ตอนที่ 103 หลี่ไป๋

Perfect Superstar

ตอนที่ 103 หลี่ไป๋

สีหน้าของหลี่มู่ไป๋แปลกไปเล็กน้อย

ปกติแล้วในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของคุณชายสามแห่งตระกูลหลี่แล้ว อย่างแรกคือต้องต้องซัดฝ่ายตรงข้ามจนฟันร่วงแล้วจับกลืนลงท้อง ยิ่งไม่ยอมติดกับดักที่ซาเจียหาววางไว้ ต้องสู้กับฝ่ายหลังสักตั้ง ต่อให้ต้องพังงานปาร์ตี้ในวันนี้ก็ตาม ก็จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามหยามหน้าเอาได้

แต่หลี่มู่ไป๋กลับไม่ได้แสดงความโกรธขุ่นเคืองแต่อย่างใด และไม่ได้โต้เถียงด้วย

เขามองซาเจียหาวบนเวที สีหน้าเผยแววกระหยิ่ม ตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า “ซาเจียหาว นายหมายถึงให้ฉันร้องเพลงของตัวเอง?”

เขาไม่มีไมโครโฟน แต่เสียงดนตรีในร้านเงียบลงแล้ว ดังนั้นคนทั้งบาร์ต่างจึงได้ยินอย่างชัดเจน

คุณชายสามแห่งตระกูลหลี่ดูเหมือนมีแรงฮึดขึ้น

“แน่นอน!”

ซาเจียหาวอยากจะโจมตีจุดอ่อนของหลี่มู่ไป๋ได้ง่ายๆ มีเหรอจะยอมให้ฝ่ายนั้นเอาตัวรอดไปได้

เขาโพล่งออกไปว่า “ในวงการนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ถึงความสามารถด้านดนตรีของคุณชายหลี่ ถ้านายร้องเพลงฮิตของคนอื่น งั้นจะทำให้พี่เฟนนี่ของพวกเราอายเหรอ ทุกคนว่าพูดถูกไหม”

พอไล่ต้อนหลี่มู่ไป๋ให้จนมุม ไม่ให้เขาได้ผุดได้เกิด ในใจซาเจียหาวรู้สึกพอใจ

โอกาสเล่นงานดีขนาดนี้ หาได้ยากจริงๆ!

“ใช่!”

ผู้ชมที่ห้อมล้อมอยู่หลายคนเป็นเพื่อนเที่ยวเสเพลของซาเจียหาว ต่างพร้อมใจกันตะโกนเห็นด้วยกับเขา

“เหล่าซา นายทำอย่างนี้นิสัยไม่ดีเลย…”

หลี่มู่ไป๋หัวเราะขมขื่น ส่ายหัวพูดว่า “ฉันกับนายมีความแค้นต่อกันมากขนาดนี้เลยเหรอ นายทำให้ฉันตกที่นั่งลำบากแล้ว!”

เสแสร้ง!

เห็นว่าหลี่มู่ไป๋ยังเสแสร้งแกล้งตีหน้าเศร้า ซาเจียหาวเริ่มมีอารมณ์คุกครุ่นในใจ…นายยังจะเสแสร้งอีก?

บังเอิญว่าหางตาของเขาเหลือบไปมองเฟนนี่พอดี เห็นท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของเฟนนี่แล้วคุณชายซาก็เข้าใจบางอย่าง ดูท่าทางหลี่มู่ไป๋น่าจะกำลังรอให้เฟนนี่ออกหน้าช่วยเหลือ!

ในที่สุดเฟนนี่ก็พูดขึ้นดังคาด “เสี่ยวซา ช่างเถอะ คืนนี้ให้ทุกคนมาสนุกกันดีกว่า ไม่เห็นจะต้องแข่งขันอะไรกันเลย”

“ในเมื่อพี่เฟนนี่ออกปากแล้ว…”

ซาเจียหาวรีบแกล้งถอนหายใจ เอ่ยว่า “หลี่มู่ไป๋ ในเมื่อนายทำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ”

แน่นอนว่าเขาต้องเห็นแก่หน้าของเฟนนี่ ภายนอกทำเป็นเหมือนปล่อยหลี่มู่ไป๋ไป ความจริงแล้วคือการดูถูกข่มเหง!

เฟนนี่ยิ้มน้อยๆ เฉินเชี่ยนเบะปากอย่างไม่ถูกใจ

หลี่มู่ไป๋ช่างใช้ไม่ได้เลย!

