นคือยาระเบิดเทพจิต เมื่อยาออกฤทธิ์ ผลการฝึกตนก็ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น เพิ่มขึ้นมาถึงสามแดนเล็ก ข้ามด่านประตูฝึกจิต บรรลุถึงระดับฝึกจิตขั้นสาม
ผลการฝึกตนที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ฤทธิ์ยาระเบิดเทพจิตช่วยนั้น หลัวซิวระงับช่วงเวลาที่เข้าใกล้การระเบิดของร่างเนื้อไว้ได้ชั่วคราว
ตามลมล่าจันทรา!
เขาพุ่งตัวเป็นลำแสง บินไปตรงหน้าของเหยียนซีโรว่ และในนาทีนี้เอง ขวานคู่ของเหมิงขวงก็ถูกเขวี้ยงเข้ามาอย่างเต็มแรง
“ตายซะ!”
หลัวซิวระเบิดพลังแปรเสวียนเทียนขั้นที่สามพลังยี่สิบสี่เท่าอีกครั้ง เขาออกดาบอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งการสำนึกก็ไม่สามารถตรวจจับได้ มีเพียงแสงวาววับจากคมดาบที่ผ่านไป เปล่งประกายเสียจนแสบตา
มือขวานคู่อย่างเหมิงขวงตาเบิกโพลง ร่างถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และถูกหลัวซิวฟันจนขาดเป็นส่วน ๆ
“อะไรกัน!”
ยี่ซวนมีสีหน้าดูหวาดกลัว ซิวหลัวคนนี้ ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ยังทำได้เพียงทำให้เหมิงขวงบาดเจ็บสาหัส แต่เวลานี้กลับสามารถฆ่าเหมิงขวงได้อย่างง่ายดาย?
“เจ้าก็ตายซะ!”
หลัวซิวสะบัดดาบปล่อยเปลวไฟดำแห่งปราณกระบี่ออกไป ด้วยพลังยี่สิบสี่เท่าที่ช่วยเสริมอยู่นั้น ลำแสงปราณกระบี่ก็สามารถยามได้ถึงหลายสิบฟุต บดบังทั่วทั้งฟ้าและพื้นดิน!
“หนี!”
ยี่ซวนหยิบยันต์วาตะออกมา และกำลังจะทำลายมันเพื่อหนีไป
ในเวลาเช่นนี้ เขาใช้ธงค่ายสร้างค่ายกลป้องกันระดับสี่ขึ้น เพื่อป้องกันตนเองรอบทิศ
“ปัง!”
เปลวไฟดำแห่งปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงนั้นตรงเข้าไปทำลายค่ายกลป้องกันจนสิ้น และตัดร่างของยี่ซวนให้ขาดเป็นสองท่อน
เมื่อสายตาของหลัวซิวกวาดไปมองทางช่าวชูเจิ้งฉีนั้น อีกฝ่ายกลับลอยขึ้นฟ้าหนีไปเสียแล้ว เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมากกับพลังต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวที่เขาได้เห็นในขณะนั้น
ฝืนใช้พลังแปรเสวียนเทียนขั้นที่สามซึ่งเกินขีดจำกัดของตัวเองถึงสามครั้งติดต่อกัน ต่อให้เป็นฤทธิ์ของยาระเบิดเทพจิตไม่ยังไม่สามารถควบคุมได้ หลัวซิวมีความรู้สึกว่าการรับรู้ของตนนั้นยิ่งนานไปก็ยิ่งพร่ามัวขึ้นเรื่อย ๆ ร่างของเขาล้มลงไปทางด้านหลัง
“หลัวซิว!”
