บทที่ 45 ติดกับแล้ว

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

ภายในป่าเงียบสงัดแห่งหนึ่ง ใต้เงาจันทร์ยามค่ำคืน โขดหินสะท้อนแสงจันทร์ระยิบระยับ กระแสน้ำกระทบโขดหินเป็นเกลียวคลื่น หากเปลี่ยนเป็นสมัยโบราณ สถานที่แห่งนี้คงเหมาะแก่การแต่งบทกวีอย่างมาก

เวลานี้ มีหญิงงามสามคนกำลังร่ายรำท่ามกลางน้ำพุบนภูเขาอาบแสงจันทร์แห่งนี้

ด้วยท่าทางและรูปร่างงามสง่า พวกเธอราวกับเทพเซียนที่ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ กานำมาเทียบกับมนุษย์สามัญชนย่อมเป็นเรื่องยากอย่างที่กวีเช่นหลี่ไป๋เคยกล่าวไว้ ‘หากไม่ได้พบนางที่ยอดเขาฉวินอวี๋ คงจะได้พบภายใต้แสงจันทร์ของเหยาฉื่อ’

ไม่ไกลจากหญิงงามทั้งสามที่กำลังร่ายรำ มีชายหนุ่มแข็งแกร่งคนหนึ่ง กำลังมองดูพวกเธอพร้อมกับกินเนื้อหัวหมูและถั่วลิสงไปด้วย

หากเป็นคนทั่วไปเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกเขาคงจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ แต่ในสายตาของฟางหนิง กลับไม่เป็นเช่นนั้น

เพราะเทพแห่งระบบได้ทำการเบิกเนตร “มองเห็นทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง” จึงทำให้เขาซึ่งมีความสามารถในการมองเห็นแบบลึกซึ้งถึงแก่นแท้เป็นการชั่วคราว ในตอนนี้ได้เห็นสิ่งที่ต่างไปจากคนธรรมดาอย่างสิ้นเชิง

ภายใต้แสงจันทร์ จะมีเทพเซียนลงมาจุติลงบนพื้นโลกได้ยังไงกัน? ในทางกลับกัน เขากลับมองหญิงงามทั้งสามเป็นหนูอ้วน ตัวใหญ่ ท่าทางน่ากลัว กำลังร่ายรำอย่างด้วยความยืดยาดและน่าเกลียด

ในสถานการณ์แปลกประหลาดนี้ กลิ่นเลือดที่เขาสัมผัสได้จากหนูยักษ์เหล่านั้น กลับเผยให้เห็นถึงความน่ากลัวบางอย่าง

ภายในพื้นที่ระบบ

“โฮสต์ พื้นที่สีแดงและสีดำที่แสดงบนแผนที่ระบบนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของอ่างอาบน้ำ ซึ่งเล็กกว่าขนาดเดิมถึงครึ่งหนึ่ง โฮสต์พูดถูกแล้ว ยิ่งปีศาจทั้งสามตัวนี้ร่ายรำท่าทางพึลึกนานเท่าไร ความแข็งแกร่งของพวกมันก็จะลดลงด้วย แปลกจริงๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันแข็งแกร่งมาก ในตอนแรกพวกมันแข็งแกร่งเกือบเท่าปีศาจที่มาเยือนครั้งล่าสุด มันมีขนาดเท่ากับอ่างอาบน้ำทั้งอ่าง และตัวที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังแข็งแกร่งกว่าปีศาจก่อนหน้านี้มาก แต่หลังจากเรื่องไร้สาระผ่านไป เมื่อพวกมันเริ่มร่ายรำ ก็ไม่ยอมเผชิญหน้ากับเราโดยตรง? โฮสต์คิดว่าพวกมันโง่ไหม?” ระบบเอ่ยถาม

“หึ พวกมันไม่ได้โง่หรอก พวกมันฉลาดเกินไปต่างหากล่ะ สิ่งที่พวกมันคิดผิดก็คือ พวกมันไม่ได้คาดคิดว่าร่างกายของฉันถูกระบบควบคุม ถ้าฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาจริง ๆ ล่ะก็ ไม่มีทางมองเห็นร่างกายแท้จริงของพวกมันได้แน่นอน ฉันเกรงว่าการร่ายรำของพวกมันต้องทำให้ผู้คนเข้ามาติดกับแน่ ถึงเวลานั้นเราจะสูญเสียความตั้งใจ เหมือนเนื้อที่วางอยู่บนเขียง พร้อมให้มันฆ่าและกินไปง่ายๆ พวกมันแข็งแกร่งมากและทำความผิดบาปเยอะนัก หากพวกมันปฏิเสธว่าไม่เคยกินคน ฉันไม่มีทางเชื่อหรอก” ฟางหนิงตอบ

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง โชคดีที่พวกมันคิดว่าตัวมันเองฉลาด ไม่อย่างนั้น หากพวกเราโจมตีพวกมันทั้งสามตัวทันที ต้องมีหนึ่งหรือสองตัวในพวกมันหนีไปได้แน่ๆ”

