บทที่ 308 ผู้รอดตายรังแกฉัน!
น่าขนลุก!
ภาพนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนอย่างชัดเจน
โอรสสวรรค์เผ่าทะเลห้าคน ทุกคนมีศักยภาพระดับผู้สูงศักดิ์ขึ้นไป
ไม่ว่าจะอยู่เผ่าพันธุ์ใด ระดับพลังเหนือว่าผู้สูงศักดิ์ก็เป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสูง
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดค่ายกลเบิกฟ้า ไม่ว่าปีศาจใดหรือสมบัติใดล้วนอ่อนแอจนเหมือนเรื่องตลก ต้านรับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
หมอกเบิกฟ้าหมุนม้วนเข้ามา ไม่ว่าจะใช้ยอดวิชาหรือสมบัติลับสะท้านโลกอะไรก็ไร้ผล พลันถูกหมอกเบิกฟ้าแยกและหลอมละลายเป็นอากาศธาตุ
ต่อให้ทะลวงเขตแดนทะเลเบิกฟ้าเข้าไปได้ ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะโดนสาปกลายเป็นสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญา
“พวกเขาน่าจะอายุเกินห้าร้อยปีแล้ว ยังคิดจะแอบเนียนเข้าไปในยอดค่ายกลเบิกฟ้าอีก”
นัยน์ตาองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนดูหมดความอดทนเสี้ยวหนึ่ง “ทุกครั้งที่เกาะดาราเบิกฟ้าเปิด จะต้องมีโอรสสวรรค์เช่นนี้”
ไม่ว่าโลกใดก็ต้องมีคนที่รู้ทั้งรู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ
เขตทะเลเบิกฟ้าจะเปิดรับเฉพาะโอรสสวรรค์อายุต่ำกว่าห้าร้อยปีเท่านั้น หากเกินห้าร้อยปีก็จะโดนยอดค่ายกลโจมตี
แต่ต่อให้รู้ทั้งรู้ก็ยังมีโอรสสวรรค์เผ่าทะเลมากมายยับยั้งความละโมบต่อเขตทะเลเบิกฟ้าไม่ได้ คิดหาทางตีเนียนผ่านเข้าไป
อย่างเช่น ‘นิพพานฝึกบำเพ็ญใหม่’ ‘เปลี่ยนอายุกระดูก’ ‘ยึดร่างเกิดใหม่’ รวมถึงฝึกวิชาลับต้องห้ามบางอย่าง
ความเป็นจริง การใช้วิชาลับพวกนี้บุกเกาะดาราเบิกฟ้า ในประวัติศาสตร์ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเคยทำสำเร็จมาก่อน ในทางตรงข้ามยังมีตัวอย่างประสบความสำเร็จไม่น้อย
แทบทุกครั้งที่เกาะดาราเบิกฟ้าเปิด จะเกิดเหตุการณ์ว่าใครต่อใครอายุเกินห้าร้อยปีแล้ว แต่ยังเข้าไปในค่ายกลสำเร็จ
แต่วิธีของเจ้าพวกนี้ไม่เหมือนนักผจญภัยคนอื่นๆ เลย
เหมือนว่าจะตีเนียนผ่านไปได้หรือไม่ ต้องดูว่าโชคดีหรือไม่ต่างหาก
อืม ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะโชคไม่ดี ต่างคิดว่าตัวเองเป็นบุตรแห่งโชคกันทั้งนั้น
เพราะเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่เกาะดาราเบิกฟ้าเปิดจะมีหลายคนที่ไม่มีทางเลือกจึงต้องเสี่ยง นี่เป็นเรื่องที่เห็นจนชินตาไปนานแล้ว
ได้แต่บอกว่าผู้รอดตายรังแกฉัน
…….
