ตอนที่ 553 ทำไปอย่างนั้นเองหรือเปล่า?
นักแสดงที่มาออดิชันเหล่านี้กลับลงทุนลงแรงไปไม่น้อยเพื่อบทของเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวา เคยดูเทปบันทึกภาพการแข่งขันของเยวาแทบจะทุกสนาม ถึงกระนั้นกลับคาดไม่ถึงว่าการออดิชันครั้งนี้โจวเฉียวกลับให้พวกเธอแสดงอย่างอิสระ
เรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวาที่พวกเธอรู้มาส่วนใหญ่จะเห็นจากบันทึกการแข่งขัน มิหนำซ้ำบทส่วนใหญ่ของเยวาในเรื่องเลเจนด์ก็เกี่ยวข้องกับการแข่งรถ ทว่ากลับมีคนรู้บุคลิกท่าทางการใช้ชีวิตเยวาน้อยมาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วจะแสดงอย่างอิสระได้อย่างไร…
“หมายเลข 3”
โจวเฉียวก้มหน้าพร้อมหยิบข้อมูลการออดิชันขึ้นมา “มั่วซวิ่นใช่ไหม คุณเริ่มก่อน”
เมื่อโจวเฉียวพูดจบ หญิงสาวซึ่งสวมชุดแข่งรถสีเงินในกลุ่มคล้ายเกิดอาการตื่นเต้นอยู่บ้าง หลังจากสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์แล้วถึงผงกศีรษะ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า
ขณะนี้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างสงบนิ่งโดยสิ้นเชิงและทยอยมองไปที่หญิงสาว
หลังจากใช้เวลาสร้างอารมณ์ไปราวสิบกว่าวินาที หญิงสาวถึงจะเริ่มเคลื่อนไหว
ทุกคนเห็นเพียงว่าหญิงสาวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เหมือนกำลังเลียนแบบภาพการแข่งขันบนสนามแข่งของ เยวา
“หยุด”
ทันใดนั้นโจวเฉียวก็พูดกับหญิงสาว “พอครับ กลับไปรอการแจ้งผลก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อโจวเฉียวพูดจบ หญิงสาวก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นี่เธอยังไม่ได้เริ่มการแสดงเลยนะ…
อย่างไรก็ตามโจวเฉียวได้เอ่ยปากพูดอย่างชัดเจนมากแล้ว หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงผงกศีรษะและออกไปจากสถานที่ออดิชันทันที
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นรู้กระจ่างแจ้งแก่ใจดี ที่จริงแล้วความหมายของโจวเฉียวชัดเจนมาก ผู้หญิงคนเมื่อครู่ไม่จำเป็นต้องแสดงต่อไปอีกแล้ว เนื่องจากพวกของโจวเฉียวและผู้กำกับไม่ถูกใจเลยแม้แต่น้อย
“หมายเลข 9 หลี่ซวิ่นซิน เตรียมตัวแสดง แสดงได้อย่างอิสระ”
…
นักแสดงที่มาออดิชันแทบจะไม่มีใครใช่เวลาออดิชันครบหนึ่งนาทีเลย ส่วนน้อยจะได้ราวเจ็ดแปดวินาที ส่วนใหญ่นั้นจะใช้เวลาราวสิบกว่าวินาที
หลักเกณฑ์ที่เข้มงวดขนาดนี้ทำให้นักแสดงที่เหลืออยู่อีกไม่กี่คนต่างขมวดคิ้วมุ่น อดสงสัยไม่ได้เหลือเกินว่ากองถ่ายเลเจนด์ออดิชันเลือกตัวนักแสดงแบบนี้จะไม่ใช่การทำไปอย่างนั้นเองหรือเปล่า
นี่ไม่ใช้คำว่าความยากทางการแสดงระดับนรกมาสาธยายอีกแล้ว