ฟางหนิงยิ้มภาคภูมิใจ “นี่คือความสำคัญของข้อมูลที่ทำให้เราได้เปรียบ พวกมันไม่รู้รายละเอียดของเรา ยังคงคิดว่าตัวเองได้เปรียบอยู่ และคิดว่าสามารถสะกดจิตเราได้ แต่พวกมันติดกับเราแล้ว ที่ทำไปทั้งหมดทั้งสิ้นเปลืองพลังและเป็นการฆ่าตัวตาย เมื่อความแข็งแกร่งของพวกมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกมันวิ่งช้าลง แค่ใช้พลังมังกรเพลิงโจมตีก็สามารถจัดการพวกมันได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ใช้กระบวนท่าพิเศษ”

ขณะนี้ หนูยักษ์สามตัวที่ยังไม่รู้เรื่องราวต่างกำลังกระโดดโบกมือให้กันและกัน และแอบคุยกันเงียบๆ

หนูตัวที่หนึ่งพูดว่า “พวกเราใช้พลังเวทร่ายรำสวรรค์มาเป็นเวลานานแล้ว มนุษย์ทั่วไปต้องหลงไปกับการร่ายรำของเราตั้งแต่เริ่มต้น ติดอยู่กับภาพมายาของเทพธิดา เสียสติ และเข้าไปในดินแดนกิเลสตัณหา ความชอบธรรมได้ถูกกำจัดไปหมดสิ้นแล้ว แต่ทว่าสีหน้ามนุษย์ผู้นี้ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังคงกินเนื้อ เขาไม่หลงกลในภาพของเทพธิดาเลยแม้แต่น้อย ช่างน่าโมโหเสียจริง! ถ้าหากมนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนเขา จะมีพื้นที่สำหรับตระกูลของข้าในโลกนี้ได้อย่างไร!”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ข้าเหนื่อยจากการร่ายรำแล้ว พวกเจ้าอยากพักก่อนไหม?” หนูตัวรองถามขึ้นบ้าง

“พี่รองพูดถูกแล้ว พวกเราพักกันก่อนเถอะ พี่ใหญ่ ข้าใช้พลังเวทต่อไปไม่ไหวแล้ว” หนูตัวสุดท้องเอ่ยเสริม

“ไม่ ดูเหมือนคนผู้นี้จะไม่ธรรมดาเลย ตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถอัญเชิญเทพมังกรตัวจริงได้ ความมุ่งมั่นของเขานั้นไม่ธรรมดา เหนือกว่ามนุษย์คนก่อนๆ มาก เราประเมินเขาต่ำไป แต่พลังการร่ายรำสวรรค์จะต้องถูกเพิ่มให้มากที่สุด แม้ว่าพวกเจ้าจะเผาวิญญาณดั้งเดิมไปแล้ว เจ้าก็ต้องอดทน ยิ่งเขามีพลังมากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความสำคัญต่อเทพมังกรตัวจริงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่มากขึ้นเท่านั้น ตราบใดที่ร่างกายแห่งความชอบธรรมของเขาแตกสลาย มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อกระบวนการผสมพันธุ์ของเทพเจ้ามังกรตัวจริง และส่งผลต่ออันดับของมันหลังจากที่ก่อตัวขึ้น”

“เอาล่ะ อดทนอีกหน่อยก็แล้วกัน เขาต้องแสร้งทำเป็นไม่เป็นอะไร แต่จริงๆ แล้ว เขาไม่สามารถต้านทานได้นานกว่านี้แน่นอน ย่อมมีเมล็ดพันธุ์แห่งความชอบธรรมที่มีความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ เผชิญหน้ากับการร่ายรำสวรรค์ของพวกเรา ต่อต้านได้เนิ่นนาน แต่สุดท้ายก็ต้องตกเข้าสู่ภาพมายาของเทพธิดา เข้าสู่ดินแดนแห่งกิเลสตัณหา หากไม่ใช่เพราะภูมิหลังของเขา ในตอนนั้นเขาคงเป็นอาหารอันโอชะของพวกเราแล้ว”

หนูพี่ใหญ่ใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจน้อง ๆ ทั้งสอง “เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราอดทนกันอีกสักหน่อยนะ คนผู้นี้ไม่มีภูมิหลัง โดดเดี่ยว และดื้อรั้น ตราบใดที่ร่างกายแห่งความชอบธรรมของเขาถูกทำลาย เราจะกินและใช้มันเพื่อเพิ่มพลังของเรา อย่างมากที่สุด ให้รายงานผู้อาวุโสพวกนั้นว่าพวกเขาหยิ่งและดื้อรั้น แล้วหนีไป เรามีตระกูลป๋ายคอยสนับสนุน และจะไม่ให้โอกาสเขาได้เริ่มก่อน ถึงเวลานั้น พี่น้องเอ๋ย พวกเจ้าสามารถกินได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มพลังของพวกเจ้า”

สองพี่น้องตระกูลป๋าย เมื่อได้ยินในสิ่งที่พี่ใหญ่พูด ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกาย ดังนั้นจึงกัดฟันอดทน ปล่อยให้เหงื่อกาฬไหลย้อยแล้วร่ายรำต่อไป…

