จอมมารทะเลเลือดนั่งอยู่ริมขอบสระน้ำพุของโรงแรมอัลเบอัส

เขาโยนเศษอาหารลงไปให้ปลาในสระแหวกว่ายขึ้นมากิน

“งั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ”

เขายกสองมือขึ้นมาปัดเศษอาหาร และกล่าวกับฝูงชน

เสี่ยวเหมียวเตือน “นายจะไปตอนนี้เลยหรือ? ราชินีแห่งหนามกำลังจะกล่าวยกย่องและมอบรางวัลให้กับทุกคนนะ นายไม่อยากได้มันหรือ?”

“นั่นมันก็แค่วิธีการซื้อใจผู้คนไม่ใช่หรือไง” จอมมารทะเลเลือดส่ายหัว “ได้ยินมาว่าราชินีหนารุ่นนี้เป็นแค่เด็กตัวจ้อยเท่านั้นเอง แล้วจะให้คนอย่างข้า ไปก้มหัวคารวะให้เด็กน้อยอย่างงั้นหรือ?”

แต่แล้วจู่ๆ ทะเลเลือดก็ราวกับตระหนักได้ถึงบางสิ่ง และหันไปมองกำปั้นเหล็กแบรี่

“มีอะไร?”

แบรี่ที่ถูกมองเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทันที

ทะเลเลือดกล่าวเสียดสี “นั่นสินะ ข้าก็ลืมไปเลยว่าแบรี่ผู้น่าสงสารติดหนี้อยู่เป็นจำนวนมหาศาล กระทั่งโลกมิติอนันต์ของตัวเองก็เกือบต้องเอาไปจำนอง จุๆๆ แบรี่ผู้ยากไร้เอ๋ย ในเมื่อเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นการก้มหัวคารวะให้แก่เด็กตัวน้อยๆ คงไม่นับว่าเป็นสิ่งใดสินะ ”

แบรี่กำหมัดแน่นทันที

ขณะเดียวกัน ในหูของเขาก็เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง…เหล่าตัวตนทรงอำนาจรอบตัวเขาส่งเสียงมาในเวลาเดียวกัน

“อัดมันเลยไหม?”

“ใช้โอกาสที่พวกเราอยู่ด้วยกันนี่แหละ รุมตีมันเลย”

“แบรี่ ถ้าแกเปิด ฉันตามแน่ๆ”

“เจ้าหมอนั่นสมควรที่จะถูกต่อยให้สมองกลับมาปกติเสียบ้าง”

“ส่งสัญญาณมา แล้วพวกเราจะกระโจนเข้าใส่มันพร้อมกัน”

“ไอ้ทะเลเลือดมันต้องได้รับบทเรียน!”

“ถ้าคุณไม่ตีเขาตอนนี้ โอกาสต่อไปที่จะลงมือคงไม่มีอีกแล้วนะมิสเตอร์แบรี่”

แบรี่พอได้ยินเสียงมากมาย เขาก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง

แต่สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมาและกล่าว “นี่ทะเลเลือด นายไม่ลองพยายามทำอะไรดึงดูดให้คนอื่นๆ ชอบในตัวนายขึ้นมาบ้างซักเล็กๆ น้อยหน่อยหรือ?”

เมื่อเขากล่าวประโยคนี้ออกมา เหล่าตัวตนทรงอำนาจโดยรอบก็ถอนหายใจพร้อมกันทันที

ดูเหมือนว่าการรุมกระทืบในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นเสียแล้ว

ตัวตนทรงอำนาจอีกคนส่ายหัวและกล่าว “แบรี่ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย ต่อให้วันสิ้นโลกมาถึง สันดานของเจ้าทะเลเลือดก็ยังเหมือนเดิม ดัดไม่ได้อยู่ดี”

“โทษทีนะ เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” จอมมารทะเลเลือดกล่าวอย่างจริงจัง “ทำไมข้าต้องไปทำให้คนอื่นพอใจด้วย ในเมื่อหลักการของข้า…”

ขณะกำลังกล่าว เห็นแค่เพียงทหารพิทักษ์แห่งหนามวิ่งเข้ามา และยื่นกระดาษขึ้นต่อหน้าเขา

“นี่อะไร?” จอมมารทะเลเลือดสงสัย

“ใบรายการในหน้าที่เก้าสิบเอ็ดคือรางวัลที่องค์กษัตริย์จะมอบให้แก่ท่าน ได้โปรดลองตรวจสอบดูก่อนว่า ท่านมีข้อเสนอใดๆ จะเพิ่มเติมเกี่ยวกับมันหรือไม่” ทหารพิทักษ์กล่าวด้วยความเคารพนับถือ

