บทที่ 293 บาดเจ็บสาหัสเข้าใกล้ความตาย

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

กระบี่ไท่อา กระบี่แห่งเดชานุภาพ เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าขานกันมาในตำนาน เดิมทีไม่ควรจะถูกคนโหดเหี้ยมอย่างเสวี่ยโม๋เจียวควบคุม และไม่ควรจะแสดงอานุภาพของกระบี่ไท่อาออกมาได้โดยเด็ดขาด เพียงแต่เนื่องจากกระบี่ไท่อาอาบย้อมไปด้วยเลือดของเถี่ยเป้า รวมกับเสวี่ยโม๋เจียวใช้ถุงมือเป็นตัวกั้นเอาไว้ ทำให้ไอสังหารอันโหดเหี้ยมบนร่างของตนถูกปิดกั้น ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้กระบี่ไท่อาก็ยังคงดิ้นรน ทำให้เสวี่ยโม๋เจียวไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์

ตอนนี้เองเย่เทียนเฉินไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างของตนอีกต่อไป ต่อให้เขาจะรู้สึกว่าอวัยวะภายในของตนทั้งหมดได้รับความเสียหาย มุมปากเริ่มที่จะมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่กลับไม่หยุดมือ โจมตีกระบี่ไท่อาสุดแรงจนถูกกระแทกกลับมาสองครั้ง ในครั้งที่สามก็ตะโกนออกมาว่า “ส่งดาบมา” จากนั้นจึงรับดาบเจ็ดดาวที่หลินตวนโยนมาให้ แล้วฟาดฟันลงไปสุดแรง

เนื่องจากในตอนนี้เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ว่า กระบี่ไท่อาทรงอานุภาพมากเกินไป ไม่เสียทีที่เป็นหนึ่งในสิบดาบในตำนานบนโลกใบนี้ เดิมทีก็เป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพสูงอยู่แล้ว ต่อให้คนโหดเหี้ยมอย่างเสวี่ยโม๋เจียวไม่สามารถใช้อำนาจทั้งหมดของกระบี่ไท่อาออกมาได้ ก็ยังน่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด หากไม่หยุดเอาไว้ เกรงว่ากระบี่นี้ของเสวี่ยโม๋เจียวจะกวาดบริเวณรอบๆ ในระยะหมื่นเมตรราบเป็นหน้ากลอง ทุกคนจะมีอันตรายถึงชีวิต

เสวี่ยโม๋เจียวตวัดดาบออกไป ประกายแสงสีแดงเลือดทรงอานุภาพพุ่งไปยังเย่เทียนเฉิน แต่เย่เทียนเฉินไม่ถอยเลยแม้แต่น้อย ชั่วขณะนั้นเขาได้เผยนิสัยที่เป็นดุจเทพสังหารของตนออกมา แน่วแน่เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก ตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง มือทั้งสองกำดาบเจ็ดดาวส่องประกายแสงละลานตาออกมาเช่นเดียวกัน จากนั้นจึงฟาดฟันลงไป

“ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีใครสามารถทำให้กระบี่ไท่อาสั่นสะเทือนได้!” เสวี่ยโม๋เจียวตะโกนขึ้นฟ้า

“งั้นฉันก็จะเป็นคนแรก!” เย่เทียนเฉินก็ตะโกนเสียงดังเช่นเดียวกัน เสียงสั่นสะท้านออกไปไกล

ตู้ม!

เสียงดังสนั่นลั่นฟ้าระเบิดขึ้นภายในโรงงานรกร้าง ในขณะเดียวกันกระบี่ไท่อาและดาบเจ็ดดาวก็ปะทะกัน ทั้งยังมีประกายแสงละลานตาปะทุออกมา เสียดแทงสายตาผู้คนจนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ การโจมตีปะทะกันในครั้งนี้ทำให้อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวน ยอดฝีมือทั้งสามคนต่างถูกกระแทกจนปลิวออกไป ทั่วทั้งโรงงานรกร้างอันกว้างใหญ่อันตรธานหายไปจนสิ้น กลายเป็นซากปรักหักพัง กระทั่งสิบสามจ้าวสวรรค์ที่ยังสู้อยู่ด้านนอกก็ได้รับแรงสั่นสะเทือน ต่างถูกกระแทกจนปลิวออกไปหมด เห็นได้ว่าการโจมตีนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด

“เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?” อู๋เสวี่ยเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาจากพื้น เขาดพียงได้รับผลกระทบเล็กน้อย ไม่มีปัญหารุนแรงอะไร

“ไม่เป็นไร!” หวังเจี๋ยเองก็ลุกขึ้น ปัดฝุ่นบนร่างของตัวเองแล้วพูดออกมา

“พี่ใหญ่ล่ะ? การโจมตีครั้งนี้ทำให้ตกใจจริงๆ!” หลินตวนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างตกตะลึง

ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว สรรพสิ่งในระยะหมื่นเมตรอันตรธานหายไปจนสิ้น และทำให้ยอดฝีมือในขอบเขตนักรบราชันทั้งหมดถูกกระแทกจนปลิวออกไป นี่เป็นอนุภาพที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน? ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่ไท่อายังไม่อยู่ในการควบคุมของเสวี่ยโม๋เจียวอีกด้วย เย่เทียนเฉินเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถใช้อำนาจทั้งหมดของดาบเจ็ดดาวออกมาได้ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะมีพลังทำลายล้างมากมายขนาดไหน เพียงแค่คิดก็ทำให้ผู้คนต้องหนาวสั่นแล้ว

ในตอนที่อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวน และสมาชิกสิบสามจ้าวสวรรค์คนอื่นๆ หาเย่เทียนเฉินเจอนั้น ต่างก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกกังวลและเจ็บใจ

พบว่าเย่เทียนเฉินนอนจมกองเลือด มือขวายังกำดาบเจ็ดดาวเอาไว้ แต่มือทั้งสองบิดเบี้ยวจนผิดรูป เรียกได้ว่ากลายเป็นโคลนเหลวก็ยังได้ น่าอนาถจนไม่อยากมอง ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด สลบไปเรียบร้อยแล้ว

“เพื่อช่วยพวกเรา พี่ใหญ่ถึงกับฟันดาบเจ็ดดาวออกไปสุดแรงโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง!” หลินตวนเดิมทีก็มีนิสัยเหมือนบัณฑิตอยู่แล้ว เมื่อเห็นพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินมีสภาพแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างสะท้อนใจ

“พวกเราจะต้องช่วยพี่ใหญ่ให้ได้ ยังมัวอึ้งอะไรกันอยู่อีก รีบพาพี่ใหญ่ไปส่งโรงพยาบาล!” อู๋เสวี่ยได้สติกลับมาก็หันไปตะโกนใส่สมาชิกสิบสามจ้าวสวรรค์ที่อยู่ด้านหลัง

“ไม่ได้ ส่งโรงพยาบาลก็ช่วยเขาไม่ได้…” หวังเจี๋ยส่ายหน้าพลางกล่าวขึ้น

“งั้นจะทำยังไงดี?” อู๋เสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าหวังเจี๋ยพูดได้ถูกต้อง อาการบาดเจ็บที่ได้รับจากการต่อสู้แบบนี้ โรงพยาบาลในยุคปัจจุบันเกรงว่าจะไม่มีความสามารถเพียงพอ เพราะในร่างกายของเย่เทียนเฉินยังมีพลังภายในอันแข็งแกร่งกำลังปะทุอยู่ กระทั่งปราณกระบี่ของกระบี่ไท่อากำลังกำเริบอยู่ด้วย

หวังเจี๋ยชะงักไปครู่หนึ่ง แบกเย่เทียนเฉินขึ้นหลังแล้วหันไปพูดกับอู๋เสวี่ยว่า “ไปเถอะ พวกเราไปกันสองคน หวังว่าจะมีทางช่วย!”

การต่อสู้ในครั้งนี้ สิบสามจ้าวสวรรค์สู้กับสิบสามราชาเสือดาวแห่งตระกูลโอวหยาง นี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงขนาดนี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมา สิบสามราชาเสือดาวถูกฆ่าตายทั้งหมด ส่วนสิบสามจ้าวสวรรค์มีคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายเย่เทียนเฉินถือดาบเจ็ดดาวไว้ในมือ เข้าปะทะกับกระบี่ไท่อาในมือของเสวี่ยโม๋เจียว หลังจากโจมตีไปเย่เทียนเฉินก็ลงไปนอนจมกองเลือด ลมหายใจรวยระรินใกล้ขาดห้วง ส่วนเสวี่ยโม๋เจียวกลับถูกสังหารไปแล้ว กระบี่ไท่อาก็เป็นหลินตวนที่เก็บขึ้นมา เพราะดูเหมือนว่ากระบี่ไท่อาจะยังผันผวนและตื่นตัวอยู่ ต้องใช้ดาบเจ็ดดาวทำให้สงบ มิฉะนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยแบกเย่เทียนเฉินที่หายใจรวยรินขึ้นหลัง ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง การต่อสู้ครั้งนี้ เย่เทียนเฉินต่อสู้กับผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันซึ่งก็คืออาชูร่าและผู้แข็งแกร่งที่มีขอบเขตพลังระดับนักรบราชันซึ่งก็คือเถี่ยเป้า อย่างไรก็ตามในตอนที่บาดเจ็บสาหัสรุนแรงที่สุดเนื่องจากการต่อสู้กับอาชูร่า แต่เพื่อความปลอดภัยของสิบสามจ้าวสวรรค์คนอื่นๆ จึงเข้าปะทะกับกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นหนึ่งในสิบกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน บาดเจ็บรุนแรงเป็นอย่างมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแขนทั้งสองหรืออวัยวะภายในต่างก็ถูกทำลาย ลมหายใจแผ่วเบา ที่สำคัญที่สุดก็คือภายใต้สถานการณ์ที่กายเนื้อของตนไม่สามารถรับไหว เย่เทียนเฉินก็ยังฝืนใช้พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขั้นสูงสุดออกมา ทำให้ร่างกายเกิดความเสียหายหนักที่สุด