“ลูกผู้ชาย จะพูดอะไรก็ได้ยกเว้นคำว่าทำไม่ได้!”

สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงคือ หลี่มู่ไป๋ไม่ยอมให้เรื่องจบสิ้นอย่างง่ายดาย กลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ พูดว่า “ฉันเตรียมเพลงของตัวเองมาด้วยเพลงหนึ่ง ในเมื่อทุกคนอยากฟัง ฉันจะขอแสดงให้ดูก็แล้วกัน!”

หลี่มู่ไป๋จะขึ้นเวทีจริงๆ เหรอ

เขาถูกซาเจียหาวยั่วจนสติหลุดไปแล้ว? น่าจะทำเรื่องขายหน้าอีกจริงๆ!

แขกหลายคนพูดไม่ออก รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

เฟนนี่ที่เพิ่งผ่อนคลายลงก็ได้ขมวดคิ้วอีกครั้ง ท่าทางไม่พอใจ

ไม่ได้พบกันสองปี หลี่มู่ไป๋ทำไมยังเหมือนเด็กน้อยอยู่อีก?

เธอ รวมทั้งคนอื่นๆ ที่อยู่ในนั้น ต่างก็ไม่สังเกตเห็นสีหน้าของสมาชิกวงดนตรีที่หลี่มู่ไป๋พามาด้วยทั้งสี่คน

ท่าทีของพวกเขาดูแปลกมาก ท่าทางอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะ

ซาเจียหาวกลับดีใจ เอ่ยขึ้นในทันที “ถ้าอย่างนั้นขอให้ทุกท่านให้การต้อนรับ คุณชายหลี่ของพวกเราขึ้นเวทีด้วย!”

เขาเป็นคนแรกที่ปรบมือ ‘แปะ แปะ แปะ’ ราวกับว่ามือของเขากำลังตบหน้าหลี่มู่ไป๋

ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ ทุกคนพากันปรบมือตาม

หลี่มู่ไป๋นำสมาชิกในวงคนอื่น ขึ้นเวทีอย่างองอาจ!

ลอสบาร์เป็นไนท์คลับที่ใหญ่ที่สุดในย่านซานหลี่ถุน แต่ถ้ากล่าวถืงการตกแต่งภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ถ้าบอกว่าเป็นอันดับสอง ก็คงไม่มีร้านไหนกล้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง

อุปกรณ์และเครื่องดนตรีที่จำเป็นสำหรับวงดนตรีวงหนึ่งสามารถหาได้ครบทุกชิ้น ทั้งยังเป็นของคุณภาพดีเกรด พรีเมี่ยม

วงดนตรีของหลี่มู่ไป๋ขึ้นไปยึดครองเวที ประจำตำแหน่งของตัวเองอย่างไม่เกรงใจ ตัวเขาเองก็ถือกีตาร์ไฟฟ้าและยืนอยู่ตรงหน้าไมโครโฟน ด้วยท่าทีมั่นใจในตัวเอง!

ส่วนซาเจียหาวที่เพิ่งลงจากเวทีไปกลับรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา

เขาวางกับดักหลี่มู่ไป๋ หลี่มู่ไป๋ก็ติดกับอย่างจัง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกเหมือนคนที่ติดกับเป็นตัวเองเสียมากกว่า…เจ้านี่ทำตัวเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เหลือเกิน

ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอน!

คุณชายซายังฉลาดหลักแหลม เขาคิดถึงปัญหาหนึ่งออกในทันที

“หลี่มู่ไป๋ นายซื้อเพลงมาหรือเปล่า”

ด้วยฐานะทางครอบครัวของพวกเขา เพียงแค่ควักเงินในกระเป๋า ก็สามารถซื้อเพลงดีๆ สักเพลงได้อย่างง่ายดาย เมื่อก่อนหลี่มู่ไป๋เคยเล่นอยู่ในวงดนตรี เขาจะจ่ายเงินซื้อเพลงสักเพลงมาหลอกลวงคนอื่นก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ซาเจียหาวจะได้กลายเป็นเจ้างั่ง!

“ถุย!”

หลี่มู่ไป๋ตอบอย่างดูหมิ่นดูแคลน “ถ้าคุณชายอย่างฉันจะจ่ายเงินซื้อเพลง หรือให้ใครซื้อเพลงให้ฉัน ฉันยอมเปลี่ยนไปใช้แซ่นายเลย! กลับกัน ถ้าฉันไม่ได้จ่ายเงินซื้อเพลง นายต้องเปลี่ยนมาใช้แซ่ฉันด้วย นายกล้ารับคำท้าหรือเปล่า”

เพลงนี้ไม่ได้ซื้อมา เป็นเพลงที่คนอื่นมอบให้เป็นของขวัญ!

