ตอนที่ 306 จระเข้ยักษ์มองหาลูกพี่ใหญ่ตัวจริง!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

รหัสและตำแหน่งที่เฉิงหั่วส่งมาครบถ้วนทั้งหมด โดยหลักคือตรวจสอบที่อยู่บางส่วน และเบื้องหลังข้อมูล หลังจากฉินหร่านป้อนที่อยู่ จึงยืนยันพื้นที่ทันที

พื้นที่นี้…

ที่ชายแดนนี่?

ดูคุ้นเคยนิดหน่อย

ฉินหร่านมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวด้านการเขียนโค้ดดิจิตอล ระบบฐานข้อมูลอันใหญ่โต แต่เธอก็มองออกทันที ดูเหมือนว่าจะมีจุดที่คล้ายคลึงกัน

มือฉินหร่านที่กดแป้นพิมพ์หยุดลง แต่ยังคงตรวจสอบอยู่

แกร๊ก แกร๊ก ป้อนรหัสเสร็จไปชุดหนึ่ง ฉินหร่านมองดูชุดรหัสเหล่านี้บนเครื่องเล็กน้อย จากนั้นยื่นนิ้วมือข้างขวาออกไปกดลงที่ปุ่ม ‘enter’

การเปลี่ยนแปลงข้อมูลระบบมีความซับซ้อน ชุดของ ‘0’ และ ‘1’ กำลังเด้งขึ้น ตัวเลขบนหน้าจอกำลังกะพริบวนไปมา

แถบความคืบหน้าบนหน้าจอยังคง 20%

เหลือเวลาอีกสามนาที ฉินหร่านเอามือยันโต๊ะ ไปที่โต๊ะรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว และไม่ได้กลับไปนั่งที่เก้าอี้ต่อ เพียงพิงเก้าอี้ ดื่มน้ำช้าๆ พลางมองหน้าจอคอมพิวเตอร์

สามนาทีผ่านไป รหัสที่ซับซ้อนหายไป แถบความคืบหน้า 100% หลังจากเด้งอยู่สักพัก ชุดข้อมูลก็ปรากฏขึ้น พื้นหลังดำตัวอักษรสีขาว รวมถึงตัวที่อยู่ IP ตรงกลางผิดสังเกตอย่างชัดเจน…

เริ่มต้นด้วย 192 ที่คุ้นเคย

โดเมนที่คุ้นเคย…

ฉินหร่านร้อง ห้ะ ดึงมือกลับช้าๆ แล้วเคาะกระจกบนโต๊ะ รันเครื่องใหม่อีกครั้ง

อีกสามนาทีต่อมา

โดเมนที่คุ้นเคย

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มือวางพาดหน้าผาก หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็ค่อนข้างมั่นใจ “บ้าเอ๊ย”

**

ทางฝั่งรัฐ M

เฉิงหั่วนั่งอยู่เก้าอี้ทางฝั่งคอมพิวเตอร์อย่างสง่าผ่าเผย เขาคีบบุหรี่และจุดมัน เรียวคิ้วดูหยิ่งผยอง “เฉิงถู่ ฉันบอกนายแล้ว ไม่เกินครึ่งชั่วโมง คุณหนูต้องแก้ไขปัญหานี้ได้!”

เฉิงถู่เหลือบมองเขา เอื้อมมือไปรับเอกสารที่ยื่นส่งมาให้ ชำเลืองมองเฉิงหั่ว “นายมั่นใจในคุณฉินขนาดนั้นเลย?”

เขาคือหนึ่งในจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ที่ไม่เคยเห็นฉินหร่าน ในกลุ่มสนทนาห้าคน ตอนที่พวกเขาทั้งสี่คนพูดคุยถึงฉินหร่าน เขาทำได้เพียงแค่แอบซุ่ม

แม้ว่าเฉิงหั่วจะเพิ่งได้รับความเสียหาย แต่ทักษะแฮ็กเกอร์ของเฉิงหั่วแข็งแกร่งเพียงใดเฉิงถู่รู้ดี ถึงอย่างไรผลการเรียนประวัติศาสตร์ตอนอยู่มัธยมต้นไม่ดี ก็สามารถแฮ็กระบบการสอนเปลี่ยนผลการเรียนหลอกตัวเขาได้ เฉิงถู่เองก็ว่าไม่ได้

