ตอนที่ 625 อุ้มกลับไปเลี้ยงที่บ้าน / ตอนที่ 626 พวกเราเรียกคุณว่าคุณหนู

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 625 อุ้มกลับไปเลี้ยงที่บ้าน

 

 

อวี๋เยว่หานดูคลิปจบแล้ว เขาก็หันหน้าไปสั่งการทันที

 

 

ชายหนุ่มหลุบตาลง “ยังมีผู้หญิงที่ชื่อสิงลี่นี่อีก ตามหาตัวเธอออกมา ผมอยากเจอเธอ!”

 

 

“ครับ” ผู้ช่วยกำลังจะออกไป แต่เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตู และเปิดประตูออก พ่อบ้านก็ยืนอยู่ข้างนอกแล้ว กำลังจะเข้ามารายงาน

 

 

“คุณชายครับ คุณชายฟ่านมาแล้ว ตอนนี้อยู่ข้างล่าง”

 

 

“…”

 

 

คุณชายหานฟมุนตัวไปจูงมือของเหนียนเสี่ยวมู่ แล้วสาวเท้าออกจากห้องหนังสือไป

 

 

เงาร่างหล่อเหลาของฟ่านอวี่ยืนอยู่หน้าโซฟาในห้องรับแขกของชั้นล่าง

 

 

เมื่อได้ยินเสียงเท้าดังมาจากปากบันได ฟ่านอวี่ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อน

 

 

ครั้นเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เดินลงมาจากชั้นบน ดวงตาอ่อนโยนของเขาพลันฉายแววเป็นห่วง ทว่ากวาดสายตามองดู และแน่ใจว่าเธอไม้เป็นอะไร สีหน้าของเขาก็กลับมาเรียบนิ่งดังเดิม

 

 

พ่อบ้านยกน้ำชาเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

 

ฟ่านอวี่นั่งลงบนโซฟา มองเหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายวินาที เขาถึงจะขยับริมฝีปากบาง

 

 

“พวกคุณเห็นข่าวกับคลิปบนอินเทอร์เน็ตแล้วใช่ไหม”

 

 

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายถาม อวี๋เยว่หานไม่ได้ตอบทันที แต่กลับหันหน้าไปมองเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

“คนในคลิปเป็นพี่สาวของฉันจริงๆ เหรอ ฉันชื่อสิงซิงจริงๆ เหรอ” เหนียนเสี่ยวมู่พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง แล้วถามทีละคำถาม

 

 

เรื่องในอดีต เธอจำไม่ได้แล้ว

 

 

ทันใดนั้น เธอเหมือนเคยเจอผู้หญิงในคลิปจริงๆ

 

 

แต่เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูด เธอกลับไม่มีความทรงจำเลยสักนิด

 

 

“ผมบอกคุณแล้ว ว่าคุณชื่อลิ่วลิ่ว” ฟ่านอวี่เอ่ยเสียงเรียบ

 

 

“…”

 

 

“ผมรู้จักคุณตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นธุรกิจหลักของบริษัทตระกูลฟ่านยังอยู่ภายในประเทศ ผมอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณยาย บางครั้งก็ไปอยู่บ้านเล็กในคฤหาสน์ เลยได้เจอคุณบ้าง ตอนนั้นคุณใส่ชุดเจ้าหญิง นั่งอยู่บนม้านั่งในสวน เหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ เหมือนตุ๊กตาที่จะเห็นได้ในตู้โชว์…”

 

 

ฟ่านอวี่คิดถึงอดีตของพวกเขาสองคน น้ำเสียงโดษเดี่ยวขึ้นบ้าง

 

 

เรื่องเหล่านี้ เดิมทีเขาไม่คิดจะพูดออกมา

 

 

เพราะขอเก็บเป็นความทรงจำของเขาคนเดียว

 

 

“ตอนนั้นผมตะลึงไปเลย ได้แต่ยืนอยู่นอกรั้วของสวน มองคุณเงียบๆ อยู่หลายวินาที คิไม่ถึงว่าจู่ๆ คุณจะถือตุ๊กตาในมือวิ่งมาหาผม บอกว่าจะให้มันกับผม แถมยังพูดอีกว่า ไม่เคยเห็นพี่ชายหน้าตาดีขนาดนี้มาก่อน อยากจะอุ้มผมกลับไปเลี้ยงที่บ้าน…นั่นเป็นตอนที่เราเจอกันครั้งแรก”

 

 

“…”

 

 

