สุดท้ายเส้นหมี่ก็ตามกลับไปที่เมืองAอย่างเห็นด้วย
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะเธอปล่อยเด็กๆเหล่านี้ไว้ไม่ได้จริงๆ เธอลองชั่งน้ำหนักดู ถ้าเธอดึงดันจะกลับเมืองเคลียร์ ในสถานการณ์แบบนี้ เธอจะพาลูกไปไม่ได้สักคน
ดังนั้น กลับเมืองA ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอตอนนี้
พอได้ยินว่าหม่ามี๊ยอมกลับ เด็กสามคนก็วิ่งเข้ามา ทำให้เส้นหมี่แปลกใจอย่างมาก และต่างดูมีความสุขกันสุดๆ
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ยอมกลับไปกับแด๊ดดี้จริงๆเหรอ?ดีจังเลย รินจังคิดซะอีกว่าหม่ามี๊จะไม่ยอม”
หนูรินจังวิ่งเข้ามาคนแรก พอเห็นหม่ามี๊ ก็เข้ามาในอ้อมแขนเธอทันที
เส้นหมี่แปลกใจอย่างมาก:“ลูกก็อยากให้หม่ามี๊กลับไปกับแด๊ดดี้เหรอ?”
หนูรินจัง:“ใช่ค่ะ หม่ามี๊ รินจังไม่ชอบโดนเพื่อนๆที่โรงเรียนอนุบาลถามว่าแด๊ดดี้ของรินจังล่ะแบบนี้อีก ถึงตอนนี้แด๊ดดี้ยังไม่รู้จักกับรินจัง แต่ว่ารินจังก็มีความสุขมาก”
ความคิดของเด็กสาวมักจะเรียบง่าย อบอุ่นเล็กน้อย ก็พอใจได้แล้ว
จมูกเส้นหมี่ร้อนผ่าว โอบเธอไว้ทันที
คิวคิวก็เข้ามา เขาเห็นหม่ามี๊ ก็พูดกับเธอด้วยความเคร่งขรึม:“หม่ามี๊ ผมก็คิดว่าหม่ามี๊ควรจะกลับไปกับแด๊ดดี้ พวกเราทิ้งแด๊ดดี้ไว้ไม่ได้”
เขาจูงมือเล็กๆของพี่ชายที่อยู่ด้านข้าง
ชินจัง:“……”
และก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าเล็กๆลงตรงหน้าหม่ามี๊ เบ้าตาเล็กๆที่สวยงามคู่นั้น กลับแดงก่ำ
เส้นหมี่เห็น ก็ปวดใจทันที ย่อตัวลงโอบลูกชายคนโตไว้ในอ้อมแขนด้วย
“เอาล่ะ หม่ามี๊ไม่สามารถทิ้งพวกลูกไว้ได้สักคน ขอโทษนะ เมื่อก่อนเป็นหม่ามี๊เองที่คิดไม่รอบคอบ ทำให้ลูกคนโตของหม่ามี๊ต้องน้อยใจ หม่ามี๊ขอโทษลูกนะ”
“หม่ามี๊……”
ในที่สุดชินจังก็กอดคอของหม่ามี๊ กอดไว้อย่างแน่น
เด็กสามคนนี้ ที่จริงถ้าว่ากันแล้ว ถึงแม้จะมีเอกลักษณ์กันไปแต่ละคน แต่ทุกคนล้วนเป็นเด็กที่จิตใจดีและมีความชอบธรรม
ไม่ว่าจะเป็นคิวคิวกับรินจังที่ฝังใจกับหม่ามี๊ หรือชินจังที่อาลัยอาวรณ์ถึงแด๊ดดี้เสมอ พวกเขาล้วนแต่เป็นเทพบุตรเทพธิดาที่น่ารักที่สุดในโลกใบนี้ เส้นหมี่ขาดใครไปสักคนหนึ่งไม่ได้เลย
ดังนั้นวันที่สาม สี่คนแม่ลูกก็ตามแสนรักกลับประเทศไปหมด
——
ในขณะเดียวกัน แป้งร่ำที่อยู่ต่างประเทศ กลับรอข่าวดีของเรื่องนี้
สายของสุขาวดีมีเยอะมาก
ดังนั้น พอเกิดเรื่องที่เส้นหมี่พาลูกหนี ทันใดนั้น เธอก็ได้รับข่าวทันที ดังนั้นเธอจึงรีบบอกแป้งร่ำ
แป้งร่ำมาที่นี่ ก็เพื่อสมัครเป็นตำแหน่งของนายหญิงแห่งหิรัญชากรุ๊ป พอได้ยินว่าอุปสรรคก้อนโตนี้หายไป และยังเอาลูกหนีอีก
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอดีใจแค่ไหน!