ถึงแม้ทุกคนจะทำการบ้านมาอย่างเต็มที่ เพราะอยากได้รับบทของเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวา แต่ที่รู้มานั้นส่วนใหญ่ก็มีแค่เยวาที่อยู่ในสนามแข่งเท่านั้น ช่องทางในการทำความเข้าใจของพวกเธอส่วนใหญ่ก็มีแค่การดูข่าวบวกกับบันทึกการแข่งขั้นเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่แสดงเลียนแบบออกมาได้จึงมีแค่ท่าทางขณะที่กำลังแข่งรถอยู่บนสนามแข่งของเยวาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามจากบรรดาคนที่เพิ่งเดินออกไปเหล่านั้น หากแสดงด้วยท่าทางเช่นนี้ อย่างมากแค่สิบกว่าวินาทีก็จะถูกเรียกให้หยุดแล้ว…
“ฉันว่าคนที่จะมาแสดงบทของเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวาถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว…ซึ่งก็คือหลินซูหย่านั่นเอง ดังนั้นกองถ่ายไม่มีทางพิจารณาคนอื่นอีกแน่ สาเหตุที่ยังไม่เลิกออดิชัน เพราะยังไม่ถึงกำหนดที่จะสิ้นสุดการออดิชันที่พวกเขาประกาศเอาไว้เท่านั้นเอง”
นักแสดงหญิงคนหนึ่งเอ่ยปากพูดเสียงค่อย
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของนักแสดงหญิงคนนี้อย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นทำไมคนที่มาก่อนหน้านั้นยังแสดงไม่ครบหนึ่งนาทีก็ถูกเรียกให้หยุดอย่างรีบร้อนแล้ว นี่มันไม่สมเหตุผลเลยสักนิดเดียว
“หมายเลข 6 เหวยอวี่ถง พอเท่านี้ กลับไปรอการแจ้งผลเถอะครับ”
ไม่นานนักโจวเฉียวก็ดื่มน้ำพร้อมเอ่ยปากพูดกับนักแสดงที่อยู่บนเวที
เมื่อได้ยิน เหวยอวี่ถงนักแสดงหญิงหมายเลข 6 ก็หยุดการแสดงทันทีพร้อมมองโจวเฉียวอย่าเย็นชา “ขอโทษนะคะ มีบางอย่างที่ฉันไม่พูดไม่ได้ ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจเลือกนักแสดงที่จะมารับบทเป็นเยวาไปแล้วก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องให้พวกเรามาออดิชันอีกเลย ฉันคิดว่านี่เป็นการไม่ให้เกียรตินักแสดงอย่างพวกเรามากเลยนะคะ”
ตอนที่ 554 ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
เมื่อเหวยอวี่ถงพูดจบ นักแสดงจำนวนไม่น้อยต่างเห็นด้วยอยู่ในใจ ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้กล้าพูดจาแบบนี้ออกมาอย่างเหวยอวี่ถงก็ตาม
เมื่อได้ยิน ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์กองถ่ายเลเจนด์ก็สบตากันทันที
ตั้งแต่เริ่มมาออดิชันที่ประเทศจีน ยังไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้มาก่อนเลย
“คุณเหวยอวี่ถงใช่หรือเปล่าครับ” ขณะนี้เองสายตาโจวเฉียวก็ไปอยู่บนร่างเหวยอวี่ถง เขายิ้มบางแล้วพูดต่อไปว่า “คุณคิดว่าการออดิชันแสดงเป็นเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวานั้นแค่ให้คุณมาแสดงท่าทางเลียนแบบการแข่งรถง่ายๆ แบบนี้งั้นเหรอครับ”
“หรือว่าจะไม่ใช่” เหวยอวี่ถงรู้สึกไม่ยอมจำนนอยู่บ้าง
“ช่างน่าสนใจจริงๆ” โจวเฉียวหัวเราะเย้ยหยัน “ถ้าคุณเข้าใจแค่นี้ งั้นก็ขอโทษด้วย คุณยิ่งไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะมาแสดงบทนี้เลย ถ้าวิเคราะห์ตามตรรกะของคุณ พวกเราไปหานักแข่งรถหญิงมาแสดงบทนี้จะไม่ดีกว่างั้นเหรอ ทำไมต้องให้นักแสดงอย่างพวกคุณมาแสดงเลียนแบบท่าทางการแข่งรถด้วยเล่า หรือคุณนึกว่าตัวเองเก่งกว่านักแข่งรถมืออาชีพ?”