เมื่อฟ่านอวี่พูดออกมา ความกดอากาศภายในห้องรับแขกก็เหมือนลดต่ำลงในพริบตา

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองอวี๋เยว่หานด้วยความเคร่งเครียด

 

 

เป็นไปตามคาด ใครบางคนได้ยินว่าเธออยากอุ้มฟ่านอวี่กลับไปเลี้ยงที่บ้าน สีหน้าดำเป็นก้มหม้อแล้ว

 

 

มือของชายหนุ่มที่จับมือเธออยู่พลันกระชับแน่น มุมปากยกโค้ง เหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่ใช่

 

 

“ที่แท้อุดมการณ์ชอบอุ้มผู้ชายไปเลี้ยงนี่ มีมาตั้งแต่เด็กแล้วสินะ”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “o(╯□╰)o…”

 

 

เธออยากเถียงอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฟ่านอวี่ ในใจของเธอกลับอ้างว้างขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

 

 

และรู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดโกหก นั่นเป็นเรื่องที่เธอทำจริงๆ

 

 

เมื่อสบสายตาเย็นชาของอวี๋เยว่หาน เธอใช้นิ้วมือเขี่ยฝ่ามือของ ลดเสียงอธิบายว่า “ตอนนั้นฉันยังเด็ก ไม่รู้ประสา คุณอย่าคิดจริงจังเลย!”

 

 

“จริงเหรอ เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องหนังสือ คุณบอกว่าจะหาเงินเลี้ยงผมไม่ใช่เหรอ”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “o(╯□╰)o…”

 

 

“คุณพิเศษมาตั้งแต่เด็ก หน้าตาเหมือนตุ๊กตา แต่ใจกล้ามากกว่าเด็กทั่วไป นิสัยเปิดเผยมาก หลายปีที่ผมอยู่ที่บ้านคุณยาย ผมจงใจเดินผ่านรั้วบ้านของคุณทุกวัน เพื่อจะได้คุยกับคุณสักสองสามประโยค”

 

 

ฟ่านอวี่ยังคงรำลึกอดีตต่อไป

 

 

ความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในใจเหล่านั้น ยังคงแจ่มชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

 

 

 

 

ตอนที่ 626 พวกเราเรียกคุณว่าคุณหนู

 

 

“ตอนนั้นผมเป็นผู้สืบทอดของบริษัทตระกูลอวี๋แล้ว ในตระกูลต่างก็ตั้งความหวังกับผมไว้สูงมาก ผมต้องเรียนรู้เรื่องธุรกิจมากมายทุกวัน ต้องเรียนเสริมวิชาต่างๆ…ช่วงที่มีความสุข ก็คือการเจียดเวลาช่วงหนึ่งหยุดคุยและเล่นกับคุย ระหว่างทางกลับบ้าน”

 

 

วัยเด็กของฟ่านอวี่ไม่ได้อ่อนโยนและเป็นอิสระ อย่างที่เขาทำให้คนอื่นรู้สึกอย่างนั้น

 

 

กลับกัน เขาต้องรับความกดดันของตระกูลตั้งแต่ยังเล็ก ความอบอุ่นเดียวที่มีก็คือลิ่วลิ่วของเขา

 

 

พวกเขาอายุห่างกันหลายปี

 

 

ตอนที่เขาเรียนพิเศษตัวต่อตัว เธอก็เล่นตุ๊กตา

 

 

ต่อมาตอนที่เธอเริ่มเรียนหนังสือ สิ่งที่เธอเรียน เขาก็รู้หมดแล้ว

 

 

เขาจึงกลายเป็นติวเตอร์ของเธอ

 

 

ขอเพียงเธอไม่รู้ เธอก็จะจดใส่สมุดบันทึกเล่มเล็กๆ จากนั้นก็จะรอเขาอยู่ที่รั้วบ้าน รอเขากลับบ้านในตอนบ่ายทุกวัน

 

 

จนกลายเป็นความลับระหว่างทั้งสองคน

 

 

นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้

 

 

เธอชอบเรียกเขาว่าพี่ชายฟ่านอวี่ ด้วยเสียงหวานๆ

 

 

และเธอก็ไม่ได้เรียนวิชาธรรมดาเหมือรเด็กทั่วไป

 

 

ตอนที่เธอยังเด็กมาก เธอก็เหมือนกับเขา ต้องเริ่มเรียนที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อและธุรกิจ

 

 

แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ฉลาดเฉลียว ไม่ยอมแพ้ให้กับความยากของวิชาธุรกิจเลยสักนิด

 

 