หน้าที่เก้าสิบเอ็ด…

จอมมารทะเลเลือดอดไม่ได้ที่จะเปิดดูมัน และกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว

เห็นแค่เพียงแสงและเงาสว่างขึ้นมาจากบนกระดาษ ฉายถึงไพ่ใบหนึ่ง

มันคือไพ่ที่แปลกประหลาด

ตรงบริเวณขอบไพ่ เป็นธารเลือดที่กำลังเดือดพล่าน ขณะเดียวกันด้านหลังของมันก็เป็นสีแดงเข้ม

ส่วนหน้าไพ่ ปรากฏถึงรูปของหญิงงามที่ถูกวาดอยู่

เป็นหญิงงามอันน่าทึ่ง งดงามอย่างถึงที่สุด

เธอกำลังหลับตาลงราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ มันไม่คุ้มค่าที่จะให้สายตาของเธอต้องแปดเปื้อน

อย่างไรก็ตาม เสน่ห์อันงดงามไร้ที่สิ้นสุดก็ยังคงถูกปลดปล่อยออกมาจากทั่วร่างกายเธอตลอดเวลา

หากคุณไม่ได้เห็นไพ่ใบนี้ด้วยตาตนเอง เกรงว่าอธิบายไปก็คงจะไม่เชื่อว่าเวลานี้ทะเลเลือดกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ตื่นเต้นเพียงใด

จอมมารทะเลเลือดมองดูไพ่ในแสงและเงา ทั้งคนทั้งร่างนิ่งงัน

“ใช่ ข้ารู้จักเธอ”

เขาบ่นพึมพำกับตนเอง แม้จะแผ่วเบาและแหบแห้ง แต่ก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นที่แผ่ออกมา

นี่คือหนึ่งในสามไพ่ที่ลึกลับที่สุดในสำรับไพ่ทะเลเลือด

เมื่อไหร่ก็ตามที่ไพ่ใบนี้ถูกเปิดใช้งาน ไพ่ทั้งหมดที่เพิ่งใช้ไปในการต่อสู้ก็จะถูกสร้างขึ้นอีกครั้งจากทะเลเลือด และกลับคืนสู่มือเจ้าของผู้ใช้ไพ่ทันที

หากครอบครองไพ่ใบนี้ จะเทียบเท่าได้กับผู้ใช้ไพ่มีสำรับไพ่ของตนเองเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง!

จอมมารทะเลเลือดถอนหายใจและส่งใบรายการคืนให้แก่ทหารพิทักษ์

“เข้าใจแล้ว ข้าตรวจสอบมันเรียบร้อยแล้ว”

“ท่านมีข้อเสนอแนะใดๆ หรือไม่?” ทหารพิทักษ์เอ่ยถาม

“ไม่มี…” ทะเลเลือดเอ่ยหนักแน่น

“รับทราบแล้ว เช่นนั้นกระผมขอตัวก่อน”

ทหารพิทักษ์โค้งคำนับเขา หันหลังและจากไป

ทหารพิทักษ์ก้มลงมองใบรายการเพื่อค้นหาตัวตนทรงอำนาจอันดับต่อไป

จอมมารทะเลเลือดนิ่งงันอยู่ในจุดเดิมไปพักหนึ่ง

“แบรี่ ข้ามีคำถาม” เขากล่าว

“ว่าไง?” แบรี่ตอบ

“เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับสกิลของราชินีหนามที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ สกิลที่สามารถแจกจ่ายยุทโธปกรณ์ให้แก่ทุกคนในสนามรบได้”

แบรี่ไม่คาดคิดว่าทะเลเลือดจะถามคำถามนี้ เขาครุ่นคิดและกล่าว “อืม…เป็นสกิลที่ทรงประสิทธิภาพมากจริงๆ ถ้าใช้มันในระหว่างสงครามล่ะก็ คงจะเป็นสกิลที่มีบทบาทสำคัญมากทีเดียว”

จอมมารทะเลเลือดพยักหน้า “ข้าเองก็ไม่เคยเห็นสกิลแบบนั้นมาก่อนเลย ดูเหมือนว่าราชินีตัวน้อยก็จะมีดีอยู่บ้างเหมือนกัน ดังนั้น ข้าเลยคิดว่ารอเข้าพบสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร”

เขากล่าวกระซิบ “นอกจากนี้ยังมีเหมันต์ยามค่ำอีเลียที่สามารถทำลายระบบของราชามารลงได้อีก เธอจะเป็นตัวตนเช่นไรกันนะ นี่ก็คุ้มค่าที่จะให้ข้าเสียเวลาพบเจอเช่นกัน…”