“ปีศาจดีๆ เหตุใดถึงกลายเป็นปลาน้อยกัน”
เมื่อเห็นลูกปลาที่พุ่งในคลื่นทะเล กระทั่งยังมีความสุขซื่อๆ นั้น อู่อู๋ตี๋สนใจเป็นอย่างมาก
ตัวเขาลงมาหน้าปลาน้อยตัวนั้น สำแดงวิชาดูดน้ำทะเลที่ปลาน้อยอยู่เข้ามา ก่อนพิจารณามองมันด้วยความแปลกใจ
พบว่าปลาน้อยมีเกล็ดสีเงินทั้งตัว มีเพียงเกล็ดส่วนหางที่เป็นสีแดง ดูเหมือนปลาหลีฮื้อนิดๆ ทั่วร่างไม่มีกลิ่นอายพลังของผู้แข็งแกร่งเลย
ราวกับว่านี่เป็นปลาธรรมดาๆ เท่านั้น
เขายื่นกรงเล็บเต่าออกไปจิ้มหางปลาน้อย “ไม่รู้ว่าปลาที่เกิดจากคำสาปของหมอกเบิกฟ้าจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่”
คุณชายไป๋แห่งเผ่าเทพหมึกยักษ์พูดด้วยความจนปัญญา “เคยมีคนลองนำปลาต้องสาปออกจากเขตทะเลเบิกฟ้า ปรากฏว่าปลานั่นกลายเป็นอากาศธาตุ”
“ปล่อยมันไปเถอะ! ในเมื่อพวกเขาเสี่ยงตายฝ่ายอดค่ายกลนี้ ก็น่าจะเตรียมตัวโดนยอดค่ายกลโจมตีไว้แล้ว ถึงอย่างไรแม้ทุกครั้งจะมีคนผ่านไปได้สำเร็จ แต่คนที่พลาดก็มีมากกว่าเก้าส่วนเสียอีก”
คุณชายอู่หมดความสนใจไปแล้ว “พูดเช่นนี้ ปลานี่พิการแล้วหรือ”
คุณชายไป๋กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “อย่าเบาใจเชียว ถึงปลานี่จะสิ้นสติปัญญา แต่ระดับพลังก่อนแปลงร่างยังอยู่…”
พรูด~
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ก็เห็นปลาน้อยที่คุณชายอู่ดูดไว้กลางอากาศพลันพ่นน้ำทะเลใส่หน้าคุณชายเต่าดำอู่อู๋ตี๋
จากนั้นปลาน้อยใช้หางสีแดงฟันใส่อู่อู๋ตี๋อีกที
ตอนนี้ห้วงอากาศพังทลายลง ทุกคนเหมือนเห็นดาบยาวสีชาดฟันใส่อู่อู๋ตี๋
อู่อู๋ตี๋ยังไม่ทันเช็ดน้ำบนใบหน้าสะอาด ดาบยาวนั่นก็ฟันใส่กระดองเต่าเขา เกิดสะเก็ดไฟสว่างจ้าแตกกระเซ็น
บึ้ม~
อู่อู๋ตี๋ถูกหางปลาฟาดกระเด็นออกไปร้อยจั้ง กระดองเต่าตรงหน้าอกเกิดรอยร้าวชัดเจน กระทั่งเห็นเนื้อเต่าขาวๆ
ส่วนใบหน้าของอู่อู๋ตี๋เกิดรอยชัดเจนเช่นกัน เหมือนกับโดนคนเอาส้นรองเท้าฟาด
เจ้าชายแห่งเผ่าเทพเต่าดำผู้ยิ่งใหญ่โดนฟาดจนหัวโน
จู่ๆ ก็โดนปลาหลีฮื้อน้อยฟาดหน้าบวม ทำให้คุณชายเต่าดำอู่อู๋ตี๋โกรธจนตัวสั่นไปหมด
“ว้ากๆๆๆๆ!”
เลือดลมทั่วร่างเดือดพล่าน กระดองเต่าสองด้านบนตัวอู่อู๋ตี๋เปล่งแสงพร้อมกัน ระเบิดแสงเทพสีดำสว่างจ้า
เหมือนกับดวงตะวันสีดำดวงหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเหนือมหาสมุทร ทำให้คนรู้สึกถึงแรงกดดันรุนแรง
“เป็นปลาแล้วยังกล้าหยาบคายใส่ข้ารึ ดูหมัดเทพราชันอหังการของข้า!”
คุณชายเต่าดำอู่อู๋ตี๋ดูเหมือนเป็นแค่เด็กหนุ่มก็จริง อายุมากกว่าเอ๋าอูนิดเดียวเท่านั้น แต่ระดับพลังของเขาค่อนข้างแข็งแกร่งเลย ตอนนี้สำแดงหมัดเทพราชันอหังการวิชาลับที่ไม่เผยแพร่ของเผ่าเทพเต่าดำ สองหมัดพลันเปล่งแสงสว่างมากขึ้น
ปัง!