ผู้ที่สามารถเข้าสู่แฮ็กเกอร์ลีกได้ และยังคุ้นเคยกับหัวหน้า ทักษะคอมพิวเตอร์ของเฉิงหั่วนั้นยอดเยี่ยม ดังนั้นเฉิงถู่ถึงได้ถ่อมาหาเฉิงหั่วตั้งไกล

“แน่นอน ฉันบอกนายไปแล้ว ระดับทักษะคอมพิวเตอร์ของเธอเทียบเท่าหัวหน้าของพวกเรา” เฉิงหั่วพ่นควันออกเป็นวง ทั้งมั่นใจและแน่วแน่

เขาไม่ใช่คนจำพวกไร้สาระแบบนั้น

เฉิงถู่วางใจเล็กน้อย

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

เฉิงหั่วพูดไปครึ่งชั่วโมงก็พบว่าฉินหร่านไม่มีข่าวคราวตอบกลับมา

เฉิงถู่เหลือบมองเฉิงหั่ว เฉิงหั่วกระแอมอย่างประหม่า “น่าจะเจอปัญหาบางอย่าง พวกเรารออีกสิบนาที”

สิบนาทีผ่านไป ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว

เฉิงถู่ยื่นข้อมูลให้ลูกน้อง ดวงตาสีเหลืองอำพันทั้งสองข้างมองไปที่เฉิงหั่ว

นี่ต่างไปจากที่เฉิงหั่วคาดไว้ เขานั่งหลังตรงทันที หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออกต่างประเทศหาฉินหร่านอีกครั้ง

โทรศัพท์ต่อสาย เฉิงหั่วพูดขึ้นรัว “คุณ…คุณฉิน คุณตรวจสอบได้หรือยัง”

ทางฝั่งฉินหร่านปิดคอมพิวเตอร์ลงแล้ว นำคอมพิวเตอร์ใส่ในกระเป๋า พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ไม่ได้”

“หา?” เฉิงหั่วชะงัก พลางเกาหัวอย่างไม่อยากเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร ทักษะของพวกคุณทั้งสองคนคล้ายคลึงกัน ทำไมจึงตรวจสอบไม่ได้…”

“ไม่ได้” เสียงฉินหร่านรูดซิปกระเป๋าเป้ขึ้น ขัดจังหวะเฉิงหั่ว เสียงดังขึ้นเล็กน้อย “ฉันบอกว่าตรวจสอบไม่เจอ”

“อ่า ฉันรู้แล้ว คุณตรวจสอบไม่เจอ ตรวจสอบไม่เจอ” เฉิงหั่วตกใจ รีบตอบกลับเธอ “นั่นคุณยุ่งล่ะสิ”

ปี๊บ เสียงฉินหร่านวางสายโทรศัพท์

ทั้งกระวนกระวายร้อนรน

เฉิงหั่วมองไปที่คำว่า ‘สิ้นสุดการโทร’ อย่างตะลึงงัน นั่งเหวออยู่บนเก้าอี้ “เป็นไปไม่ได้ เธอไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้เนี่ยนะ…”

เฉิงถู่ก็นั่งตัวตรงเช่นกัน คิ้วขมวดเล็กน้อย ปากของเขางับบุหรี่ ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงถาม “นายแน่ใจเหรอว่าเธอตรวจสอบได้”

“ต้องได้สิ เคยเข้าสู่ระบบหลักได้ต่อหน้าต่อตาฉันแท้ๆ” เฉิงหั่วมองเฉิงถู่อย่างโกรธเคือง ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างลังเล “…เป็นไปได้ว่าทักษะของทั้งสองคนใกล้เคียงกัน?”

เฉิงถู่ยืนขึ้น หัวคิ้วขมวดอยู่ เป็นเรื่องที่อธิบายยาก “จระเข้ยักษ์ไปหาใครมา”

**

ที่เมืองหลวง อพาร์ตเมนต์ถิงหลาน

เฉิงจินถือกระเป๋าเอกสารเข้ามา มองดูเฉิงมู่ที่ถือพลั่วอยู่ เขาส่งสายตาไปอย่างเงียบๆ “นายท่านเจวี้ยนล่ะ”

