หวงเหอบาธ ในห้องทำงานชั้นบนสุด
หยางเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ชี้ไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่ข้างใน “นั่งสิ!”
เว่ยเชินถึงได้กล้านั่งลงไป เมื่อคืนทุกอย่างที่เกิดขึ้นในไดนาสตี้ คลับ ประทับอยู่ในหัวสมองของเขาอย่างลึกซึ้ง
ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่เล่นหักปืนด้วยมือเปล่า ถ้าอยากฆ่าตนเองเข้าจริง ย่อมทำได้อย่างง่ายดายมาก ในใจของเขาแม้แต่ความคิดที่จะแก้แค้นสักนิดยังไม่กล้าคิดเลย
แน่นอนว่านี่คือก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เจอคนมีฝีมือขั้นสุดยอดเทียบได้กับหยางเฉินแบบนี้
“ว่ามา!”
หยางเฉินมองเว่ยเชินพูดจาระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“คุณหยางครับ ผมสามารถช่วยเป็นคนกลางให้ท่านพูดคุยกับพวกเขาได้ เพียงแค่จะสำเร็จหรือไม่ ไม่กล้ารับประกันกับท่านนะครับ” เว่ยเชินพูดขึ้น
“ทำไม? อยากจะเจอพวกเขายังยากขนาดนี้?” หยางเฉินถามอย่างหยอกล้อ
เว่ยเชินรีบบอกทันที “คุณหยางครับ ท่านก็ทราบ เรื่องแบบนี้มีผลกระทบใหญ่หลวง พอเปิดเผยออกมา จะนำความเดือดร้อนมากมายมาให้ผู้ร่วมงานทั้งคู่ ฝ่ายตรงข้ามจึงระมัดระวังหน่อย นี่เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้”
หยางเฉินเข้าใจเหตุผลนี้เช่นกัน วันนั้นตอนที่รู้ว่าคนขับรถที่ส่งสาวสวยมายังไม่ชัดเจนว่าตนเองลากของอะไรมาเลย ก็พิสูจน์ความจริงในจุดนี้แล้ว
อีกฝ่ายระวังอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องในวันนั้น เกรงว่าจะดึงดูดความสนใจของพวกเขา ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังตรวจสอบอยู่
“ได้ งั้นนายช่วยแนะนำฉันสักหน่อย เวลาสถานที่ ให้ฝ่ายตรงข้ามกำหนด” หยางเฉินพูดอย่างเบิกบาน
ชั่วขณะนั้นเว่ยเชินดีใจขึ้นมา แบบนี้ดีที่สุดแล้ว
“บอกฉันมาหน่อยสิ คนพวกนั้นที่ร่วมงานกับตระกูลเว่ยของพวกนาย สรุปแล้วมีเบื้องหลังยังไง?” ทันใดนั้นหยางเฉินถามขึ้นอีก
เว่ยเชินหัวเราะขมขื่นส่ายหน้าแล้ว “พูดตามตรงนะครับ แม้แต่พวกเราที่ร่วมงานกันมาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่รู้เบื้องหลังของอีกฝ่ายดีเลยครับ ทุกครั้งอีกฝ่ายจะจัดรถยนต์และคนขับที่ไม่เหมือนกันมาส่งคนครับ โดยเฉพาะคนที่ส่งมาแต่ละครั้งล้วนมีคนที่ตามรถมาด้วย พอเกิดเรื่องผิดปกติใดๆ เขาจะหลบหนีไปโดยทันที”
“งั้นพวกนายรู้จักกันได้ยังไง?” หยางเฉินถามอีก
“เรื่องนี้ต้องเล่าไปถึงยี่สิบปีก่อนครับ ตระกูลเว่ยในตอนนั้นยังเป็นแค่ตระกูลเล็กๆ แห่งหนึ่ง คุณพ่อของผมรู้จักเพื่อนคนหนึ่ง นั่นก็คือเขาที่แนะนำทั้งธุรกิจให้คุณพ่อของผมมา” เว่ยเชินบอกไป
ระหว่างคิ้วของหยางเฉินขมวดตึงนิดๆ คาดไม่ถึงก่อนหน้านานขนาดนั้นจะเริ่มร่วมงานกันแล้ว
พูดมาขนาดนี้ องค์กรแห่งนั้นคงเก่งกาจมากจริง ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ธุรกิจของพวกเขายังยืนหยัดต่อมาได้
ดูแล้วเบื้องหลังคงต้องเป็นปลาใหญ่ตัวหนึ่งเป็นแน่
“ปัจจุบันตระกูลเว่ยของพวกนายยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หรือว่ายังไม่รู้เบื้องหลังของอีกฝ่ายชัดเจนดี?” หยางเฉินหน้าตาอึมครึมสอบถามไป
มองเห็นหยางเฉินเหมือนไม่เชื่ออยู่บ้าง ในขณะนั้นเว่ยเชินตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน รีบพูดรับรองทันที “คุณหยางครับ แต่ละคำที่ผมพูดเป็นความจริงนะครับ พวกเราเคยค้นหาแล้ว แต่ว่าหาอะไรไม่เจอเลยจริงๆ!”