ขณะกล่าว ทะเลเลือดก็เดินแหวกตัวผ่านฝูงชน ตรงเข้าไปยังทิศทางของห้องโถง

ซึ่งตรงส่วนนั้นคือล็อบบี้ของโรงแรมอัลเบอัส ที่บัดนี้ถูกจัดไว้เป็นที่รองรับชั่วคราวสำหรับเหล่าฮีโร่อันทรงเกียรติที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้

แบรี่และคนรอบตัวเขาหันมามองหน้ากันและกันด้วยความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว” แบรี่เปิดประเด็น

เสี่ยวเหมียวเองก็ประหลาดใจเช่นกัน “เขาเดินเข้าไปในห้องโถง เหมือนกับว่าเตรียมพร้อมที่จะก้มหัวรับรางวัลจากราชินีหนามแล้ว”

ตัวตนทรงอำนาจรอบๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ทันใดนั้นเอง คนหนึ่งก็กระซิบออกมา “ฉันว่ารางวัลของราชินีจะต้องดีมากแน่ๆ เลย”

เหล่าตัวตนทรงอำนาจนิ่งงันไป

คงไม่ผิดแล้ว มันจะต้องเป็นของดีมากอย่างแน่นอน

ย้อนนึกไปถึงทัศนคติก่อนหน้านี้ของทะเลเลือด แล้วกลับมาดูท่าทีของเขาในปัจจุบัน ข้อข้องใจในหัวใจของทุกคนก็กระจ่างชัด

“ไอ้คนกลับกลอกโลภมาก…”

พวกเขาสบถด่าในความคิดอย่างเงียบๆ

เวลานั้นเอง เสี่ยวเหมี่ยวก็รู้สึกถึงบางอย่าง และหันไปยังทิศทางหนึ่ง

เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่กำลังเดินมาอย่างช้าๆ

“กู่ฉิงซาน ฉันได้ฟังเรื่องของนายจากเลดี้เทสส์แล้วนะ โชคดีจริงๆ ที่นายออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร” เสี่ยวเหมียวกล่าวด้วยความสุข

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าว “ที่ผมทำก็แค่ซ่อนตัวอยู่ในอัลเบอัสเท่านั้นเอง แต่เป็นฝั่งคุณต่างหากที่น่าเป็นห่วง ได้ยินมาว่าได้เข้าร่วมสงครามอันตรายมากๆ ด้วยนี่”

แบรี่กวาดสายตามองกู่ฉิงซานขึ้นลงๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยดี ก่อนจะหัวเราะออกมา “เอาเหอะ โชคดีจริงๆ ที่นายปลอดภัย ฉันก็กลัวว่าจะต้องสูญเสียคนที่เพิ่งเข้าร่วมสมาคมไปเสียแล้ว”

เขาเดินไปตบไหล่ของกู่ฉิงซาน และลากตัวกู่ฉิงซานไปแนะนำให้เพื่อนๆ ของเขารู้จักทีละคน ทีละคนด้วยตัวเอง

แม้พื้นฐานวรยุทธ์ของกู่ฉิงซานจะไม่สูงอะไรมากมายนัก แต่อายุของเขาก็ยังน้อยอยู่มาก

ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถก้าวขึ้นเป็นขอบเขตร่างเทวะด้วยอายุเพียงเท่านี้  ไม่ว่าจะมองมุมไหน เจ้าตัวก็นับว่าไร้ที่ติ

นอกจากนี้ กู่ฉิงซานยังได้รับการยอมรับจากแบรี่และเสี่ยวเหมียว ทำให้ตัวเขาดูมีค่ามากยิ่งขึ้น

เหล่าตัวตนทรงอำนาจต่างยิ้ม และกล่าวทักทายเขา

ทั้งหมดเคยข้ามผ่านทุกประสบการณ์อันหลากหลายในต่างโลกมามากมาย ได้พบเจอกับผู้คนมานับไม่ถ้วน ดังนั้นยิ่งได้สนทนากันมากขึ้นเท่าใด ทุกคนต่างก็เริ่มชื่นชมในตัวชายหนุ่มคนนี้มากขึ้นเท่านั้น

“อาจริงสิ แบรี่ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ดูเหมือนว่าการเรียกขานของวิหคหนามในคราวนี้ ผมจะไม่ได้รับอะไรที่สามารถใช้หนี้ของสมาคมได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าว

“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันเองก็รักษาตัวจนหายดีแล้ว ดังนั้นถ้าอยากจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก ก็คงไม่ต้องมามัวพะวงอีกต่อไป” แบรี่ตบหน้าอกตนเอง

“มันไม่ใช่ความผิดนายหรอก ก็ใครจะไปคิดกันล่ะว่า เรื่องราวต่างๆ มันจะกลายมาเป็นแบบนี้” เสี่ยวเหมียวพูดเบาๆ

“แต่หนี้ของสมาคม…” กู่ฉิงซานลังเล

แบรี่ชี้ไปทางห้องโถงและยิ้ม “ลองเดาสิ ว่าราชินีหนามจะตอบแทนฉันด้วยอะไร?”