ปังๆๆ!
ปังๆๆๆๆ!
อู่อู๋ตี๋ออกทุกหมัด ไอหมัดจะรวมเป็นศีรษะเต่าดำมหึมาชกใส่ปลาน้อยนั้น
แม้ระดับพลังของเขาจะอยู่เพียงกายทอง แต่กำลังรบแท้จริงกับความชำนาญในวิชาหมัดไม่อ่อนแอเลย ต่อต้านกับระดับผู้สูงศักดิ์ส่วนใหญ่ได้จริงๆ
เวลานี้ ปลาน้อยนั่นถูกเต่าดำหมัดเทพราชันอหังการของอู่อู๋ตี๋กระแทกตกลงไปกลางทะเล
ก็แค่นี้ เผ่าเทพเต่าดำชำนาญการป้องกันมากที่สุด ในด้านการโจมตีไม่ถือว่าน่าตกใจ สุดท้ายก็ยังเอาปลาน้อยนั่นไม่ลง
มันตกลงน้ำแล้วก็มุดหายไปในก้นทะเล สะบัดหางไปไม่ทิ้งคลื่นน้ำ
เพียงแค่ฝากรอยบนใบหน้าอู่อู๋ตี๋อย่างชัดเจน
……..
“หลังจากเจ้านี่โดนยอดค่ายกลเบิกฟ้าเปลี่ยนร่างแล้ว กำลังรบไม่อ่อนแอลงเลย!”
เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วงตรงระหว่างคิ้วของฉีเซ่าเสวียนขยับแสงสว่างเทพ เหมือนจะส่องอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พบ
“แซ่ฉีใช้เนตรสวรรค์ตรวจสอบแล้ว ปลาน้อยนั่นดูเหมือนจะไม่เผยกลิ่นอายพลังใดๆ เลย ราวกับว่าเป็นเพียงปลาธรรมดาเท่านั้น”
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง “แปลก แปลกมาก! สหายเสิ่น เจ้ามองอย่างไร”
เสิ่นเทียนตอบนิ่งๆ “ก็อย่างที่ผู้อาวุโสเผ่ามังกรบอก ในเขตทะเลเบิกฟ้าอาจจะปรากฏสิ่งมีชีวิตประหลาดได้ทุกที่ อีกทั้งยังไม่ต่างอะไรกับสัตว์ปกติอีก ดังนั้นขณะที่ทุกคนเดินทางจะต้องระวังให้มาก จำไว้ว่าอย่าบุ่มบ่าม ไม่เช่นนั้นเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ จะยุ่งยาก”
อวี้เผียนเซียนพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโอนอ่อนผ่อนตาม “เผียนเซียนจะฟังสหายเสิ่นทุกอย่าง”
อืม ดูเหมือนยังมีความหลงใหลอยู่นิดๆ ด้วย
ท่าทีเช่นนี้เทียบกับท่าทีที่ปฏิบัติกับเหล่าโอรสสวรรค์คนอื่นในหอเสียงสวรรค์ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้หลายคนเปรี้ยวจนฟันแทบร่วง
สี่คุณชายใหญ่มองเสิ่นเทียนอย่างคับแค้นใจ สารภาพตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นมิตรกับเกาะมังกรดำ ตอนนี้คงจะอดใจร่วมกับกองกำลังของคุนหมิงไม่ได้แล้ว
เจ้าเผ่ามนุษย์นี่หน้าตาดีไม่เท่าไร ทำร้ายเผ่ามนุษย์ไม่พอ จะมาทำร้ายเผ่าปีศาจถึงทะเลอุดรอีกหรือ
คิดว่าปีศาจบุรุษของทะเลอุดรหาคู่ครองกันได้ง่ายจริงๆ รึ
เสิ่นเทียนมองหน้าผากของอวี้เผียนเซียนก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อทุกท่านเชื่อแซ่เสิ่น เช่นนั้นก็ตามแซ่เสิ่นมาเถอะ!”