“ห้องด้านบน” เฉิงมู่ไม่หันสายตามา

เฉิงจินพยักหน้า ถือกระเป๋าเอกสารตรงขึ้นไปด้านบนหาเฉิงเจวี้ยน

ห้องของเฉิงเจวี้ยนไม่ได้ล็อก เปิดแง้มไว้ มีควันลอยออกมาจางๆ ผ้าม่านเปิดออกเล็กน้อย มีแสงสลัว เฉิงจินผลักประตูเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“มีเรื่องอะไร” เฉิงเจวี้ยนหยิบรีโมท ปิดโทรทัศน์ และเดินไปที่โต๊ะ กดบุหรี่ลง เปิดผ้าม่านออก ทันใดนั้นห้องก็สว่างขึ้นทันที

เขาพูดไป พลางเดินไปทางโทรทัศน์ นำแผ่นวิดีโอออกมาจากเครื่อง

เฉิงจินเหลือบมองแผ่นวิดีโอนั่น แต่มองไม่ชัดว่าคืออะไร ได้ยินคำพูดของเฉิงเจวี้ยน เขาขมวดคิ้วก่อนตอบกลับว่า “คุณดูสิ”

ไม่พูดมาก เพียงเปิดหน้าต่างเวยป๋อขึ้นในโทรศัพท์

เวยป๋อของฉินอวี่…

[ฉันใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเขียนนี่ขึ้นมา]

ภายใต้ความคิดเห็นทั้งหมดล้วนกล่าวถึงฉินหร่านในทางเสียหาย แล้วจึงปลอบโยนฉินอวี่

ความคิดเห็นร้อนแรงเป็นของไต้หราน แสดงออกว่าเขาไม่เกรงกลัวอำนาจ ยืนหยัดที่จะหาความยุติธรรมให้ลูกศิษย์ของตน ด้านล่างของความคิดเห็นนี้ล้วนแต่เห็นใจพวกเขาและสนับสนุนพวกเขา

“เห็นใจคุณหนู! คนลอกเลียนแบบไปตายซะ!”

“สมาคมไวโอลินทำไมยังไม่มาพูดกล่าวอะไร ขึ้นการค้นหายอดนิยมแล้วนี่ ทำไมถึงยังต้องการเก็บคนที่เรียกว่า ‘ดาวดวงใหม่’ แบบนั้นไว้!”

แน่นอน ยังมีความเห็นอื่นอีก…

“อันที่จริงฟังเพลงไวโอลินของทั้งสองคน มีแค่ฉันใช่ไหมที่รู้สึกว่าการแสดงออกทางอารมณ์ของอีกคนดีกว่าฉินอวี่ ร้อนแรงและแผดเผามากกว่า และยังมีความน่าอึดอัดสักอย่างที่อธิบายไม่ถูก คนที่เรียนดนตรีเห็นได้ชัด!”

กระนั้น ความคิดเห็นนี้จำนวนกดไลค์ไม่ถึงหกพัน แทบจะไม่สำคัญเลยเมื่อเทียบกับการถูกใจจำนวนแสนสองของไต้หราน แต่ด้านล่างของความคิดเห็นมีเจ็ดพันกว่าการตอบกลับ ล้วนแต่ต่อว่าผู้สอน

“อย่าฟัง ตีให้ตาย อย่าไปฟังเพลงของคนขี้เลียนแบบ!”

“คนขี้เลียนแบบเล่นได้ดีกว่าฉินอวี่? หูของคุณหนวกหรือบอดกัน? คุณเคยถามแฟนคลับทั้ง 15 ล้านคนของฉินอวี่ไหม”

“…”

เฉิงจินที่มองดูอยู่ตรงนี้ตัวสั่นงันงก เดิมทีเขาคิดว่าเฉิงเจวี้ยนจะโกรธเมื่อดูเสร็จ แต่กลับไม่ เฉิงเจวี้ยนเพียงมีท่าทีเย็นชา ลมหายใจแผ่วเบาไปทั่วร่างกาย…

“ฉันให้คนซื้อบัญชีโฆษณาและบล็อกเกอร์ของเวยป๋อเหล่านี้ไหม” เฉิงจินถามเฉิงเจวี้ยน

เขาคือลูกมือที่มีประสิทธิภาพและมีไหวพริบของเฉิงเจวี้ยน ชำนาญและมีเล่ห์เหลี่ยม เรื่องนี้ต้องมอบหมายให้เขาค่อยๆ พัฒนา เขาสามารถทำให้ตลาดสีดำกลายเป็นสีขาวได้อย่างราบรื่น แต่จำเป็นต้องใช้เวลา

