เยี่ยเฟิงมองท่านยายเยี่ยเสียชีวิตอย่างเนจอนาถด้วยความตื่นตระหนก ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

น้ำตาไหลพราก เยี่ยเฟิงกอดศพท่านยายเยี่ยแนบแน่นพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย

กู้ชูหน่วนอยากปลอบประโลมเขา ทว่าไม่รู้ควรพูดเช่นไร

สำหรับเยี่ยเฟิง ท่านยายเยี่ยคือชีวิตของเขา หรือสำคัญกว่าชีวิตเขา

ยามนี้ ท่านยายเยี่ยช่วยเขาบังกระบี่จนต้องตายอย่างเวทนา คงกลายเป็นปมในใจเยี่ยเฟิงตลอดกาล

มือข้างหนึ่งของเจียงซวี่ถูกฟัน อีกข้างถูกทหารอารักขาจับไว้ จึงขยับเขยื้อนไม่ได้ ทว่ากลับหัวเราะบ้าบิ่นด้วยความชิงชัง “ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า ยายตาบอด เจ้าควรตายตั้งนานแล้ว เยี่ยเฟิง ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าคือตัวอัปมงคล ใครอยู่กับเจ้าต้องซวยกันหมด วันนี้ยายตาบอดนี้ตาย วันหน้าคนที่ตายคือ……”

“ปังปังปัง”

กู้ชูหน่วนเอาคันธนูฟาดใส่เขาหลายสิบครั้ง จนในที่สุดฟันของเจียงซวี่พ่นออกมาพร้อมกับเลือดสด

บริเวณที่ไม่ไกลออกไป เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้วมุ่น

ก็แค่เจียงซวี่ มีวิธีทำให้เขาตายร้อยแปดพันเก้า

เขา……กลัวนางจะตีจนเจ็บมือ

เป็นครั้งแรกที่เห็นกู้ชูหน่วนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

เจียงซวี่ส่งเสียงกระอักเลือด จากนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งต่อ “ถึงข้าตาย เจ้าก็อย่าคิดมีชีวิตสงบสุขเลย เจ้าเป็นคนดีไม่ใช่รึ มีเมตตามากนี่ ข้าจะดูว่าเจ้าจะเป็นคนดีมีเมตตาได้นานแค่ไหน”

ฝูกวงตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด “นายท่าน เศษสวะแบบนี้ ให้ข้าน้อยฆ่าทิ้งเถอะ”

กู้ชูหน่วนยิ้มเนือยๆ ทว่าใบหน้ากลับเย็นยะเยือกราวกับภูตปีศาจ ชวนให้ขนลุกพอง

“สังหารเขาเท่ากับปรานีเขาน่ะสิ แม้จะใช้วิธีลงโทษที่โหดสุดในใต้หล้า แต่เมื่อใช้กับเขา มันก็เบาไป”

กู้ชูหน่วนตวัดกระบี่ยาวในมือ จากนั้นก็ฟาดฟันลงไป เจียงซวี่กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ล้มกองกับพื้น และดิ้นไม่หยุด

ประหนึ่งโลหิตพบเจอทางระบาย มันไหลทะลักออกมาไม่หยุด

“ไอ้สารเลว แม้เจ้าสังหารข้า แต่ก็ลบล้างฐานะคนปรนนิบัติของเยี่ยเฟิงไม่ได้หรอก เขาคือคนชนชั้นต่ำต้อยที่สุด….อ๊าก…”

ขาซ้ายของเจียงซวี่ถูกตัดทิ้ง เขาเจ็บจนต้องสูดลมเย็นเข้าไป เขาอยากกัดลิ้นตัวเองตายเหลือเกิน

ผู้ลงมือครั้งนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเทพสงคราม

เยี่ยจิ่งหานกล่าวเสียงเย็นเยียบ “สิ่งที่เจ้าเอ่ยเมื่อครู่ แม้จะตัดแขนขาเจ้าหมดก็ยังถือว่าเบาไป”

สาเหตุที่ยังไม่ปลิดชีพ เพราะสตรีของเขายังไม่หายแค้น

และสาเหตุที่ตัดขาอีกฝ่ายทิ้งหนึ่งข้าง เพียงเพราะอีกฝ่ายก่นด่าสตรีของเขา

“ต่ำช้า ไร้ยางอาย หากไม่ใช่พวกเจ้า ข้าจะถูกเหยียบหยามเช่นนี้หรือ ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า…….อ๊าก……”

ไม่ทันสิ้นเสียงเจียงซวี่ กู้ชูหน่วนก็ตัดขาอีกข้างที่เหลือของเขาทิ้ง

“เจ้ารู้มากจริง หากเจ้าขอโทษเยี่ยเฟิงแต่โดยดี ข้าจะให้เจ้าตายอย่างสบายขึ้น”

“เจ้าอย่าหวังเลย ไม่ว่าจะภพนี้หรือภพหน้า ข้าไม่มีทางขอโทษไอ้คนปรนนิบัติต่ำช้าเด็กขาด ไม่มีทางตลอดกาล”

“ใช่หรือ เช่นนั้นข้าก็ขออภัย แม้มือเท้าทั้งสี่ของเจ้าถูกตัดหมด แต่ข้าจะใช้ยายืดชีวิตเจ้า จากนั้นก็แทงตามแขนขาของเจ้าวันละสี่จุด ให้เจ้ารู้จักคำว่าอยู่ไม่สู้ตาย”

“เจ้าต่ำทราม…….”

“ข้าต่ำทราม? เท่าเจ้าไหมล่ะ? เจ้าทำอะไรกับเยี่ยเฟิงบ้าง แล้วเยี่ยเฟิงปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร เขารังแกง่าย แต่กู้ชูหน่วนอย่างข้า ไม่ใช่”

เกิดเสียงแทงอีกครั้ง กู้ชูหน่วนข่มอารมณ์เดือดดาลไม่อยู่ จึงตัดเอวเขาซะเลย

“อ๊าก……”

เจียงซวี่กรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน

บัดนี้ไม่เพียงแต่โดนตัดแขนขาทั้งสี่ทิ้ง ยังโดนตัดเอวทิ้งด้วย สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ การถูกตัดเอวทิ้งไม่ได้สิ้นลมหายใจทันที มีเพียงเจ็บปานตายเท่านั้น

ต้องทนมองเลือดสดของตัวเองไหลจนเหือดแห้ง ทว่าอยากตายก็ตายไม่ได้ อยากสลบก็ไม่ได้อีก มันเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าตัดแขนตัดขาแล้วเชือดคอทิ้งหลายพันหลายหมื่นเท่า