เหยียนซีโรว่ที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นรีบวิ่งเข้ามาพยุงเขาไว้ ก็พบว่าร่างของเขามีแต่รอยแตกเต็มไปหมด ลมหายใจก็ไม่สม่ำเสมอ
“ทำไมเจ้าถึงโง่เช่นนี้”
เหยียนซีโรว่ตาแดง นางรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เป็นเพราะช่วยนาง หลัวซิวก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระ ใครก็ไม่สามารถต้านเขาไว้ได้
แต่เป็นเพราะช่วยนาง เขาถึงได้เลือกใช้วิชายิ่งเลิศในการกระตุ้นศักยภาพ จนเขาต้องทนทุกข์กับการแว้งกัดอย่างรุนแรงของวิชานั้น
ไม่มีพลังอำนาจใดที่ได้มาเปล่า ๆ โดยไม่ต้องเสียอะไรไป ถึงแม้จะเป็นพลังพื้นฐานของผู้ฝึกยุทธ์ ก็ต้องฝึกหนักและต่อสู้เพื่อให้ได้มาทีละนิด
นางเองก็ได้รับบาดเจ็บ แต่หากเทียบกับหลัวซิวแล้วนั้น กลับไม่มีทางที่จะเทียบกันได้เลย
ในระหว่างที่สมองกำลังมึนงงอยู่นั้น แสงดาวดวงน้อยก็ปรากฏขึ้นในความมืด
“หืม?”
เมื่อหลัวซิวชำเลืองมอง ก็เห็นวัฏจักรชีวิตขนาดใหญ่ห้อยอยู่เหนือหัว เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย
เขาจำได้ว่า เพราะเขาสำแดงพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่าและเกินขีดจำกัดของตนเองจนสลบไป เหตุใดจึงได้มาอยู่ภายในลูกแก้วความเป็นตายได้?
“ผู้สืบทอดที่อ่อนแอ เจ้าช่างน่าประทับใจเสียจริง”
ทันใดนั้น เสียงของทวยเทพแห่งวัฏจักรชีวิตก็ดังขึ้น
เมื่อได้ยินประโยคนั้น หลัวซิวชะงักไปชั่วครู่ ไม่แน่ใจว่าทวยเทพแห่งวัฏจักรชีวิต แท้จริงแล้วกำลังชมเขาหรือกำลังด่าเขากันแน่
แต่ทวยเทพแห่งวัฏจักรชีวิตก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรดับความคิดของเขา พลางพูดต่อ “พลังอมตะนั้น ถึงแม้จะไม่ตายตราบใดที่ยังมีลมหายใจ อีกทั้งยังสามารถสลายและเกิดใหม่ด้วยความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ร่างเนื้อของเจ้านั้นเพิ่งจะถึงร่างยุทธ์ขั้นสูง ยังห่างไกลร่างยุทธ์ระดับราชายุทธ์อีกมากนัก บังคับใช้พลังยี่สิบสี่เท่า นั่นเพียงพอให้ร่างเนื้อเจ็บปวดจากการแตกสลาย ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะอดทนได้เลย”
“หากทนความเจ็บปวดไม่ไหว เจตจำนงก็จะพังทลายลง ตัวหยั่งรู้สลายหายไป นั่นจะเป็นความตายที่แท้จริง พลังอมตะก็ไม่สามารถช่วยอะไรเช้าได้”
“แต่เจ้าไม่เพียงแต่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดนั้นได้ ยังได้รับผลกระทบเพียงแค่สลบไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะอะไร?”
ได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวเกิดความรู้สึกสงบเสงี่ยมขึ้นเล็กน้อย เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าการบังคับใช้พลังยี่สิบสี่เท่านั้น จะมีผลกระทบที่น่ากลัวเช่นนี้
และในตอนที่เห็นเหยียนซีโรว่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็กระทำลงไปในทันที โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมา
หรือแม้กระทั่งตัวเขาเองจะสามารถอดทนกับความเจ็บปวดจากการฉีกแตกของร่างเนื้อนั้นได้หรือไม่ เขาเองก็ไม่ได้แน่ใจนัก
ถ้าจะพูดจริงๆ อาจเป็นเพราะความคิดสุดโต่งของเขาในขณะนั้น เจตจำนงอันแรงกล้าของเขาทำให้เขาสามารถอดทนกับความเจ็บปวดจากการฉีกแตกของร่างเนื้อได้
และด้วยเหตุที่เขาทุ่มสุดตัวเช่นนั้น เพียงเพราะเหยียนซีโรว่บาดเจ็บ?
สิ่งนี้ทำให้ในใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความสงสัย