บทที่ 431 ยังมีปัญหาอะไรไหม? / บทที่ 432 ช่วยให้เขารอดได้ Ink Stone_Romance
บทที่ 431 ยังมีปัญหาอะไรไหม?
ซือหมิงหลี่กัดฟันกรอดพลางกล่าว “หัวหน้าตระกูลทำตามกฎของตระกูล ฉันไม่กล้าคัดค้านอยู่แล้ว”
ซือหมิงหลี่สีหน้าเครียดคล้ำ ตวัดสายตาเย็นเยียบมองจ้องไปทางเยี่ยหวันหวั่น
ยัยผู้หญิงสมควรตาย ทำให้เขาต้องตกมาอยู่ขั้นนี้!
ซือหมิงหลี่แผดเสียงเอ่ยขึ้นมาทันที “หัวหน้าตระกูล คุณจะลงโทษฉันก็ได้ แต่ความภักดีของฉันที่มีต่อตระกูลซือฟ้าดินเป็นพยานได้! ต่อให้คุณจะลงโทษ ฉันก็จำเป็นต้องพูด ต้องสอบสวนผู้หญิงคนนี้ให้ละเอียด! ตอนที่ฉันสงสัยในตัวสวี่อี้ ยังไงก็มีหลักฐานของจริง แต่ว่าผู้หญิงคนนี้อาศัยแค่คำพูดลอยๆ จากปากตัวเอง มีเพียงคำพูดไร้ซึ่งหลักฐาน!
ใครจะรู้สายคนนั้นที่เธอพูดถึงสรุปแล้วมีจริงหรือเปล่า? หากเธอเองก็คือคนของพันธมิตรเลือดล่ะ?
เธอเป็นถึงว่าที่นายหญิงของตระกูล ด้วยฐานะเช่นนี้ หากว่าเป็นสายลับของพันธมิตรเลือด ผลที่จะตามมาคงเลวร้ายจนไม่กล้าคิด! หัวหน้าตระกูลอย่าลืมพิจารณาสถานการณ์โดยรวมด้วย!”
ซือหมิงหลี่พูดจบ บรรดาผู้อาวุโสมองหน้าสบตากัน ต่างวิพากวิจารณ์เสียงกระซิบกันเซ็งแซ่
อันที่จริงความสงสัยของซือหมิงหลี่ไม่ไร้เหตุผล…
ซือหมิงหรงกลับมีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อครู่เขาเห็นด้วยกับการพาผู้หญิงคนนี้ไปสอบสวน ซึ่งก็เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิด
สวี่อี้และสวี่ฉางคุนที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เผยสีหน้าร้อนใจขึ้นมาทันที
ซือหมิงหลี่คนนี้! วันนี้ต้องการกัดคุณหนูหวันหวั่นไม่ยอมปล่อยสินะ!
หากว่าวันนี้นายท่านต้องการปกป้องคุณหนูหวันหวั่นล่ะก็ ซือหมิงหลี่ไม่มีทางทำอะไรได้แน่ แต่หากว่าทำเช่นนี้ ก็ยากที่จะโน้มน้าวใจผู้คนได้ แม้แต่ตัวคุณหนูหวันหวั่นเองก็ยังมีภัยร้ายซ่อนอยู่…
นิ้วมือเรียวยาวของซือเยี่ยหานเคาะเบาๆ เป็นจังหวะบนโซฟาที่มือพาดอยู่ พลางกล่าว “ความหมายของคุณปู่สี่ก็คือ หวันหวั่นเป็นสายของพันธมิตรเลือดที่แอบเข้ามาแทรกแซงในตระกูลซือของเรา ครั้งนี้ตั้งใจช่วยชีวิตผมไว้ เพื่อที่จะได้รับความเชื่อใจจากผม?”
“ไม่ผิด! แม้ว่าจุดประสงค์ของผู้หญิงคนนี้จะไม่ใช่การสังหารหัวหน้าตระกูล งั้นจะต้องทำไปเพื่อข่าวกรอง และมีเพียงการได้มาซึ่งความเชื่อใจของคุณที่เป็นหัวหน้าตระกูล เธอจึงจะล้วงความลับได้มากขึ้น!” น้ำเสียงของซือหมิงหลี่หนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่มองเยี่ยหวันหวั่นประกายรังสีสังหาร
ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว เขาไม่เชื่อว่าจะทำอะไรเธอไม่ได้!
“หวันหวั่น…” ซือเยี่ยหานหันมามองเยี่ยหวันหวั่นกระทันหัน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ของล่ะ?”
ของ? ของอะไร?
ทุกคนได้ยิน พากันฮือฮาหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยความสับสน สวี่อี้ก็มีสีหน้างุนงงเช่นกัน
เยี่ยหวันหวั่นกระพริบตา ล้วงๆ ในกระเป๋าข้างกายตัวเองอย่างว่าง่าย แล้วหยิบเอกสารยับยู่ยี่เป็นปึกๆ ออกมา…
“เอาให้คุณปู่สี่ดู” ซือเยี่ยหานเอ่ยเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นก็ส่งเอกสารไปให้ซือหมิงหลี่อย่างว่าง่าย
ซือหมิงหลี่มองเธอคราหนึ่ง รับเอกสารมาด้วยสีหน้าเย็นชา ผลลัพธ์คือเพิ่งจะเห็นเอกสารหน้าแรกหน้าก็ดำคล้ำเสียแล้ว เมื่อพลิกไปหน้าถัดไป หน้าก็ยิ่งดำคล้ำราวกับก้นกระทะ!
“นี่…นี่…นี่ไม่ใช่ข้อมูลลับของโครงการครั้งนี้และหนังสือร่างสัญญา…” ซือหมิงหลี่หน้าถอดสี
ของสำคัญขนาดนี้ซือเยี่ยหานกลับหยัดกระเป๋าให้ผู้หญิงคนนี้ดูแล? !
คณะผู้อาวุโสได้ยิน ต่างพากันชะโงกหน้าไปมอง พลันต่างต้องตกตะลึง
“อะไรกัน…ข้อมูลความลับของโครงการ energy…?”
“กระทั่งหนังสือร่างสัญญา…”
“นี่มัน…หัวหน้าตระกูลให้ความเชื่อใจผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้วไหม!”
นี่ต้องเป็นคนที่เชื่อใจมากเท่าไร ถึงจะมอบของสำคัญขนาดนี้ให้เธอช่วยดูแล!
ด้วยระดับความเชื่อใจที่ซือเยี่ยหานมีต่อผู้หญิงคนนี้แล้ว ไหนเลยที่เธอยังจำเป็นต้องวิ่งอ้อมวงใหญ่ขนาดนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งความเชื่อใจจากเขา นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรอกเหรอ?
ซือเยี่ยหานเอ่ยเรียบๆ “ตอนนี้ คุณปู่สี่ยังมีปัญหาอะไรอีกไหม?”
ซือหมิงหลี่กำเอกสารเหล่านั้นไว้แน่น โกรธจนแทบหายใจไม่ออกเกือบเป็นลมล้มพับไป ผ่านไปนานใบหน้าบวมแดงกว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ไม่กี่คำ “ไม่…ไม่มี…”
……………………………………………………………..
บทที่ 432 ช่วยให้เขารอดได้
สวี่อี้จดจ้องเอกสารเหล่านั้น ถอนใจโล่งอกในทันที ก้อนหินอันหนักอึ้งในใจ ในที่สุดก็ปล่อยวางได้สักที
นายท่านไม่เพียงฝากเอกสารความลับให้คุณหนูหวันหวั่นดูแล ปกติไม่ว่าจะพูดคุยเรื่องอะไรก็ไม่เคยปิดบังเธอเลย ข้อนี้นอกจากเขาแล้ว ยังมีหลิวอิ่ง ฉินรั่วซี กระทั่งผู้บริหารระดับสูงล้วนเป็นพยานได้
หากคุณหนูหวันหวั่นต้องการจะสืบหาข่าวอะไรจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องง่ายดายมาก ไหนเลยที่จำเป็นต้องลำบากทำเรื่องอ้อมวงใหญ่ขนาดนั้น
สรุปแล้วเรื่องนี้จะไม่มีใครสงสัยอะไรในตัวคุณหนูหวันหวั่นอีก…
เป็นอย่างที่คิด ซือหมิงหลี่และบรรดาผู้อาวุโสต่างก็พูดอะไรไม่ออก
ซือหมิงหลี่แม้จะไม่พอใจอย่างมากที่ซือเยี่ยหานเอาเอกสารความลับให้ผู้หญิงคนหนึ่งดูแล แต่สถานะในตอนนี้ของเยี่ยหวันหวั่นคือว่าที่นายหญิงของตระกูลซือ การที่ซือเยี่ยหานฝากเอกสารให้เธอ ก็ไม่ใช่ความผิดให้วิจารณ์ได้ จับผิดอะไรไม่ได้เลยจึงทำได้เพียงหุบปากไม่พูดอะไรอีก
เวลานี้ ณ มุมหนึ่งด้านข้าง ฉินรั่วซีมองเอกสารเหล่านั้น สีหน้าซีดลงไปหลายส่วน
เอกสารความลับเหล่านี้ แม้แต่เธอเองก็ยังไม่เคยเห็น เก้ากลับฝากให้ผู้หญิงคนนี้อย่างสบายๆ…
เดิมที เธอไม่เคยเห็นเยี่ยหวันหวั่นอยู่ในสายตาเลย
ด้วยครอบครัวของหวันหวั่นถึงได้ทำตัวแบบนี้ อยากจะแต่งเข้าตระกูลซือไม่ต่างอะไรกับคนโง่เขลาที่กำลังฝันอยู่ ทำไมจะต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนพันธุ์นี้ให้ตัวเองต่ำลงไปด้วย
แต่ว่า หลังจากการเดินทางไปประเทศ B ครั้งนี้ เธอกลับต้องเริ่มมองผู้หญิงคนนี้ใหม่
ผู้หญิงคนนี้โชคดีขนาดนี้จริงๆ เหรอ?
ทำไมสายลับต้องไปหาเธอ ทำให้เธอได้ความดีความชอบเรื่องการช่วยคน ไม่เพียงเท่านี้ วันนี้ยังช่วยสวี่อี้ ทำให้สวี่อี้ติดหนี้บุญคุณยิ่งใหญ่กับเธอ ซือหมิงหลี่กำลังจะสร้างปัญหาให้เธอ เก้ากลับฟื้นขึ้นมา…
คุณหญิงย่าสงสารหลานชาย กลัวว่าซือเยี่ยหานจะเหนื่อยเกินไป รีบกล่าวว่า “พอแล้วๆ ตอนนี้เรื่องราวก็นับว่าเข้าใจกันหมดแล้ว หากพวกนายไม่มีเรื่องอะไรสำคัญแล้ว ก็กลับกันไปให้หมดเถอะ เรื่องทั้งหมดรอให้สุขภาพของเจ้าเก้าดีก่อนค่อยว่ากัน!”
ละครสนุกจบแล้ว ผู้คนต่างพากันมองไปทางซือหมิงหลี่ผู้ที่วันนี้เสียเปรียบอย่างหนักด้วยแววตาสงสาร ก่อนจะทยอยขอตัวกลับไป
“ครับ คุณหญิงใหญ่! งั้นพวกเราขอตัวก่อนแล้ว!”
“ขอให้หัวหน้าตระกูลรักษาสุขภาพด้วย!”
……
เนื่องจากซือเยี่ยหานไม่สะดวกจะเดินเหิน เยี่ยหวันหวั่นจึงช่วยส่งเหล่าผู้อาวุโสกลับไป
บริเวณประตู
สวี่ฉางคุนมองผู้หญิงร่างกายผอมเพรียวบอบบางตรงหน้า ในดวงตาชราภาพเปี่ยมไปด้วยแววตาของความซาบซึ้งใจ “หากไม่ได้คุณหนูหวันหวั่นช่วยไว้ วันนี้เกรงว่าตระกูลสวี่คงไม่มีทางฟื้นคืนได้ตลอดไป! บุญคุณของคุณหนูหวันหวั่นในวันนี้ ผมสวี่ฉางคุนจดจำไม่มีวันลืม!”
ล้างตระกูลหรือความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตระกูลสวี่ของพวกเขามีความจงรักภักดีมานานหลายปี กลับต้องมีความอัปยศของคำว่า “คนทรยศ” ตราหน้าไปตลอดกาล
สวี่ฉางคุนพูดพลางโค้งคำนับสุดตัวให้กับหญิงสาว
เยี่ยหวันหวั่นรีบประคองสวี่ฉางคุนให้ลุกขึ้นมา “คุณลุงสวี่กล่าวเกินไปแล้ว เมื่อครู่หนูบอกแล้วไง หนูก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง”
สวี่ฉางคุนได้ยิน ส่ายหน้ายิ้มฝาด ในสถานการณ์ตอนนั้น คนทั้งตระกูลไม่มีใครสักคนจะออกมาพูดแทนตระกูลสวี่ ไม่มีใครเลยที่จะเชื่อพวกเขา แต่เธอหญิงสาวอายุน้อยคนเดียว ที่เข้ามาขวางการลงโทษประหารของการ์ดไว้ได้
แค่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ก็ล้ำค่าเกินไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางหันไปกล่าวกับสวี่อี้ “อย่างไรแล้ว ในตอนปกติพ่อบ้านสวี่ก็ช่วยดูแลฉันอย่างดี ฉันก็ไม่ได้ลดความวุ่นวายให้เขาเลย…”
สวี่อี้ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเยี่ยหวันหวั่น ก้มหน้าหลบรู้สึกเพียงละอายใจ
เพียงเพราะสิ่งเล็กน้อยที่เขาทำให้เธอในวันธรรมดาก็เท่านั้น เธอกลับพยายามช่วยเขาสุดชีวิต หากไม่ใช่เพราะนายท่านฟื้นขึ้นมาทันเวลา เขาไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาเลย…
……………………………………………………………