“สมองเธอมีปัญหาเหรอ?ถึงพาลูกหนี”
“แกจะสนยัยนั่นทำไม ยัยนั่นพาลูกหนี ก็สมหวังแกแล้วไม่ใช่เหรอ?แบบนี้ ก็จะประหยัดแรงแกในการเขียนหนังสือเก่าๆเล่มนี้”
สุขาวดีดื่มกาแฟไป ก็เหลือบมองคอมตรงหน้าแป้งร่ำที่กำลังเขียนต้นฉบับชุ่ยๆอย่างไม่พอใจไปด้วย
แป้งร่ำเห็น ใบหน้าก็โมโหขึ้นมาทันที
เธอรีบกดออก เหมือนกลัวจะถูกคนเห็นของเหล่านี้ของตัวเอง:“พูดอะไรเหลวไหลน่ะ?หนังสือเล่มนี้ฉันเซ็นสัญญาไปแล้ว”
“เหรอ?งั้นแกต้องเขียนให้ดี ถ้าถูกพบว่ามีมาตรฐานต่างกับหนังสือก่อนหน้านี้ แกจะมีปัญหาได้”
สุขาวดียังไม่เกรงใจ
สีหน้าแป้งร่ำซีดขาว อยากจะตอบกลับ แต่สุดท้าย เธอก็จบหัวข้อนี้ลงอย่างอึดอัด
เรื่องนี้ เป็นความเจ็บปวดของเธอจริงๆ เธอได้ตีพิมพ์หนังสือหลายเล่ม รวมทั้งเล่มดั่งเข็มในใจเธอนั้นที่หลายปีก่อนขายดีมาก ก็เป็นของเธอ
แต่ สองปีให้หลังนี้ มาตรฐานการเขียนของเธอไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน
แม้ว่าสำนักพิมพ์จะยกเว้นให้เพราะชื่อหนังสือเล่มเดียวโดยการเซ็นหนังสือนี้ให้เธอ เธอก็เขียนไม่ออกมานานแล้ว
แป้งร่ำปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความโกรธ แล้วไปชงกาแฟ
“พวกเรามาคุยว่าต่อไปจะทำอย่างไรดีกว่า ยัยแพศยาเส้นหมี่นี่พาลูกไปแล้ว แสนรักจะต้องโมโหมากแน่ ฉันว่าฉันน่าจะกลับประเทศได้”
“ข้อเสนอนี้ไม่เลวเลย”
ครั้งนี้ถือว่าสุขาวดีเห็นด้วยกับความคิดของหลานสาว
จู่ๆครอบครัวก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ผู้ชายที่กำลังโกรธจัดย่อมต้องการใครสักคนมาปลอบอยู่แล้ว
ไม่ว่าเขาจะตามลูกกลับมาได้หรือไม่ เวลานี้ ก็ต้องการผู้หญิงมาอยู่ข้างเขา ตามคืนมาได้ ก็แสดงเป็นภรรยาและแม่เลี้ยงที่แสนใจดีใหม่อีกครั้ง
ถ้าตามกลับมาไม่ได้ ก็ยิ่งดี เธอก็สามารถปลอบอยู่ข้างๆเขาได้
ใบหน้าแป้งร่ำมีแต่ความภูมิใจ:“แต่ว่า ก่อนฉันกลับไป ก็สามารถไปสอบถามร่องรอยของผู้หญิงคนนี้ได้”
สุขาวดีตะลึง:“แกยังจะไปถามถึงเธออีก?แกจะบ้าเหรอ?”
“อาอย่าเพิ่งร้อนใจสิ ที่ฉันบอกว่าถาม ก็แค่แกล้งทำ แน่นอนว่า ถ้ายัยแพศยานั่นโชคไม่ดี จนพวกเราเจอ ก็จะดีมากๆ ฆ่าเธอตายซะ แล้วเอาเด็กกลับมา ไม่ดีกว่าเหรอ?”
เธอค่อยๆชิมกาแฟ พูดคำนี้ออกมาอย่างสบายๆ
สุขาวดีพูดไม่ผิดจริงๆ เธอจำเป็นต้องใจเย็น จำเป็นต้องนิ่งไว้ ดูที่เธอพูดตอนนี้ สมองนั้น เป็นการกลับไปสู่ช่วงจุดพีคที่เธออยู่ตระกูลหิรัญชาไม่ใช่เหรอ?
สุขาวดีพอใจมาก
ตอนนี้ สองคนอาหลานก็เริ่มจัดการเรื่องนี้ทันที