ตอนที่ 563

Elixir Supplier

563 ผมไม่ใช่พระพุทธเจ้า

 

“ตอนนี้ อาการเธอแย่ยิ่งกว่าแม่ของเธอซะอีก” หมอพูด “คนป่วยแบบเธอไม่ควรไปดูแลคนป่วยอีกคน เธอจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้ดีซะก่อน แล้วถึงจะไปดูแลคนอื่นได้ จริงไหมครับ?”

 

คนในครอบครัวของเวินหว่าน พยายามขอร้องให้เธอกลับไปพักที่บ้าน ทันทีที่เธอกลับไปถึงบ้าน เธอก็รู้สึกไม่สบายและนอนหมดแรงอยู่บนเตียง ในตอนที่ดูแลแม่ของเธอที่โรงพยาบาล เป็นเพราะความมุ่งมั่นที่ทำให้เธอไม่ทรุดลงไปก่อน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ความมุ่งมั่นก็ได้หายไปด้วย เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ไม่นานหลังจากกลับมาบ้าน เธอก็ต้องถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล

 

เป็นเรื่องบังเอิญที่หมอนั้นรู้จักเธอ เขาพบว่า เรื่องทั้งหมดมันดูแปลกพิลึก

 

“จะให้ผมพูดกับเธอยังไงดีล่ะ?” หมอถาม

 

เวินหว่านป่วยหนักมาก เธอจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน อาการของเธอเหมือนกับที่หมอได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ มันคล้ายกับดินภูเขาที่ทรุดตัวลง มันทั้งดุดันและกะทันหัน ทันทีที่เธอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เธอก็ถูกส่งตัวไปที่ห้องฉุกเฉินในทันที เธออยู่ในอาการโคม่าแล้ว

 

หลังจากที่ได้ข่าวของเวินหว่าน ศาสตราจารย์ลู่ก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก เขาจึงรีบโทรไปหาหวังเย้าในทันที แต่ในขณะนั้น หวังเย้ายังคงอยู่บนเครื่องบินอยู่ ศาสตราจารย์ลู่จึงไม่สามารถติดต่อหวังเย้าได้ และเมื่อศาสตราจารย์ลู่ได้รับสายจากหวังเย้า ความกังวลของเขาก็ค่อยๆลดลงไป

 

“หมอช่วยมาดูอาการของเธอหน่อยได้ไหมครับ?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม

 

“ผมต้องขอโทษด้วยครับ” หวังเย้าพูด

 

แม้แต่ความเมตตาจากพระพุทธเจ้าก็ไม่อาจจะเรียกหาได้ แล้วหวังเย้าก็ได้เตือนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เธอก็ไม่ฟัง ดังนั้น เธอก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง

 

“เอ่อ…” ศาสตราจารย์ลู่รู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง อาการของเวินหว่านอยู่ในจุดที่สามารถจากไปได้ทุกเมื่อ “ได้โปรดเถอะ! ผมขอร้องล่ะ!”

 

“ผมขอโทษด้วยจริงๆ” หวังเยาพูด

 

ถึงแม้ศาสตราจารย์ลู่จะเป็นเพื่อนของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเวินหว่านไปมากกว่านี้แล้ว

 

“แล้วผมจะทำยังไงดี?” ศาสตราจารย์ลู่ถาม

 

“พาเธอไปโรงพยาบาล ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายแล้วนะครับ” หวังเย้ากดวางสาย

 

การที่เธอคอยดูแลแม่ที่ป่วยทั้งๆที่เธอก็ป่วยอยู่เช่นกัน มันดูเหมือนว่าเธอจะเป็นลูกสาวที่กตัญญูอย่างมาก แต่นั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลยสักนิด เวินหว่านพยายามดูแลแม่ของเธออย่างสุดความสามารถ แต่เธอไม่คิดบ้างเลยว่า แม่ของเธอจะรู้สึกยังไงหากเธอตายก่อนเป็นคนแรก แม่ของเธอจะทนรับเรื่องนี้ได้เหรอ? แล้วถ้าหากเธอเกิดเสียใจจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปขึ้นมาล่ะ?