รอบด้านเกิดเสียงหัวเราะเบาๆ

ซาเจียหาวไม่กล้ารับปากจริงๆ

หลี่มู่ไป๋แม้ว่าจะชอบการแข่งขันและรักสนุก แต่วงการนี้เมื่อลั่นวาจาแล้วต้องหนักแน่นเหมือนติดตรึงด้วยตะปู คนในวงการนี้พูดแล้วไม่คืนคำ ความเชื่อถือนั้นยิ่งสูง!

หลี่มู่ไป๋ตอกกลับจนซาเจียหาวพูดไม่ออก จากนั้นก็พูดใส่ไมโครโฟนว่า “คืนนี้ผมยินดีมาก เพราะว่าพี่เฟนนี่ได้กลับมาตั้งรกรากที่บ้านเราสักที เธอกลับมาอย่างกะทันหัน ดังนั้นผมไม่ได้เตรียมของขวัญเอาไว้มอบให้เธอ และถึงมอบให้เธอเธอก็คงไม่รับ”

พูดไป สายตาของเขามองไปที่เฟนนี่ที่อยู่ด้านล่างเวที

เฟนนี่ยิ้มน้อยๆ

“ผมอยากมอบเพลงนี้ให้เธอ…”

หลี่มู่ไป๋พูดต่อว่า “เพลงนี้เดิมทีเป็นเพลงที่ผมเขียนเอง ฝึกซ้อมมานาน เป็นครั้งแรกที่ได้นำออกมาร้อง ขอทุกคนอย่าได้รังเกียจเลยนะครับ!”

เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังตามมา แม้แต่เฉินเชี่ยนผู้หยิ่งยโสยังต้องให้เกียรติ

“ชื่อของเพลงคือหลี่ไป๋!”

เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง ทำนองของท่อนแรกก็ดังขึ้นทันที

หลี่มู่ไป๋ยืนตามสบาย เขาก้มหน้าพรมนิ้วลงบนกีตาร์

“คนส่วนใหญ่สอนผมให้เรียนรู้

ด้วยสายตาที่มองโลกทั่วไป

ผมก็ตั้งใจมองดูด้วยสายตาพื้นๆ

ดูโลกแสนธรรมดาจนฟ้าสาง

ดูหนังฝรั่งที่ฟังไม่ออกสักคำ

ดูจนจบทั้งหมดเป็นเรื่องน่าขำ

เธอมองฉันแสนดี ทั้งแสนรู้ และแสนเชื่อฟัง

แสนเจ้าเล่ห์

ดื่มสาเกแก้วใหญ่หลายแก้วแล้วจากไปคือการเลียนอย่าง

พ้นประตูไปอาเจียนใส่สมุดภาพของใครกัน

เธอคนนั้นที่เรียกว่าที่รักทุกวัน

ท่าทีแบบนั้นช่างไม่เป็นที่นิยม

ทุกคนควรฝึกเขียนพู่กันแล้วค่อยออกไปสร้างตัว

ถึงจะมีคนยอมซื้อตั๋ว!

……”

หลี่มู่ไป๋ร้องเพลงด้วยท่าทางเรื่อยเปื่อย น้ำเสียงสบายๆ ของเขาลอยเข้าหูของทุกคน เหล่าวัยรุ่นในแวดวงชั้นสูงของเมืองหลวงต่างตื่นเต้น ยิ่งกว่านั้นคือตกตะลึงไม่อยากเชื่อ

พวกเขาไม่มีใครที่มีชาติกำเนิดธรรมดา ไม่มีใครไม่ได้รับการศึกษาชั้นสูง แต่โลกทัศน์แคบเกินไป แค่ด้านดนตรีอย่างเดียว ก็มีคนเพียงส่วนน้อยที่เข้าใจและสามารถชื่นชม แต่เพลงเพลงหนึ่งเป็นเพลงที่ดีหรือไม่พวกเขายังพอฟังออก

เพลง ‘หลี่ไป๋’ ของหลี่มู่ไป๋เพลงนี้ อย่างน้อยทำนองก็โดดเด่นมาก ทั้งชื่อเพลงและเนื้อเพลงต่างน่าสนใจ

และที่สำคัญคือเขาร้องอย่างออกรส มองออกว่าแสดงออกมาจากก้นบึ้งความรู้สึก ทั้งยังผสมผสานความเย่อหยิ่งจองหองเอาไว้ภายในด้วย ทั้งละเอียดอ่อนแต่ไม่ขาดความสง่างาม เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ตามการเชื้อเชิญของคนหนุ่มสาว!