พูดจบ ก็มีปีกเทพทองคำคู่หนึ่งงอกมาจากข้างหลังเสิ่นเทียน ก่อนจะบินไปทางตะวันออกของเขตทะเลไร้ที่สิ้นสุด
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าตนถูกจำกัดในเขตทะเล
ความเร็วของทองคำเซียนปีกปักษาใช้ได้ไม่ถึงหนึ่งถึงสองส่วนสิบ อีกทั้งยังต้องระวังหมอกเบิกฟ้าอีก
แม้จะมีหมอกเบิกฟ้ากระจัดกระจายในอากาศไม่มาก แต่การหลบก็ยังยุ่งยากมาก เจออันตรายได้ง่ายมาก
ทุกคนอ้อมตะวันออกอ้อมตะวันตกตามเสิ่นเทียน เจอหมู่เกาะระหว่างทางไม่น้อย
หมู่เกาะรอบนอกพวกนั้นส่วนใหญ่จะมีเพียงหมอกเบิกฟ้าเบาบางวนเวียนอยู่ แทบจะไม่มีอันตรายใดๆ สำหรับนักผจญภัย และเพราะเหตุนี้เองจึงมีผู้แย่งชิงกันเยอะมาก
หลังจากผ่านการแย่งชิงกันมาไม่รู้นานเท่าไร ปกติจะไม่มีสมบัติล้ำค่าอะไรแล้ว ไม่มากพอจะทำให้เสิ่นเทียนสนใจ
…….
เมื่อทุกคนเข้าไปในเขตทะเลลึกขึ้นเรื่อยๆ ระดับความหนาของหมอกเบิกฟ้าก็เริ่มหนาขึ้น
หากมองไปสุดสายตา ห่างไปหลายร้อยลี้จะดูสุดลูกหูลูกตา แทบจะแยกเหนือใต้ออกตกได้ยากมาก
หากไม่ใช่เพราะโอรสสวรรค์ที่เข้ามาฝึกฝนพกศิลาตำแหน่งมาด้วย อาศัยศิลาตำแหน่งนี้กำหนดตำแหน่งทางเข้าที่แม่นยำไว้ ก็อาจจะหลงทางกันได้
ส่วนหมู่เกาะพวกนั้นตรงส่วนลึกของเขตทะเล ภายนอกเริ่มถูกหมอกเบิกฟ้าเบาบางปกคลุม มองจากข้างนอกไปข้างในจะขมุกขมัวเหมือนมองดอกไม้ในม่านหมอก
ช่วงที่ค่ายกลเปิดอยู่นี้ หมอกเบิกฟ้าพวกนี้จะแตกกระจายออกในเวลาที่ไม่แน่นอน
ตอนนั้น ก็จะเป็นโอกาสดีที่สุดที่ผู้ฝึกบำเพ็ญจะเข้าไปในหมู่เกาะ เสี่ยงอันตรายหาสมบัติ
แต่โอกาสเช่นนี้ก็จะผ่านไปเรื่อยๆ บางทีเจ้าอาจจะเฝ้าอยู่หน้าหมู่เกาะแบบนี้หลายวันถึงจะเจอหมอกเบิกฟ้าแตกออกสักครั้ง
การรอเช่นนี้ต้องใช้สมาธิทั้งหมด ไม่ใช่จะทนกันได้ง่ายๆ
และทุกครั้งที่หมอกเบิกฟ้าแตกออกก็จะอยู่แค่ไม่กี่ลมหายใจ หากเจ้าออกไปในระหว่างนั้นก็จะพลาดโอกาสเข้าเกาะ
ดังนั้นสิ่งต้องห้ามที่สุดคือยอมแพ้กลางคัน นั่นไม่มีความหมายอะไรเลย
ขณะเดียวกันต่อให้หมอกเบิกฟ้าแตกออก การจะเข้าเกาะก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ต้องรับแรงต่อต้านทรงพลังอีก
การฝืนเข้าไปภายใต้แรงต่อต้านนี้ อีกทั้งอยู่ในเพียงไม่กี่ลมหายใจ นี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ หากระดับพลังไม่แข็งแกร่งพอ กระทั่งอาจจะถูกหมอกเบิกฟ้าปกคลุมระหว่างเข้าเกาะ กลายเป็นสัตว์ประหลาดก็ได้
นี่คือหนึ่งในสาเหตุหลักของเรื่องเหนือความคาดหมายที่โอรสสวรรค์มากมายเจอในการผจญภัยเขตทะเลเบิกฟ้า