 

หวังเย้าไม่ได้รีบร้อนกลับบ้าน เขาพักอยู่ที่ห่ายชิวก่อน และกลับบ้านในเช้าของอีกวัน

 

เมื่อเขาไปถึงที่หมู่บ้าน ก็เห็นว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งกำลังคุยอยู่กับพ่อแม่ของเขา

 

“พ่อ แม่ ผมกลับมาแล้วครับ” หวังเย้าพูด “สวัสดีครับ คุณลุง”

 

“สวัสดี เสี่ยวเย้า”

 

“ไปพักสักหน่อยสิจ๊ะ ลูกคงจะเหนื่อยมากแล้ว” จางซิวหยิงพูดด้วยความเป็นห่วง

 

“ผมยังสบายดีครับ ผมมาถึงห่ายชิวตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็นอนค้างที่นั่นด้วย” หวังเย้าพูด

 

“เสี่ยวเย้า เธอไปต่างจังหวัดมาเหรอ?” ชายชาวบ้านถามเขาด้วยรอยยิ้ม

 

“ครับ ผมเพิ่งไปต่างจังหวัดมา ถ้าอย่างนั้นผมไม่อยู่รบกวนทุกคนแล้วนะครับ” หวังเย้าเดินเข้าไปในห้องของเขา

 

“จะเอาเท่าไหร่เหรอ?” หวังเฟิงฮวาถาม

 

“สามหมื่น” ชายชาวบ้านพูด

 

“ได้ แต่ต้องรอพรุ่งนี้ก่อนนะ” หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง หวังเฟิงฮวาก็พูดออกมา

 

“อ้อ ขอบคุณมากๆ” ชายชาวบ้านพูด

 

ยืมเงินงั้นเหรอ? หวังเย้าบังเอิญได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเข้า

 

หลังจากอยู่คุยกับพ่อแม่ของเขาได้อีกสักพัก ชายชาวบ้านก็กลับไป

 

“พ่อ เขามายืมเงินพ่อเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ ลูกชายของเขามีกิจการของตัวเอง แล้วพวกเขาต้องการเงินด่วนน่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด

 

“มีกิจการของตัวเองเหรอ?” หวังเย้าจำได้ลางๆว่า หวังหมิงเปาเคยอพูดกับเขาว่า ลูกชายของคุณลุงคนเมื่อกี้ทำงานอยู่ในโรงงาน เขาไม่รู้เลยว่า ชายหนุ่มไปเปิดกิจการของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่

 

มันเป็นเรื่องง่ายเมื่อเอาเงินให้คนอื่นยืม แต่มันยากมากกว่าที่จะได้เงินก้อนนั้นคืนมา

 

ถึงหวังเย้าจะมีเงิน แต่เขาก็ไม่คิดจะให้ใครยืมง่ายๆ นอกจากว่าคนคนนั้นจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจถือเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะทำให้คนที่ยืมต้องเสียใจ และเขาก็ไม่อยากจะทำเรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้นด้วย

 

“พ่อ แม่ ผมไม่อยากจะพูดอะไรไม่ดีหรอกนะครับ แต่ในอนาคตพยายามอย่าให้ใครยืมเงินเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ถ้าเขาสามารถจัดการปัญหานี้ได้เอง เขาก็คงไม่มาคุกเข่าขอยืมเงินหรอก” หวังเฟิงฮวาพูด

 

หวังเย้าไม่ได้พูดอะไรอีก เขารู้ดีว่า พ่อแม่ของเขาเป็นคนใจอ่อนเกินไป

 

“แล้วไปปักกิ่งคราวนี้ เป็นยังไงบ้างล่ะ?” หวังเฟิงฮวาถาม

 

“ก็ดีครับ” หวังเย้าพูด

 

“ตอนที่ลูกไม่อยู่ มีคนมาที่คลินิกตั้งหลายคน” หวังเฟิงฮวาพูด

 

“พวกเขาพากันมาที่นี่รึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ไม่มี” หวังเฟิงฮวาพูด

 

“ก็ดีครับ” หวังเย้าไม่ต้องการให้คนไข้ของเขามารบกวนชีวิตที่สงบสุขของพ่อแม่เขา “ไว้บ่ายนี้ ผมค่อยเข้าไปที่คลินิก”

 

เขาไปที่คลินิกหลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ในตอนบ่าย มีคนไข้มาหาเขาหกคน

 

หนึ่งในพวกเขามาด้วยอาการปวดศีรษะ อีกคนมาด้วยอาการปวดขา ส่วนอีกคนก็มาด้วยอาการอ่อนเพลีย โรคเหล่านี้สามารถรักษาได้ไม่ยาก

 

“ดูเหมือนคุณจะปวดหัวมาได้ซักพักแล้วนี่ครับ” หวังเย้าพูด “คุณเริ่มมีอาการมาตั้งแต่วันที่สองของตรุษจีนแล้วใช่ไหมครับ?”