สามวันต่อมา อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยกลับไปที่สิบสามจ้าวสวรรค์อาศัยอยู่ซึ่งก็คือคฤหาสน์ที่ซื้อเอาไว้บริเวณชานเมืองของเมืองหลวง สิบสามจ้าวสวรรค์อยู่อาศัยบริเวณรอบๆ นี่ก็เพื่อให้เย่เทียนเฉินติดต่อกับสิบสามจ้าวสวรรค์ได้สะดวก

“พี่ใหญ่ เป็นยังไงบ้าง?” หูหลงถามอย่างร้อนใจ

“ใช่แล้ว? พี่ใหญ่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินตวนก็รีบถามเช่นเดียวกัน

อู๋เสวี่ยมองไปยังหวังเจี๋ย ทั้งสองพยักหน้าให้กันเล็กน้อย อู๋เสวี่ยเดินออกมายืนอยู่เบื้องหน้าสิบสามจ้าวสวรรค์ พูดเสียงดังด้วยความจริงจังว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในหมู่สิบสามจ้าวสวรรค์ไม่อนุญาตให้ใครเคลื่อนไหวโดยพละการ ตอนนี้ภารกิจของพวกเราก็คือปกป้องครอบครัวของพี่ใหญ่ จนกว่าพี่ใหญ่จะกลับมาอย่างปลอดภัยไร้อันตราย!”

“ได้!” สิบสามจ้าวสวรรค์ตอบรับอย่างพร้อมเพียง

หลังจากที่แต่ละคนแยกย้ายกันไปแล้ว เหลือเพียงอู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวน เปาเทียนหลง และหูหลงห้าคน พวกเขานับว่าเป็นสมาชิกคนสำคัญของสิบสามจ้าวสวรรค์ และเป็นคนที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อเย่เทียนเฉินมากที่สุด การพูดคุยย่อมแตกต่างกัน

“พี่เจี๋ย ตกลงพี่ใหญ่เป็นยังไงกันแน่?”

“ใช่แล้ว เมื่อไหร่พี่ใหญ่จะกลับมาได้?”

หวังเจี๋ยทอดถอนใจ พูดออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวลว่า “หวังว่าพี่ใหญ่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แล้วหวังว่าเขาจะพยายามกลับมาอย่างเต็มที่!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหวังเจี๋ย ทุกคนก็ชะงักไป ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ หากต้องการช่วยอะไรบ้างจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็ทำได้แต่ภาวนาแล้ว นอกจากนั้นก็ทำให้สมาชิกของสิบสามจ้าวสวรรค์ไม่แยกตัวออกไป

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เย่เทียนเฉินยังคงไม่กลับมา สมาชิกของสิบสามจ้าวสวรรค์ต่างเป็นกังวล ในหมู่คนเหล่านั้นก็มีบางคนที่สร้างปัญหาแต่ก็ถูกอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยร่วมมือกันระงับเอาไว้ ไม่กล่าวไม่ได้ว่าหวังเจี๋ยเป็นคนที่มีความภักดีมากจริงๆ ตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะติดตามเย่เทียนเฉิน เขาก็กระทำเรื่องราวอย่างทุ่มเทจิตใจ ไม่มีความเห็นแก่ตัวเลยแม้แต่น้อย

“ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่เป็นยังไงบ้างแล้ว?” อู๋เสวี่ยสูบบุหรี่แล้วพูดออกมา

“อาทิตย์หนึ่งแล้วยังไม่กลับมาอีก เกรงว่าจะร้ายมากกว่าดี!” หวังเจี๋ยส่ายศีรษะพลางกล่าว

“ไม่ว่าจะเป็นยังไง พวกเราก็ต้องทำให้สิบสามจ้าวสวรรค์คนอื่นๆ สงบลงให้ได้ ทำให้สงบได้นานแค่ไหนก็เท่านั้น!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างแน่วแน่