คำพูดของโจวเฉียวกลับทำให้เหวยอวี่ถงอับจนคำพูด
จริงด้วย โจวเฉียวพูดถูกต้อง ถ้าแค่ทำท่าทางเลียนแบบการแข่งรถ พวกเขาไปหานักแข่งรถหญิงมืออาชีพมาคนหนึ่งก็ได้แล้ว
“เอาละ กลับไปรอการแจ้งผลเถอะครับ” โจวเฉียวโบกมือด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย
……
เมื่อเห็นเหวยอวี่ถงจากไป นักแสดงหญิงที่เหลือก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้น พวกเธอเคยดูแค่คลิปการแข่งขันของเยวา ถ้าให้แสดงอย่างอิสระ ก็คงทำได้แค่แสดงเลียนแบบตามที่เห็นในคลิปเท่านั้น แต่หากเป็นชีวิตส่วนตัว พวกเธอจะไปรู้นิสัยของเยวาได้อย่างไรกันเล่า
“หมายเลข 11 หลินเยียน เตรียมตัวแสดง”
โจวเฉียวเปล่งเสียงพูดหลังจากผ่านไปได้ราวเจ็ดแปดนาที
หลินเยียนเดินไปกึ่งกลางทันที
เมื่อเห็นหลินเยียนแต่ชุดลำลอง พวกโจวเฉียวต่างรู้สึกประหลาดใจมาก หากให้หลินเยียนไปอยู่ในกลุ่มนักแสดงหญิงที่สวมชุดนักแข่งรถสีเงิน กลับมีความแตกต่างอยู่บ้าง
โจวเฉียวเป็นลูกศิษย์ของลั่งหมั่ง หากนับตามศักดิ์แล้วก็จะเป็นศิษย์หลานของหลินเยียน ถึงกระนั้นโจวเฉียวกลับไม่เคยมีโอกาสได้พบเยวา ดังนั้นจึงยิ่งไม่รู้ว่าหลินเยียนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้กลับเป็นเยวาตัวจริง
“มองผมทำไม เริ่มกันเถอะ” โจวเฉียวพูด
หลินเยียนไม่ได้เอ่ยปากพูด ทว่ากลับเข้าสู่ความเงียบงัน…
เมื่อหลายปีก่อน ลั่งหมั่งเข้าร่วมการแข่งขันเวิลด์แชมเปียนชิปลีกหนึ่งเป็นครั้งแรก และในการแข่งขันครั้งนั้นกลับถูกเธอด่าจนเกือบจะร้องไห้
ขณะที่ทุกคนกำลังเริ่มรู้สึกหงุดหงิด หลินเยียนก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ชั่วพริบตานั้นดวงตาทั้งสองข้างของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากลับคล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคน ความอ่อนโยนและความเรียบง่ายสบายๆ ที่มีอยู่ภายในดวงตาพลันมลายหายไปภายในชั่วเสี้ยววินาทีนี้ ประหนึ่งแชมป์ผู้ได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก
ออร่าเปลี่ยนแปลงในบัดดล ทำให้ใบหน้าของโจวเฉียวและผู้กำกับเผยความรู้สึกสนใจออกมาอย่างยากจะได้เห็น
“นายกำลังกลัวอะไรอยู่”
ขณะนี้หลินเยียนกำลังมองไปยังมุมห้องที่ไม่มีคนอยู่ด้วยใบหน้าเย็นชาถึงขีดสุด “บอกฉันมาว่าฉันจะสอนนายยังไง”
“นายทำให้ฉันผิดหวังเกินไปแล้ว” หลินเยียนส่ายหน้าด้วยด้วยการเคลื่อนไหวที่เบาบางมากที่สุด ความผิดหวังบนใบหน้าปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจน
“กลัวตั้งแต่ยังไม่ได้สู้” หลินเยียนพูดอย่างเย็นชา “เพื่อนร่วมทีมของนายสู้กันอย่างสุดความสามารถ ส่งนายลงสนามแข่งของเวิลด์แชมเปียนชิปลีกหนึ่ง ส่วนนายยังสู้ทหารหนีทัพไม่ได้เลย บางทีเพื่อนร่วมทีมของนายคงเห็นนายเป็นความอัปยศไปทั้งชาติก็ได้”
เมื่อพูดจบหลินเยียนก็จมดิ่งลงสู่ความเงียบงันอีกครั้ง คล้ายกำลังฟังอะไรบางอย่าง
และขณะนี้นักแสดงหญิงที่เหลืออยู่ต่างมีสีหน้าแปรเปลี่ยนกันทั้งหมด