“…

ถ้าเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง

ฉันอยากเลือกเป็นหลี่ไป๋

สิ่งที่ทำเมื่อร้อยพันปีก่อน

ไม่มีใครคาดเดาได้

ถ้าได้เริ่มใหม่อีกครั้ง

ฉันอยากเลือกเป็นหลี่ไป๋

อย่างน้อยฉันยังเขียนกลอนไว้แจกจ่าย

จีบสาวสวย!

ถ้าได้เริ่มใหม่อีกครั้ง

ฉันอยากเลือกเป็นหลี่ไป๋

สร้างผลงานได้สูงส่ง

ได้รับการกราบไหว้จากคนทั่วไป

ถ้าได้เริ่มใหม่อีกครั้ง!

…”

หลายคนฟังจนคล้อยตาม เพลงท่อนรองเพิ่งจบไป เสียงปรบมือ เสียงหัวเราะ เสียงเป่าปากดังขึ้น

สุดยอดมาก!

ซาเจียหาวถอยหลังไปหลายก้าว อยากจะหนีไป หลบไปให้พ้นสายตาคน

เขารู้สึกหน้าชายุบยิบ

เฉินเชี่ยนฟังจนนิ่งค้าง ผ่านไปสักพักเริ่มพึมพำ “เพลงแจ๊ส อาร์แอนด์บี เพลงโซล แล้วยังมีอะไรอีก”

เธอฟังออกว่าเพลงนี้มีส่วนผสมของแนวดนตรีใดบ้าง ทำให้คนฟังสนุกสนานตาม ดังนั้นจึงค่อนข้างทึ่ง

หลี่มู่ไป๋ไม่เคยสนใจจะศึกษาด้านใดเลย แล้วเขามีความสามารถด้านดนตรีตั้งแต่เมื่อไร

เธอยอมเชื่อเสียดีกว่าว่าแม่หมูปีนต้นไม้ได้!

ส่วนเฟนนี่ที่ยืนอยู่ข้างเฉินเชี่ยนไม่ได้คิดอะไรมาก เธอไม่เข้าใจ

เธอรู้สึกว่าตอนนี้หลี่มู่ไป๋ที่ร้องเพลงอยู่บนเวที เทียบกับสองปีที่แล้วที่เป็นชายหนุ่มเถลไถลไปวันๆ ตอนนี้เติบโตขึ้นไม่น้อย และเริ่มมีความเป็นหนุ่ม

ถ้าได้เริ่มต้นใหม่ ฉันอยากเลือกเป็นหลี่ไป๋? น่าสนใจ!

ในสายตาของเธอสะท้อนประกายบางอย่างออกมา

จนกระทั่งเพลงจบ เสียงปรบมือดังกระหึ่ม

ซาเจียหาวหมดสิ้นหนทางแล้ว หากเขายังฝืนอยู่ต่อไป ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน…ขายหน้าที่สุด!

ไม่ต้องสงสัยเลย เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ จะต้องเป็นประเด็นร้อนในวงการแน่นอน

หลี่มู่ไป๋ได้รับคำชื่นชม ส่วนเขาซาเจียหาวกลายเป็นตัวตลกอยู่เบื้องหลัง!

แต่หลี่มู่ไป๋ไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเยาะผู้แพ้ เพราะความสนใจของเขาทั้งหมดทุ่มไปอยู่ที่ตัวเฟนนี่

เขาจับจ้องใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ ประกาศอย่างจริงใจท่ามกลางเสียงปรบมือว่า

“นี่เป็นเพลงที่หลี่ไป๋มอบให้กับทุกคน เพลงที่สองนี้ถึงเป็นเพลงที่มอบให้พี่เฟนนี่อย่างแท้จริง แม้ไม่ใช่เพลงที่ผมเขียนเอง แต่ผมคิดว่าเหมาะกับเธอที่สุด”

“ชื่อของเพลงนี้คือ ‘คนสวย’ !”

ขณะเดียวกัน หลี่มู่ไป๋ก็คิดในใจว่า ‘ขอบคุณนะ ลู่เฉิน!’

……………………………………………………………………….