 

“หมอพูดถูกแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ แต่ยิ่งนานมันก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ” ชายวัยประมาณ 30 พูด

 

“งั้นเชิญนั่งก่อนเลยครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาหยิบเข็มออกมาสามเล่ม และแทงเข็มลงไปที่จุดฝังเข็มสามจุดในบริเวณศีรษะของชายคนนั้น จากนั้น หวังเย้าก็นวดศีรษะให้กับเขา

 

“ตอนนี้ คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม หลังการรักษาจบแล้ว

 

“โอ้ ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะ! แล้วก็ไม่ปวดหัวอีกแล้วด้วย” ชายคนนั้นพูดด้วยความประหลาดใจ “แล้วผมยังรู้สึกอุ่นๆอยู่ในหัวอีกด้วย หมอ ที่ผมปวดหัว มันเป็นเพราะอะไรเหรอ?”

 

“ในวันที่สองของตรุษจีน คุณได้ไปที่หลุมศพมารึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ไปครับ” ชายคนนั้นพูด

 

ตามธรรมเนียมของคนในท้องถิ่น พวกเขามักจะไปเคารพหลุมศพของบรรพบุรุษในวันที่สองของตรุษจีน แต่ละที่จะต่างกันก็แค่พิธีการบางอย่างเท่านั้น เหมือนอย่างที่คนสมัยก่อนพูดเอาไว้ว่า ต่างที่ต่างประเพณี

 

“แล้ววันนั้น อากาศก็เย็นมากด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ วันนั้นที่หลุมศพมีลมพัดแรงมาก แล้วผมก็ลืมใส่หมวกไปด้วย มันหนาวมากเลยล่ะ” ชายคนนั้นพูด

 

“หลังกลับมาจากที่นั่น คุณได้ดื่มเหล้าเข้าไปด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

หลังจากที่ไปเคารพหลุมศพของบรรพบุรุษแล้ว ชาวบ้านมักจะชอบตั้งวงดื่มเหล้ากันเสมอ แล้วมันยังอยู่ในช่วงของเทศกาลตรุษจีนอีกด้วย ดังนั้น ผู้คนจึงดื่มกันเต็มที่ ตรุษจีนคือช่วงเวลาที่ญาติมิตรได้มารวมตัวกัน การดื่มมากอีกสักหน่อยถือเป็นเรื่องธรรมดาและค่อยนอนพักในตอนกลางวันแทน

 

“ใช่ วันนั้นผมดื่มไปมากกว่าสามแก้วเลยล่ะ” ชายคนนั้นพูด

 

“ผมเดาว่า คุณไม่ได้แค่ดื่มวันนั้นแค่วันเดียวด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม

 

ชายคนนี้มีปัญหาทั้งในกระเพาะและตับของเขา อาการของเขาดูแย่มาก ใบหน้าของเขาออกเหลืองเล็กน้อย หวังเย้าสามารถได้กลิ่นของแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขาอย่างชัดเจน เขาค่อนข้างแน่ใจว่า ชายคนนี้ดื่มมาเมื่อคืน และเขาอาจจะติดเหล้าด้วย

 

“ถูกแล้วล่ะหมอ คุณก็เห็น ผมไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นเลย นอกจากดื่มเหล้า” ชายคนนั้นพูด “แล้วดื่มเหล้ามันเกี่ยวกับอาการปวดหัวของผมยังไงเหรอ?”

 

“ตอนที่คุณไปไหว้หลุมศพเป็นช่วงที่ลมแรงมาก มันก็เลยทำให้คุณเป็นหวัด หลังจากนั้น คุณก็ดื่มเหล้าติดต่อกันหลายวัน แอลกอฮอล์เลยเข้าไปทำลายกระเพาะและตับของคุณ แล้วมันยังส่งผลถึงสมองของคุณด้วย อาการของคุณสะสมมานานกว่า 10 วัน ดังนั้น อาการปวดหัวของคุณก็เลยยิ่งแย่ลงไปอีก” หวังเย้าพูด

 

“ผมเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเข้าเค้าอยู่นะ” ชายคนนั้นพูด

 

“ผมเดาว่า คุณคงจะไม่ใช่แค่ปวดหัวอย่างเดียวด้วยใช่ไหมครับ คุณยังเจ็บตรงนี้ด้วยใช่ไหม?” หวังเย้าชี้ไปที่อกด้านขวาของชายคนนั้น

 

“ใช่ มันเจ็บเป็นพักๆน่ะ” ชายคนนั้นตอบ “มันเป็นเพราะอะไรเหรอหมอ?”