ดูท่าทางตระกูลเว่ยคงไม่รู้จักเบื้องหลังของอีกฝ่ายชัดเจนจริงๆ แต่หยางเฉินยังสามารถเข้าใจได้ ถ้าง่ายดายขนาดนั้นจริงคงสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้ชัดเจน องค์กรแห่งนั้นคงไม่สามารถอยู่รอดมาได้ยี่สิบกว่าปีหรอก
“นายรีบช่วยฉันติดต่อให้ไว จัดการเรียบร้อยแล้ว บอกฉันด้วย!”
หยางเฉินรู้ว่า ถึงถามต่อไปอีก เกรงว่าถามไม่ได้ความอะไร เลิกล้มความคิดทันที
“คุณหยางครับ บอกท่านตามตรงนะครับ เดิมทีพวกเราตระกูลเว่ยไม่มีช่องทางติดต่อของพวกเขาครับ ทุกครั้งล้วนเป็นพวกเขาติดต่อพวกเรามา อาจจะไม่มีทางช่วยเป็นตัวกลางให้ท่านได้ชั่วคราว รอให้อีกฝ่ายติดต่อมาแล้ว ผมจะพูดถึงเรื่องนี้กับพวกเขาทันทีเลยครับ” เว่ยเชินบอกไป
หยางเฉินตะลึง คาดไม่ถึงตระกูลเว่ยแม้แต่ช่องทางการติดต่อของอีกฝ่ายหนึ่งก็ยังไม่มีด้วย การรักษาความลับนี้ช่างแน่นหนาเกินไปมั้ง?
“ได้ งั้นรอจัดการเสร็จเมื่อไร แจ้งให้ฉันรู้ตอนนั้นแล้วกัน”
หยางเฉินพูดจบ ทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ของตนเองให้เว่ยเชินไว้
“ทำไมนายถึงยังไม่ไปอีก?”
หยางเฉินขมวดคิ้วถามทันใด
“คุณหยางครับ ท่านว่าหวงเหอบาธสามารถขายให้พวกผมได้เมื่อไรกันครับ?” เว่ยเชินถามอย่างระมัดระวัง
“รอเมื่อไรที่นายทำธุระของฉันเรียบร้อยแล้ว ค่อยมาพูดเรื่องนี้กับฉัน” หยางเฉินพูดจาเย็นชา
ถึงแม้เว่ยเชินไม่ยอมอย่างไร ยามอยู่ต่อหน้าหยางเฉิน เขายังไม่มีความสามารถพอ ทำได้เพียงจากไป
อีกฝั่งหนึ่ง ฉินซีขับรถมาด้วยตนเอง พาฉินต้าหย่งและโจวยู่ชุ่ยเข้าสู่เขตหมู่บ้านคอนโดระดับสูงแห่งหนึ่ง
“พ่อคะ ห้องที่พ่อเช่าคือที่นี่เหรอคะ?” ฉินซีถามขึ้น
ในมือของเธอลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง บนข้อมือหิ้วกระเป๋าถือใบหนึ่ง เดินตามฉินต้าหย่งไปข้างหน้า
ฉินต้าหย่งหัวเราะบอก “ที่นี่อยู่ใกล้บริษัท เข้างานเลิกงานพ่อเดินไปกลับบ้านเอาได้ทุกวัน ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปด้วย โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมหมู่บ้านคอนโดนี้ก็ไม่เลวด้วย”
ฉินซีพยักหน้าแล้ว เห็นด้วยกับความคิดของฉินต้าหย่ง คอนโดแห่งนี้ดูขึ้นมาเก่าอยู่บ้าง แต่สภาพแวดล้อมยังดีมาก
ในลานสาธารณะคอนโดไม่อนุญาตให้รถเข้าออก โดยเฉพาะใจกลางเขตที่พักยังมีลานกว้างขนานใหญ่แห่งหนึ่ง รอบด้านจัดวางเครื่องออกกำลังกายจำนวนหนึ่ง ทั้งยังมีม้านั่งพักผ่อนด้วย
“ทางนั้นเป็นเขตคฤหาสน์ ราคาก็เข้าถึงได้มากด้วย รอพ่อหาเงินได้ ค่อยซื้อคฤหาสน์ที่นั่นสักหลัง”