ถ้านำหลักฐานที่แท้จริงออกมาไม่ได้ ก็ใช้วิธีแบบนั้น สองเดือนให้หลังประเด็นร้อนจะหายไปเอง

“ไม่ต้อง” เฉิงเจวี้ยนหยิบเอาเทปบันทึก พลางหยิบเอาโน้ตบุ๊กและแฟลชไดรฟ์ เขาเลิกคิ้ว น้ำเสียงเย็นชา “ไปสมาคมเมืองหลวง”

เฉิงจินเหลือบมองเทปบันทึกในมือเฉิงเจวี้ยน หยิบกุญแจรถขึ้นมาอย่างครุ่นคิด ไปสมาคมไวโอลินกับเฉิงเจวี้ยน

**

ในขณะเดียวกัน

บ้านตระกูลเสิ่น

หนิงฉิงยังเก็บของอยู่ในห้อง ฉินอวี่พักอยู่มหาวิทยาลัย บ้านตระกูลหลินซื้ออพาร์ตเมนต์เล็กๆ แถวบริเวณมหาวิทยาลัย เพื่อให้หนิงฉิงสะดวกดูแลฉินอวี่ เพื่อเธอแล้ว บ้านตระกูลหลินก็ใช้จ่ายเงินไปอย่างมาก

ในระหว่างการจัดเตรียมกระเป๋าเดินทาง จู่ๆ หนิงฉิงก็นึกถึงฉินหร่าน และฉินฮั่นชิวที่ปรากฏตัวที่เมืองหลวงอย่างน่าประหลาด

แน่นอน หนิงฉิงไม่คิดว่าฉินฮั่นชิวมาเมืองหลวงก็เพื่อฉินหร่านอย่างเด็ดขาด…

ถึงอย่างไรตนก็เป็นผู้ให้กำเนิด หนิงฉิงก็รู้จักฉินหร่านดี ก่อนหน้านี้ฉินฮั่นชิวมีทัศนคติต่อฉินหร่านไม่ต่างจากเธอ… ตอนนี้นับว่าผ่อนคลายลง แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขนาดนั้น…

ยังไงก็เป็นไปได้ยาก ถึงฉินหร่านให้อภัยฉินฮั่นชิว ฉินฮั่นชิวก็ไม่มีหน้าจะไปอยู่อาศัยกับฉินหร่าน

ฉินฮั่นชิวก็ไม่ได้มาที่เมืองหลวงเพื่อพัฒนา เขาที่อ่อนแอไร้ความสามารถ ไม่มีใครเข้าใจได้เท่าหนิงฉิง

หนิงฉิงคิด คิ้วขมวด นึกเหตุผลไม่ออก เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเอาเสื้อผ้าด้านในออกมาพับ

ประตูถูกเคาะสองครั้ง หลินหว่านเข้ามาจากด้านนอกประตู มองไปรอบๆ ด้านในห้อง “พี่สะใภ้ ของของคุณเก็บเรียบร้อยดีหรือยัง”

หนิงฉิงยังไม่ชินกับท่าทีของหลินหว่าน มือที่หยิบเสื้อผ้าอยู่หยุดลง “เหลืออีกนิดหน่อย”

หลินหว่านยิ้ม เธอดูเป็นธรรมชาติกว่าหนิงฉิง ยืนอยู่ในห้องมองหนิงฉิงอยู่พักหนึ่ง จึงหยิบโทรศัพท์ถามขึ้น “พี่สะใภ้รู้เรื่องในเวยป๋อแล้วหรือยัง?”

“เรื่องอะไร?” สองวันมานี้หนิงฉิงยุ่งอยู่กับเตรียมตัวเปิดเรียนให้ฉินอวี่ ไม่มีกะจิตกะใจกับเรื่องอื่น

“เป็นเรื่องลอกเลียนแบบของลูกสาวทั้งสองของคุณ” หลินหว่านตั้งใจมองท่าทีของหนิงฉิง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนนี้ในเวยป๋อบอกว่าทำนองเพลงไวโอลินที่ฉินหร่านแต่งเองไม่กี่วันก่อน เป็นของที่ลอกเลียนแบบมาจากฉินอวี่”

พรึ่บ