 

“เพราะคุณดื่มเหล้ามากเกินไป มันเลยส่งผลถึงตับของคุณด้วยยังไงล่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

ชายคนนี้อยู่ในช่วงอายุประมาณ 30 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เขาควรที่จะมีสุขภาพดีและแข็งแรง ถ้าหากเขาดูแลตัวเองดีดี แล้วทานอาหารที่ดีและมีพฤติกรรมที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ เขาก็จะสามารถคงความแข็งแรงของร่างกายเอาไว้ได้ในระยะยาว แต่คนจำนวนมากกลับไม่สามารถทำได้จากหลายสาเหตุ เช่น การทำงาน พวกเขาสูบบุหรี่, ดื่มเหล้า, นอนดึก, หรือมีเซ็กส์มากเกินไป พวกเขาคิดว่า ตัวเองแข็งแรงพอที่จะทำอะไรตามใจชอบได้ สุดท้ายแล้ว สุขภาพของพวกเขาก็เริ่มแย่ลง พวกเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย เป็นหวัดง่ายขึ้น หรือปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุและที่มาที่ไปของมัน

 

“แล้วผมต้องทำยังไงดี? หมอช่วยจ่ายยาให้ผมได้ไหม?” ชายคนนั้นถามขึ้นมาด้วยความกังวล

 

“ยาเหรอ?” หวังเย้ายิ้ม “อันดับแรก คือคุณต้องหยุดดื่มเหล้าให้ได้ก่อน”

 

ถ้าหากเขายังไม่หยุดดื่ม ก็ไม่มียาตัวไหนที่จะช่วยเขาได้

 

“ผมจะทำใหได้” ชายคนนั้นรีบพูด

 

“แต่คุณเพิ่งดื่มไปเมื่อคืนนี้เองนะ” หวังเย้าพูด

 

“เอ่อ แค่นิดหน่อยเอง” ชายคนนั้นพูด

 

“นิดหน่อยเหรอ? แล้วทำไมกลิ่นเหล้าตามตัวคุณถึงได้แรงขนาดนี้ล่ะ?” หวังเย้าถาม “ช่างเถอะ กลับบ้านได้เลยนะ คนต่อไป!”

 

หลังจากจ่ายค่ารักษาเสร็จ ชายคนนั้นก็ออกไปจากคลินิก

 

คนไข้คนต่อมาเป็นชายชราวัยประมาณ 70 มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนวัยนี้ที่จะมีอาการปวดขา

 

“คุณลุงยังปีนเขาอยู่บ่อยๆไหมครับ?” หวังเย้าถาม เขามองดูมือที่หยาบกระด้างของชายชรา “อาการปวดเกิดจากร่างกายที่เสื่อมโทรมลง ผมจะจ่ายยาให้คุณลุงไป แล้วคุณลุงก็ต้องพักผ่อนบ้างนะครับ”

 

“ได้ๆ ขอบคุณนะ” ชายชราพูด

 

หวังเย้าเขียนสูตรยาลงไป มันมีส่วนผสมของหงฮวา, โท้วกู่เฉา, กานเฉา, ตังกุย, ตู๊อีเว่ย

 

“เอาสมุนไพรพวกนี้ไปต้มนะครับ คุณลุงสามารถดื่มยา แล้วก็เอาสมุนไพรพวกนี้ไปโป๊ะขาของคุณลุงได้ด้วย” หวังเย้าพูด

 

“ได้ ขอบคุณมาก” ชายชราพูด

 

“พยายามอย่าให้เขาทำอะไรที่มันหนักเกินไปนะครับ” หวังเย้าพูดกับผู้หญิงที่มาด้วยกันกับชายชรา

 

ร่างกายของมนุษย์เป็นเหมือนกับเครื่องจักร เมื่อเครื่องจักรทำงานติดต่อกันเป็นเวลาหลายสิบปี โดยที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ปัญหาก็จะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากไม่ทำการซ่อมแซม มันก็จะหยุดการทำงานลงในวันหนึ่ง