“คอนโดเสื่อมโทรมเล็กๆ มีอะไรดีกัน? ดียังไง สามารถสู้คฤหาสน์ของยอดเมฆาได้เหรอ?” โจวยู่ชุ่ยพูดอย่างอารมณ์เสีย
“นั่นมีอะไรดีล่ะ? ทั้งยอดเขาก็มีคฤหาสน์หลังเดียว แม้แต่เงาคนใกล้ๆ ยังไม่มี นี่ดีกว่าตั้งเยอะ รอให้ผมเกษียณแล้ว ยังสามารถเล่นหมากรุกกับคนรุ่นๆ เดียวกันนั้นได้ ตอนบ่ายยังออกไปเต้นรำที่ลานกว้างได้ด้วย” ฉินต้าหย่งเหมือนพึงพอใจต่อที่นี่มากจริงๆ
เห็นรอยยิ้มที่จริงใจบนหน้าของฉินต้าหย่ง แถมยังดูมีการรอคอยระดับหนึ่งด้วย ฉินซีรู้ว่าบิดาไม่ได้พูดโกหก เขาชอบที่นี่จริง
“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่คุณฉินเหรอ?”
ในเวลานี้เอง เสียงที่ไม่เข้าพวกกันดังขึ้นมาแล้ว ในคำพูดเห็นได้ชัดว่ามีอารมณ์เย้ยหยันเข้มมาก
สามคนพ่อแม่ลูกมองเข้าไปทันควัน เห็นเพียงผู้หญิงสง่างามอายุสามสิบกว่าคนหนึ่ง กำลังยิ้มกริ่มจ้องโจวยู่ชุ่ยอยู่
“เธอเองเหรอ!”
โจวยู่ชุ่ยจำผู้หญิงคนนี้ได้ทันใด
ตอนนั้นที่ฉินยีเลี้ยงอาหาร ตอนที่โจวยู่ชุ่ยไปเข้าห้องน้ำออกมา ก็เป็นผู้หญิงคนนี้สนใจกำไลที่หยางเฉินซื้อให้เธอ จึงจงใจทำกำไลของตนเองตกแตก จากนั้นใส่ร้ายโจวยู่ชุ่ย แถมยังให้เธอชดใช้ให้
ตอนที่เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสะใภ้ตระกูลจาง อยู่ต่อหน้าสาธารณชน ต้องให้ฉินยียื่นหน้าเข้าไปให้ผู้หญิงคนนี้ตบ ต่อมาหยางเฉินปรากฏตัว เธอจึงผลักภาระทุกอย่างไปให้บนหัวของหยางเฉิน จากนั้นไม่สนใจฉินยีกับหยางเฉินว่าเป็นตายอย่างไร หนีไปตามลำพัง
และต่อมาก็เป็นจางกว่างพาผู้หญิงคนนี้ไปขอโทษที่ห้องส่วนตัว และยังเอากำไลคืนให้เธอด้วย
ฉินซีค่อยๆ จำผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน ขณะนั้นสีหน้าเย็นชาลงมา “คุณคือหวังลู่เหยาสินะ?”
“ยู่ชุ่ย นี่คือเพื่อนคุณเหรอ?”
วันนั้นที่เลี้ยงอาหาร ฉินต้าหย่งไม่อยู่ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคิดว่าผู้หญิงคนนี้รู้จักกับโจวยู่ชุ่ย จึงยิ้มพูดว่า “ผมบอกแล้วเช่าห้องที่นี่ดีออก? คุณดูสิ เพิ่งมาก็เจอเพื่อนแล้ว”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันลูกสะใภ้ของตระกูลจางที่น่าเกรงขาม จะมาพักที่เสื่อมโทรมแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
หวังลู่เหยามองฉินต้าหย่งแบบเยาะเย้ยแวบหนึ่ง และยิ้มกริ่มจ้องโจวยู่ชุ่ยที่สีหน้าดูแย่ “ได้ยินว่าพวกเธอทั้งครอบครัวโดนไล่ออกจากตระกูลแล้ว? ทำไม? ตอนนี้แม้แต่ที่อยู่ยังไม่มี จนต้องวิ่งมาเช่าห้องอยู่ที่นี่?”