ต่อมาเขาถึงพบว่า เธอมีความสามารถที่ลืมไม่ลง เพราะเธอเรียนรู้เรื่องตัวเลขได้เร็วเป็นพิเศษ

 

 

ขอแค่เป็นตัวเลขที่เธอเคยเห็นผ่านตา เธอก็สามารถจดจำใส่สมองได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งคิดคำนวณอย่างแม่นยำ…

 

 

เขาพบความพิเศษของเธอนี้อย่างรวดเร็ว

 

 

แต่เขาในตอนนั้นอายุมากกว่าเธออยู่หลายปี

 

 

โลกของเด็กเรียบง่าย และบริสุทธิ์มาก

 

 

พอได้เจอเพื่อนเล่นที่ใจตรงกัน ก็คิดแต่ขอให้ได้เจอเธอทุกวัน เท่านั้นก็เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดแล้ว

 

 

“หลายปีก่อนผมอยู่ที่บ้านคุณยาย พวกเราแอบเจอกันอยู่ตลอด ผมได้ยินคนอื่นเรียกคุณว่าคุณหนู ก็เลยไปถามชื่อของคุณมาก” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของฟ่านอวี่วูบไหวเล็กน้อย

 

 

จนตอนนี้เขาก็ยังคงจำได้ ตอนที่เขาถามชื่อของเธอ เธอครุ่นคิดอยู่นานมาก

 

 

ราวกับจำชื่อของตัวเองไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น

 

 

ตอนนั้นเขารู้สึกโมโหอยู่บ้าง แต่กลับตัดใจอารมณ์เสียใส่เธอไม่ลง ได้แต่มองเธออยู่นอกรั้วด้วยความเด็ดเดี่ยว

 

 

เมื่อเขาต้องไปในตอนสุดท้าย จู่ๆ เธอก็ยื่นมือเล็กของตัวเองมาดึงชายเสื้อของเขา แล้วพูดกับเขาว่า “หนูชื่อลิ่วลิ่ว พี่ฟ่านอวี่เรียกหนูว่าลิ่วลิ่วนะ ลิ่วลิ่วให้พี่รู้คุณเดียว ไม่บอกคนอื่น”

 

 

ลิ่วลิ่ว คือชื่อที่เธอบอกกับเขา

 

 

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็เรียกเธอว่าลิ่วลิ่วตลอด

 

 

ลิ่วลิ่วที่เป็นของเขาเท่านั้น

 

 

“ลิ่วลิ่ว คงไม่ใช่ชื่อเสี่ยวลิ่วลิ่วหรอกใช่ไหม…” เหนียนเสี่ยวมู่พูดย้ำชื่อของตัวเองเสียงเบา

 

 

ในหัวปรากฏภาพที่ไม่คุ้นเคย ทั้งยังมีคำจำนวนหนึ่งด้วย

 

 

เธออยากมองให้ชัดเจน ทว่าอย่างไรก็มองไม่ชัด

 

 

“เสี่ยวลิ่วลิ่วมีชื่อจริงว่าอวี๋ลิ่วลิ่ว ตอนที่เธอถูกส่งมาหาผม บนรายงานตรวจดีเอ็นเอฉบับนั้น เขียนชื่อนี้เอาไว้ด้วย” อวี๋เยว่หานเอ่ยปากเสียงเรียบ พูดต่อจากเหนียนเสี่ยวมู่ ก่อนจะอธิบายต่ออีก

 

 

“ตอนนั้นผมคิดว่าชื่อนั้นเป็นชื่อที่แม่แท้ๆ ของเสี่ยวลิ่วลิ่วตั้งให้ เพราะอยากให้เธอมีความสุข หวังว่าเธอสมปรารถนาไปตลอดชีวิต ก็เลยไม่ได้คิดมาก ยังคงให้เสี่ยวลิ่วลิ่วใช้ชื่อนั้นต่อไป”

 

 

แต่ตอนนี้เขาคิดดูแล้ว ชื่อลิ่วลิ่วนี่อาจจะไม่ใช่ชื่อที่เหนียนเสี่ยวมู่ตั้งให้ลูกสาวของเธอตั้งแต่แรก

 

 

แต่เป็นชื่อของเธอเอง!

 

 

“ผมจำได้ว่าผมอยู่ที่บ้านคุณยายมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอครอบครัวของคุณเลยสักครั้ง ได้ยินแต่คนข้างกายคุณ เรียกคุณว่าคุณหนูตลอด จนกระทั่งมีครั้งหนึ่ง ตอนที่ผมไปหาคุณนอกรั้วบ้าน ผมเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงอายุพอๆ กับคุณอยู่คนหนึ่ง…”