“อืม!” หวังเจี๋ยเองก็พยักหน้า

ตอนนี้เอง ภายหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งบริเวณชานเมืองของเมืองหลวง เป็นหมู่บ้านที่เสื่อมโทรมมากแห่งหนึ่ง ภายในเรือนเล็กๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ในบริเวณห่างไกลที่สุด มีชายร่างกายเปลือยเปล่านั่งอยู่ในถังไม้อันใหญ่ ภายในถังไม้เต็มไปด้วยน้ำสีแดงเลือด นี่ไม่ใช่น้ำเปล่า และไม่ใช่ยา แต่เป็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลผสมเข้ากับน้ำ ไม่รู้ว่าถูกเปลี่ยนไปแล้วกี่ครั้ง ท่าทางน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“คุณปู่คะ พี่เทียนเฉินสลบไปเจ็ดคืนแล้ว จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

“ชีวิตนั้นช่วยเอาไว้ได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นมีความเป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นคนพิการ เจ้าหนูนี่จะบ้าคลั่งเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าร่างกายนี้ไม่แข็งแกร่งมากพอ ยังยกระดับพลังไปถึงขั้นสูงสุดโดยไม่สนใจชีวิตอีก ยิ่งไปกว่านั้นในร่างกายของเขายังมีพลังอันแข็งแกร่งที่แตกต่างกันอยู่หลาย ตอนนี้ทั้งหมดกำลังสับสน และสิ่งที่ทำร้ายเขาก็คือกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นหนึ่งในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยุคโบราณ กระบี่แห่งเดชานุภาพ มีพลังทำลายล้างที่รุนแรงเป็นอย่างมากด้วย!”

ถูกต้อง ในช่วงเวลาที่อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยไม่มีทางเลือก ก็ทำได้เพียงพาเย่เทียนเฉินไปส่งให้จางอีเต๋อและจางรั่วถงสองปู่หลาน นี่เป็นทางเลือกเดียวของพวกเขาแล้ว ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่เย่เทียนเฉินได้รับไม่เพียงแต่จะมีพลังพิเศษและเคล็ดวิชากลยุทธโบราณ แต่ยังมีอานุภาพของกระบี่ไท่อาซึ่งเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในยุคโบราณอีกด้วย ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงถูกพลังที่แตกต่างกันทั้งสามอย่างทำให้บาดเจ็บ น่าหวาดกลัวและน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง อยากที่จะรักษาหาย

ในตอนที่อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยพาเย่เทียนเฉินมาส่ง จางอีเต๋อก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ความสามารถของเย่เทียนเฉินลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ถึงกับถูกทำร้ายมีสภาพแบบนี้ได้ จะไม่ให้จางอีเต๋อตื่นตกใจได้อย่างไร

เพียงแต่จากการสอบถามและการอธิบายของอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ย ทำให้จางอีเต๋อยิ่งรู้สึกว่าเย่เทียนเฉินลึกล้ำไม่อาจคาดเดามากขึ้น นี่เป็นชายหนุ่มที่ดูแคลนไม่ได้ ในสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บยังเข้าปะทะกับกระบี่ไท่อา เกรงว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะมีเย่เทียนเฉินเพียงคนเดียวที่กล้าทำแบบนี้

“ถ้าอย่างนั้นพี่เทียนเฉินก็อันตรายมาก ตอนนี้พลังพิเศษภายในร่างกายของเขากำลังปั่นป่วน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพลังทำลายล้างที่กำเริบอยู่ด้านใน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะตายก็ได้!” จางรั่วถงพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

“ปู่ก็พยายามเต็มที่แล้ว แม้แต่ยาหลงสุ่ยก็ใช้ไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถหยุดยั้งการทำร้ายร่างกายที่เกิดจากกระบี่ไท่อาได้ ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ดูวาสนาของเขาแล้ว!” จางอีเต๋อสายหน้าแล้วกล่าวขึ้น

“พี่เทียนเฉินเป็นคนดี พวกเราไม่อาจมองเขาตายไปเฉยๆ ได้ บางทีอาจจะยังมีวิธี หนู…หนูสามารถช่วยเขาได้!” จางรั่วถงมองไปยังเย่เทียนเฉินที่เปลือยท่อนบน นั่งอยู่ในถังไม้ถังใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน พูดออกมาด้วยความปวดใจอย่างแท้จริง

“ไร้สาระ หลานอาจจะช่วยรักษาเขาได้ แต่หลังจากนั้นหลานจะทำยังไง? หลานเป็นหลานเพียงคนเดียวของปู่ หลานทำแบบนี้ต้องการจะแต่งงานให้เขาหรือไง? เราต้องรู้ว่าคนคนนี้มีนิสัยเหมือนอันธพาลและเทพสังหาร ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายก็มีไม่น้อย รั่วถง ปู่ไม่เห็นด้วยที่หลานจะเสียสละขนาดนี้เพื่อช่วยไอ้หนูนี่!” จางอีเต๋อพูดค้านออกมาในทันที

………….