หากวิญญาณชั่วทั้งสามรู้ว่าในเวลานี้ที่พวกมันกำลังร่ายรำสวรรค์อยู่นั้น ไม่ได้สร้างความสับสนให้กับเทพแห่งระบบแม้แต่น้อย เป็นไปได้ว่าพวกมันอาจกระอักเลือดด้วยความโกรธออกมา

เทพแห่งระบบไม่ตอบสนองต่อแรงกระตุ้นทางกายภาพ และจะไม่มีวันหลงอยู่ในภาพมายาของพวกมันแน่นอน คนก็เหมือนเครื่องจักร ร่ายรำสวยแค่ไหน แต่ก็เหมือนร่ายรำให้คนตาบอดมองอยู่ดี

เมื่อวิญญาณชั่วร้ายทั้งสามร่ายรำจนหมดแรง ในที่สุดหนูพี่ใหญ่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ คนผู้นี้มีสีหน้าแบบเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ ปราศจากอารมณ์ใดๆ

ทันทีที่มันโบกมือ น้องสาวทั้งสองตัวก็เกือบจะทรุดลงกับพื้น

หนูพี่ใหญ่ฉายแววเย็นชาในดวงตา มันกัดฟันเอ่ยด้วยความเดือดดาล “มิน่าล่ะ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เจ้าเป็นคนแรกที่อัญเชิญเทพมังกรที่แท้จริงมาสู่โลก เทพเจ้ามังกรจำแลงตัวจริงที่เป็นรูปเคารพสูงสุดของเสินโจว เทพเจ้ามังกรจำแลงตัวจริงไม่มีผิดแน่ ดีมาก ดีมาก!”

“น้องรอง น้องเล็ก เผาวิญญาณบรรพกาล และฆ่ามันพร้อมกับข้า!”

“หา! หนูผู้น้องทั้งสองใบหน้าซีดเผือด พวกมันรู้ว่าพี่ใหญ่หมายถึงอะไร และนี่เป็นคำสั่งที่สิ้นหวังอย่างยิ่ง แต่อีกฝ่ายสามารถอัญเชิญเทพเจ้ามังกรจำแลงตัวจริงได้ และการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวไม่ได้อยู่ในแผนที่วางไว้

เดิมทีพวกมันวางแผนจะสร้างความสับสนให้คู่ต่อสู้และทำลายความชอบธรรมของคู่ต่อสู้ ตราบใดที่คู่ต่อสู้ ไม่สามารถอัญเชิญมังกรตัวจริงได้ ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ก็ไม่สำคัญ

“เป็นอะไร พวกเจ้ากินมนุษย์มามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากผ่านไป ถึงเวลาที่จะต้องเสียสละชีวิตของพวกเจ้าอุทิศให้กับครอบครัวแล้ว!” หนูพี่ใหญ่จ้องไปที่สองพี่น้องและกำมือแน่น

ฉับพลัน หนูผู้น้องทั้งสองรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก มันจึงยอมผ่อนปรนและพยักหน้าพร้อมกัน

พริบตาต่อมา ร่างมนุษย์ของพวกมันก็สลายหายไป และทันใดนั้น หนูยักษ์สามตัวก็ปรากฏขึ้นระหว่างน้ำพุบนภูเขา แตกต่างไปจากฉากเทพเซียนร่างอ้อนแอ้นเมื่อครู่อย่างลิบลับ ในทางกลับกัน มันทำให้ผู้คนรู้สึกขนหัวลุก

ฟางหนิงเห็นร่างจริงตั้งแต่อยู่ในพื้นที่ของระบบแล้ว ดังนั้นเขาตึงไม่ได้รู้สึกแปลกตามากนัก และไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิดเดียว

แต่แล้วเขาก็นึกถึงความจริงข้อหนึ่งขึ้นมา หญิงทั้งสามเหมือนมนุษย์มาก ไม่มีใครมองพวกเธอออกเลยหรือ? เป็นไปได้หรือ…

แน่นอนว่า พวกเธอต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ ทำงานหนักเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองสินะ

หลังจากคิดได้แบบนั้น ฟางหนิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมา และหันกล้องไปที่ฉากด้านล่างจากมุมมองของระบบ แล้วกดบันทึก

หากเขาคิดไม่ผิด วิดีโอเหล่านี้สามารถขายให้กับคนบางคนได้เงินเป็นจำนวนมากแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วถ่ายเก็บเป็นหลักฐานไว้ก็น่าจะดี

อัศวิน A ไม่กลัวสัตว์ร้ายทั้งสามที่พยายามโจมตีเข้ามาเลยสักนิด ตราบใดที่อัศวิน A ใช้พลังแห่งความชอบธรรมและแปลงร่างเป็นมังกร เขาก็จะสามารถปราบมันด้วยพลังของมังกรแท้จริวได้ ล้มคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

เวลานี้ร่างของเขาลอยอยู่ในอากาศราวกับเทพเซียน ดวงตากวาดมองไปยังสิ่งชั่วร้ายทั้งสามด้านล่าง

“กลางวันแสกๆ แท้ๆ วิญญาณร้ายกลับก่อเรื่องวุ่นวาย พวกเจ้าต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก!”

………………………………………………….