กู่ฉิงซานกล่าวทันที “ผมจำได้ว่าคุณได้เห็นใบรายการรางวัลแล้วใช่ไหม บนนั้นเขียนว่าพวกคุณได้สมบัติอะไรหรือ?”

“ไม่มีสมบัติอะไรเขียนเอาไว้หรอก แต่มีประโยคหนึ่งถูกเขียนเอาไว้แทน ‘หนี้ทั้งหมดของสมาคมกำปั้นเหล็ก ทางอาณาจักรหนามจะเป็นผู้รับผิดชอบชดใช้ให้เอง’”

“ใช่!! พวกเราไม่เป็นหนี้อีกต่อไปแล้ว!” เสี่ยวเหมียวปรบมือด้วยความสุข

“เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ”

กู่ฉิงซานโล่งอก และแอบคิดว่าเขานี่รอบคอบดีจริงๆ ที่เคยบอกอีเลียเกี่ยวกับเรื่องนี้

มองไปยังเสี่ยวเหมียว เขาก็เอ่ยถามออกมาอีกครั้งด้วยความสงสัย “ว่าแต่ราชินีหนามมอบรางวัลอะไรให้แก่คุณงั้นหรือ?”

“เป็นแหวน แหวนที่จะช่วยให้ฉันสามารถใช้พลังมิติได้อย่างแม่นยำ”

“หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ…”

“ใช่ ต่อจากนี้ไปหากนายต้องการจะไปที่ไหน ก็ขอให้บอกฉันได้เลย” เสี่ยวเหมียวกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

และแล้วในไม่ช้า เวลากล่าวยกย่องและมอบรางวัลของราชินีหนามก็มาถึงในที่สุด

ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู้ห้องโถง

ทหารพิทักษ์แห่งหนามเริ่มทยอยอ่านรายชื่อ

มีเพียงตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการ และผู้นำกองกำลังสำคัญๆ เท่านั้นที่สามารถเข้ามาในห้องโถง และได้รับรางวัลจากราชินีหนาม…ทีละคน

เผ่าพันธุ์หนาม เป็นเผ่าพันธุ์เดียวในดินแดนอัศจรรย์ที่ยินดีจะติดต่อกับโลกภายนอก พวกเขาครอบครองสมบัตินับไม่ถ้วน แถมยังมีรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์คอยปกปัก ดังนั้นทุกคนจึงให้เกียรติแก่พวกเขามาก

ตัวตนทรงอำนาจตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นต่างมารวมตัวกันด้านนอกห้องโถง เพื่อเฝ้ารอการเรียกเข้าไปรับรางวัล

แต่ก็จะมีบ้างเป็นบางคน ดั่งเช่นบรรดาคนที่ยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว ที่รู้สึกสับสนและงงงวยเกี่ยวกับมัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้อ่านรายชื่อของรางวัลของตน คนหนุ่มสาวก็ตระหนักได้ทันที ว่าที่เรียกกันว่าอาณาจักรวิหคหนาม และราชินีหนามนั้นคือสิ่งใด

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาได้พบเจอกับอาณาจักรหนาม และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะถูกประทับลงอย่างลึกซึ้งในความทรงจำของพวกเขาและเธอ

เขาและเธอจะจดจำไปตลอดชั่วชีวิต ว่าอาณาจักรหนามในดินแดนอัศจรรย์ มิใช่สิ่งที่จะสามารถยั่วยุได้

ส่งผลให้ราชินีแห่งหนาม…ลอร่าในช่วงเวลานี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวตนอันเลื่องชื่อที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

เมื่อเวลาผ่านไป ตัวตนทรงอำนาจมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มก้าวเข้ามาในห้องโถง

“สมาคมกำปั้นเหล็ก แบรี่ และเสี่ยวเหมียว” ทหารพิทักษ์ประกาศ

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวหันมายิ้มให้แก่กัน และเดินเข้าห้องโถงไป

………………………………………….