ความโลภ ถือดี ลังเล เดินไปเดินมา จะทำให้เจ้าไม่ได้อะไรเลยในเกาะดาราเบิกฟ้า กระทั่งสูญเสียทุกอย่าง
“สหายเสิ่น ระหว่างทางมาเราเจอเกาะดาราตั้งหลายเกาะ เหตุใดถึงไม่ดูเลยล่ะ”
คุณชายเซี่ยทำหน้าอาลัยอาวรณ์ เผ่าปูเทพทองคำเป็นพ่อค้า สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดคือพลาดสมบัติล้ำค่า
เสิ่นเทียนนำทุกคนมุ่งหน้าไปตลอดทาง เจอเกาะที่ถูกหมอกเบิกฟ้าปกคลุมสองสามแห่ง กลับไม่หยุดสักครู่ แต่ไปต่อเลย
ความคิดเช่นนี้ไม่ดี เพราะเมื่อก่อนมีโอรสสวรรค์แข็งแกร่งมากมายคิดว่ายิ่งเป็นเกาะดาราที่อยู่ลึกเท่าไรก็ยิ่งดี โชคลิขิตก็ยิ่งแกร่งมากเท่านั้น
แต่ความเป็นจริงในหมู่เกาะที่มีหมอกเบิกฟ้าปกคลุมทุกเกาะอาจมีมหาโชคลิขิตสะท้านฟ้าซ่อนอยู่ และอาจจะมีแค่ว่านวิญญาณธรรมดาก็ได้
การเลือกอย่างชาญฉลาดคือน่าจะเห็นคุณค่าของเกาะด้านหน้ามากกว่า
……
เสิ่นเทียนยิ้มมีเลศนัย “วางใจเถอะ ขอแค่ตามแซ่เสิ่น จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน”
ขณะพูดอยู่นั้น เสิ่นเทียนก็มองอวี้เผียนเซียนอีกที ดวงตาเป็นประกายลุกวาว
หัวใจของอวี้เผียนเซียนพลันถูกกวางน้อยพุ่งชนแตกทันที
ระหว่างทางมานี้ ไม่รู้ว่าสหายเสิ่นแอบมองข้ากี่ครั้งกันแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดทุกครั้งสหายเสิ่นเหมือนจะไม่ได้มองหน้าข้า แต่เป็นกลางกระหม่อมก็เถอะ
แต่แอบมองข้าถี่เช่นนี้ จะต้องคิดอะไรกับข้าแน่นอน
อืม ต้องเป็นเช่นนี้ไม่ผิดแน่ ข้านี่ฉลาดจริงๆ!
อวี้เผียนเซียนกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหน้าแดง ทันใดนั้นเองเสิ่นเทียนมาหยุดอยู่หน้าเกาะแห่งหนึ่ง!
ภายนอกเกาะนี้มีหมอกเบิกฟ้าเบาบางวนเวียนอยู่ ลอยอยู่บนเขตทะเลเบิกฟ้า เคลื่อนที่ไม่หยุดตามยอดค่ายกล ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับเกาะดาราอื่นๆ เลย ดูปกติมาก
ทว่าตอนที่มาถึงเกาะนี้ เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้มลึกซึ้ง “แซ่เสิ่นคิดว่า บนเกาะนี้น่าจะมีสมบัติล้ำค่าไม่น้อย”
เมื่อเห็นรอยยิ้มมั่นใจในตนเองของเสิ่นเทียนแล้ว อวี้เผียนเซียนก็เคลิบเคลิ้มไปทีละนิด “ใช่ เผียนเซียนก็คิดว่าเกาะนี้ต้องมีสมบัติแน่”
เจ้าก็ด้วย?
เผ่าเงือกเก่งกาจเช่นนี้เชียวรึ
ถึงขนาดสัมผัสได้ถึงสมบัติผ่านยอดค่ายกลหมอกเบิกฟ้าหรือ
เสิ่นเทียนอึ้งไปแล้ว การประเมินต่อความสามารถของอวี้เผียนเซียนสูงขึ้นไม่น้อย
……..
เนื่องจากเสิ่นเทียนเลือกเกาะนี้ พวกฉีเซ่าเสวียนจึงหยุดพักหน้าเกาะ รอหมอกเปิดออก
ความจริงหากต้องการให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ทุกคนต้องแบ่งกันไปผจญภัยในเกาะที่ต่างกัน จะเจอโชคลิขิตได้ง่ายที่สุด ได้ทรัพยากรมาจำนวนมาก
แต่บางครั้ง การผจญภัยก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะการหาโชคลิขิตคนเดียว กำลังรบที่มีไว้ต่อต้านอันตรายจะอ่อนแอลงมากเช่นกัน
หากเจอสัตว์ประหลาดปิดล้อมหรืออันตรายอื่นๆ สหายก็อาจจะช่วยชีวิตเจ้าได้
นอกจากนี้ แม้หมู่เกาะในเขตทะเลเบิกฟ้าจะกระจัดกระจายกัน มีจำนวนไม่น้อย แต่นักผจญภัยทะเลอุดรก็มีเยอะเช่นกัน
นักผจญภัยต่างกันถูกใจหมู่เกาะเดียวกัน อาจจะเกิดการสังหารชิงสมบัติกันในที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกเช่นนี้ได้
หากเจ้าผจญภัยตามหาโชคลิขิตคนเดียว ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า กว่าจะสู้ตายเข้าไปในเกาะดาราได้ กวาดโชคลิขิตเสร็จแล้วเตรียมจะกลับบ้านอย่างมีความสุข ปรากฏว่าเจอกับชายร่างกำยำห้าคนที่เพิ่งมุดเข้ามาจากรอยแยกหมอก ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่เสียของให้เขาไปหมด แม้แต่ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะต้องสิ้นลง
ความจริงแล้ว ในการผจญภัยทะเลอุดรเมื่อนานมาแล้วก็มีนักผจญภัยหลายคนทำเช่นนี้
มีโอรสสวรรค์มากมายคับแค้นใจเพราะเหตุนี้!
ในหมู่คณะของเสิ่นเทียนก็มีเพียงเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนสองคนที่เป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดในการผจญภัยทะเลอุดรครั้งนี้อย่างแท้จริง
ส่วนเอ๋าอูกับสี่คุณชายใหญ่ ได้แต่ถือว่าผู้ค่อนข้างแข็งแกร่งเท่านั้น ถึงอย่างไรเอ๋าอูกับอู่อู๋ตี๋ก็ยังอายุน้อยเกินไป ไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ
ส่วนอีกสามคุณชาย รากฐานพรสวรรค์สายเลือดห่างไกลจากเอ๋าอู ถึงระดับพลังนี้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ยังมีองค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียนอีกคน อืม ด้วยกำลังรบของนาง ให้เป็นสิ่งมงคลก็พอ
…..
ทุกคนนั่งอยู่หน้าเกาะแห่งนี้ รอหมอกเปิดเงียบๆ
รอทีผ่านไปสามวันเต็มๆ ระหว่างนั้นก็มีนักผจญภัยคนอื่นผ่านทางมาเช่นกัน
แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนที่อยู่หน้าเกาะคือเสิ่นเทียนกับฉีเซ่าเสวียนแล้วต่างก็จากไปอย่างชาญฉลาด
ถึงอย่างไรฉีเซ่าเสวียนก็เป็นโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ที่กล้าหาเรื่องคุนหมิง บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังใช้ระดับกายทองเอาชนะอสูรสูงศักดิ์เอ้อทงเทียนได้ในพริบตาอีก
นอกจากเจ้าคุนหมิงแล้ว ปกติในทะเลอุดรจะไม่มีใครกล้าล่วงเกินกลุ่มนี้
ขณะนั่งสมาธิ เวลาผ่านไปสามวันในพริบตา ในที่สุดหมอกปกคลุมจากหมอกเบิกฟ้าก็ค่อยๆ แตกออกเป็นรูขนาดหลายจั้ง
ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมา พุ่งทะยานไปยังรูนั้นพร้อมกัน เข้าไปในนั้นกันอย่างสุดกำลัง
ฟู่ว~
ผ่านรอยแตกมา ทุกคนมาปรากฏตัวเหนือเกาะแห่งนี้พร้อมกัน
ทันใดนั้นพลังวิญญาณไร้ที่สิ้นสุดก็ถาโถมเข้ามา
ทุกคนทำหน้าเคลิบเคลิ้ม พลังวิญญาณบนเกาะนี่…
หนาแน่นมากจริงๆ!
…………………………………………….